Autoinfo Online มีโอกาสได้เข้าร่วมชมการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ รายการยอดนิยมของประเทศญี่ปุ่น “ENEOS Super Taikyu Series 2024 Empowered by BRIDGESTONE” หรือ Super Taikyu 2024 รายการแข่งรถเอนดูรานศ์สุดทรหด 24 ชม. โดยรายการนี้จัดแข่งมาตั้งแต่ปี 1991 รู้จักกันในชื่อของ S-Tai มีทีมแข่งระดับโลก เข้าร่วมการแข่งขันมากมาย สนามนี้มีรถเข้าแข่งขันกว่า 60 คัน
สำหรับปีนี้จัดการแข่งขัน 7 สนาม และสนามนี้เป็นสนามที่ 2 ของรายการ มีชื่อการแข่งขันอย่างเป็นทางการว่า “Round 2 Fuji Super TEC 24 Hours Race” เป็นการแข่งขันสนามเดียว ที่แข่งขันนานถึง 24 ชม. จัดการแข่งขัน ณ สนามฟูจิ สปีดเวย์ ประเทศญี่ปุ่น
ก่อนการแข่งขันเรามีโอกาสได้สัมภาษณ์ อากิโอะ โตโยดะ ประธาน Toyota Motor Corporation ประเทศญี่ปุ่น หรือที่รู้จักในนามของ Morizo หนึ่งในนักแข่งคนสำคัญของทีม Rookie Racing ถึงทิศทางการพัฒนารถที่ควบคู่กับกีฬามอเตอร์สปอร์ท
“ความคาดหวังจากการแข่งขันในครั้งนี้ Rookie Racing Team ของเรามีอยู่ 3 คัน คือ รถแข่งหมายเลข 1, 28 และ 32 โดยรถแข่งหมายเลข 1 เป็นคันที่ชนะเลิศในปีที่แล้ว ปีนี้ก็หวังที่จะชนะเลิศเช่นกัน ขณะที่หมายเลข 28 และ 32 เป็นรถแข่ง 2 คันที่จะทำการทดสอบความเป็นกลางทางคาร์บอน เราได้สร้างตัวเลือกที่หลากหลายด้านความเป็นกลางทางคาร์บอน ตั้งแต่เมื่อ 3 ปีก่อนโดยใช้รถ 2 คันนี้มาทดสอบในสนามแข่งจริง เพื่อแสดงให้เห็นถึงตัวเลือกของพลังงานสะอาดที่หลากหลาย
3 ปีผ่านไป มีคนที่เห็นด้วยกับแนวคิดของเรา มาเป็นเพื่อนเรามากขึ้น และในครั้งนี้ เราก็ต้องการที่จะหาเพื่อนให้มากขึ้นเช่นกัน ส่วนตัวผมจะขับรถแข่งหมายเลข 32 ซึ่งเครื่องยนต์ใช้ไฮโดรเจน คิดว่าจะขับให้จำนวนได้มาก และนานที่สุด เพื่อสร้างตัวเลือกของพลังงานอนาคตขึ้นมาใหม่”
ส่วนเทคโนโลยีใหม่ที่ใส่มากับรถแข่งในปีนี้ ใกล้ที่จะใช้กับรถจริงแล้วหรือไม่ Morizo กล่าวว่า “เราพยายามพัฒนาเทคโนโลยีให้ใช้ได้ในอนาคต เครื่องยนต์ไฮโดรเจนก็เหมือนกับรถ EV ต้องมีความพร้อมทั้งเทคโนโลยีในตัวรถ และความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถใช้ได้จริง
การที่เรามาเปิดตัวเทคโนโลยีในครั้งนี้ ก็เพื่อให้คนที่เห็นด้วยกับเรามาเป็นเพื่อน มาร่วมพัฒนาเพิ่มขึ้น เราก็หวังให้คนในเอเชียโดยเฉพาะประเทศไทย มาร่วมกันสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน ให้มีความหลากหลายเพื่ออนาคต”
เช่นเดียวกับทีมแข่งอื่นๆ ที่ OEM เช่น ทีมแข่ง Subaru, Mazda ให้การสนับสนุน ก็พยายามพัฒนาเรื่องความเป็นกลางทางคาร์บอน ร่วมถึงทีมแข่ง Nissan, Honda และผู้ผลิตอื่นๆ ก็เข้าร่วมที่จะลด CO2 “เราต้องการเปลี่ยนอนาคต ข้อมูลที่ได้ระหว่างการแข่งขัน ยิ่งมากเท่าไรก็ยิ่งดี เราอยากวิ่งให้นานที่สุด และไกลที่สุด และอยากจะให้สังเกตพิทของทีมเรา ถ้าเทียบกับทีมอื่นๆ จะเงียบกว่ามาก เพราะเราใช้ไฟฟ้าที่ได้จากเชื้อเพลิงไฮโดรเจน เรานำรถ Toyota Mirai มาเพื่อใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า โดยเราเก็บข้อมูลว่า 3 ปีที่เรามาแข่ง ได้ใช้ไฮโดรเจนไปเท่าไร พบว่าเท่ากับปริมาณไฟฟ้า 1 ปีที่ 1 ครัวเรือนทั่วไปใช้จริง คือ เรามาแข่ง 6 ครั้ง ได้พิสูจน์ว่าเป็นการใช้ไฮโดรเจนผลิตไฟฟ้าเท่ากับไฟฟ้าที่ 1 ครัวเรือนใช้ใน 365 วัน นอกจากนี้ การใช้ไฮโดรเจนใน 6 สนามแข่ง เทียบเท่ากับการลดการปล่อย CO2 ของ 1 ครัวเรือนที่ปล่อยออกมา 3 ปี เหล่านี้เป็นข้อมูลที่เราพิสูจน์ได้จากการลงแข่งที่ผ่านมา”
สำหรับรายการ Super Taikyu มีโอกาสที่จะจัดการแข่งขันประเทศไทยหรือไม่ Morizo กล่าวว่า “ผมจะขึ้นตำแหน่งเป็นผู้บริหารระดับสูงของ Super Taikyu Organization ในเดือนมิถุนายนนี้ หากการแข่งขัน 25 ชม. ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ประเทศไทย และการแข่งขันฟูจิ 24 ชม. เป็นซีรีส์เดียวกัน คิดว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับนักแข่งชาวไทย
ปีที่แล้ว ที่ทีมเราไปแข่งที่ประเทศไทย เรามีการเก็บและพัฒนาข้อมูลหลายประเด็น ปีที่แล้วเราใช้แกสไฮโดรเจน แต่ที่ญี่ปุ่นเราใช้ไฮโดรเจนเหลว หมายความว่า รถที่แข่งในสนามนี้ได้รับการยกระดับขึ้นมากจากที่แข่งในประเทศไทย และการเติมเชื้อเพลิงก็ดีขึ้นจากเดิม การที่เราพัฒนารถผ่านการแข่งในสนามแข่ง หมายความว่ารถที่มาแข่งในสนามล่าสุดจะดีขึ้นกว่าเดิมมาก และมีเพื่อนที่เห็นด้วยกับเรามากขึ้นด้วย”