Hyundai Ioniq 6 รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นล่าสุดจาก Hyundai การันตีคุณภาพ และสมรรถนะด้วยรางวัลจากเวที World Car Awards 2023 ถึง 3 สาขา ทั้งรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี รางวัลรถยนต์ไฟฟ้ายอดเยี่ยม และรางวัลรถยนต์ดีไซจ์นยอดเยี่ยม โดยการออกแบบของ Ioniq 6 ผสานความสง่างามเข้ากับความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ พร้อมไฟหน้า และไฟท้ายแบบ Parametric Pixel จุดเด่นของ Ioniq 6 คือ ห้องโดยสารที่กว้างขวางสะดวกสบาย อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ระบบไฟ Dual Ambient Mood Lighting พร้อมระบบความบันเทิงรุ่นล่าสุด ทั้งหน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว และเครื่องเสียง Bose premium sound system
Hyundai Ioniq 6 ยังเพียบพร้อมด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง Hyundai SmartSense เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ด้านสมรรถนะโดดเด่นด้วยการขับเคลื่อนของมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 229 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 35.7 กก.-ม. ทำงานร่วมกับแบทเตอรีแบบ Lithium-ion ขนาด 77.4 กิโลวัตต์ชั่วโม ระยะทำการสูงสุด 545 กม. (มาตรฐาน WLTP) โดย Ioniq 6 เปิดตัวราคาพิเศษเริ่มต้น 1,899,000 บาท (และกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติภายใต้โครงการ EV 3.5)
Hyundai เตรียมแพคเกจบริการหลังการขาย โดดเด่นเหนือใคร สงวนสิทธิ์สำหรับลูกค้าที่สนใจรถยนต์ไฟฟ้า Ioniq กับการรับประกันคุณภาพตัวรถนาน 5 ปี หรือ 150,000 กม. การรับประกันแบทเตอรีไฟฟ้าแรงดันสูงนาน 8 ปี หรือ 160,000 กม. ฟรีค่าแรงเชคระยะตามตารางบำรุงรักษา 10 ปี หรือ 150,000 กม. พร้อมสิทธิประโยชน์รับบริการ Charge anywhere service สิทธิประโยชน์รับบริการ Pick up and Delivery บริการยก/ลากไม่จำกัดจำนวนครั้ง และฟรีโฮมชาร์เจอร์ รับประกันนานถึง 3 ปี พร้อมฟรีค่าแรงติดตั้งโฮมชาร์เจอร์ พิเศษสุด Hyundai ยังมอบเครดิทชาร์จฟรีจาก Shell Recharge มูลค่า 5,000 บาท โดยมีจำนวนจำกัด
Hyundai ยังเผยโฉมรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ ใช้พื้นฐานจากรุ่น Ioniq 6 นั่นคือ RN22e Rolling Lab เป็นรถยนต์ต้นแบบที่จะแสดงให้เห็นถึงอนาคตของรถยนต์สมรรถนะสูง พร้อมมอบอีกระดับของประสบการณ์การขับขี่ด้วยขุมพลังไฟฟ้า พร้อมยึดมั่น 3 แกนหลักของแบรนด์ N ทั้งสมรรถนะบนทางโค้ง, ความแรงในสนามแข่ง และรถสปอร์ทที่ใช้งานได้ทุกวัน โดยสิ่งที่ทีมพัฒนารถยนต์ของ Hyundai เรียนรู้จากรถยนต์ต้นแบบคันนี้ ได้ถูกนำมาพัฒนาต่อเป็นรถยนต์ที่ออกจำหน่ายจริง ซึ่งนำมาจัดแสดงในงานนี้เช่นกัน ทั้ง Elantra N และ Ioniq 5 N
นอกจากนี้ ทาง Hyundai ยังมีทางเลือกรถยนต์รุ่นอื่นๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ Creta Alpha เพื่อสานต่อความสำเร็จของ Creta Black Edition รุ่นพิเศษผลิตจำนวนจำกัด ซึ่งเปิดตัวในปีก่อน และจำหน่ายหมดภายในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ Creta Alpha ใช้ตัวถังสีดำด้าน Midnight Matte Black เสริมอุปกรณ์ตกแต่งภายนอกรอบคัน รวมถึงล้อแมก 17 นิ้ว สีดำเช่นกัน เพื่อเพิ่มความเข้มอีกขั้น ภายในห้องโดยสารเสริมการตกแต่งด้วยการใช้แถบสีแดง และตะเข็บสีแดงตกแต่งรอบห้องโดยสาร พร้อมมอบความสุนทรียภาพให้ผ่านเครื่องเสียง Bose Premium Sound System สำหรับราคาเปิดตัว Hyundai Creta Alpha เริ่มต้นที่ 929,000 บาท
ทางเลือกเอมพีวีขนาดเหมาะสมกับ Hyundai Stargazer รุ่น X6 และ X7 มีให้เลือกทั้งรุ่น 6 และ 7 ที่นั่ง พร้อมทางเลือกตัวถังสีด้าน ทั้งสีขาว Optic White Matte และสีทอง Gravity Gold Matte เปิดประสบการณ์สุนทรียภาพ ด้วยเสียงคุณภาพสูงผ่านเครื่องเสียง Bose Premium Sound System ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน SmartStream 1.5L MPI ที่ให้ทั้งความประหยัด และตอบสนองฉับไว มั่นใจในความปลอดภัยด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่ Hyundai SmartSense โดยรุ่น Stargazer X6 ในราคาเริ่มต้น 949,000 บาท และ Stargazer X7 ราคาเริ่มต้นที่ 929,000 บาท
ส่วนเอมพีวีรุ่นใหม่ยังคงน่าสนใจ ได้แก่ Hyundai Staria รถยนต์หรูสำหรับครอบครัวที่มีดีไซจ์นโดดเด่น มากด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง และเบาะที่ปรับได้หลายรูปแบบ โดย Staria รุ่นใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ขนาด 2.2 ลิตร มลพิษลดลง และผ่านมาตรฐาน Euro 5 ภายนอกยังปรับรูปลักษณ์ด้วยโลโกแบรนด์แบบใหม่ 2 มิติ ห้องโดยสารมีประโยชน์ใช้สอยกว่าเดิมด้วยช่องชาร์จแบบ USB Type C พิเศษเฉพาะ สำหรับ Staria Premium รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมกับเสาอากาศแบบครีบ และล้อสีดำเงา Black High Gloss เพื่อรูปลักษณ์ที่แตกต่าง โดย Hyundai Staria Trend S ราคาเริ่มต้นที่ 1,819,000 บาท และ Hyundai Staria Premium 2,419,000 บาท