ธุรกิจ
ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์
เปิดจองพื้นที่ MOTOR EXPO 2024
ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธาน บริษัท สื่อสากล จำกัด และประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” เปิดเผยว่า “จากความสำเร็จของงานปีก่อน ที่มียอดจำหน่ายรถยนต์ 53,248 คัน จักรยานยนต์ 7,373 คัน สร้างเม็ดเงินสะพัดรวมกว่า 7.2 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้การเปิดจองพื้นที่ MOTOR EXPO 2024 ภายในอาคารชาลเลนเจอร์ 1-3 รวม 60,000 ตารางเมตร ได้รับความสนใจจากค่ายรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง อย่างล้นหลาม แม้ยอดจำหน่ายรถยนต์ในไตรมาสแรกของปีนี้จะลดลง 24.6 %
ยิ่งกว่านั้น จำนวนแบรนด์รถยนต์ที่สนใจร่วมจองพื้นที่งาน MOTOR EXPO 2024 ยังมีมากขึ้น ส่งผลให้เราต้องขยายพื้นที่แสดงรถยนต์ให้มีขนาดใหญ่กว่าปีที่แล้ว พร้อมจัดสรรพื้นที่สำหรับรถจักรยานยนต์ มอเตอร์สปอร์ท เครื่องเสียง อุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง ให้ลงตัวกว่าเดิม รวมทั้งยังมีพื้นที่แสดงเรือ และอากาศยานด้วย”
“มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “จิตวิญญาณแห่งนวัตกรรม…ยานยนต์ล้ำอนาคต-Innovative Spirit…Futuristic Vehicles” โดยมีอุปถัมภ์อย่างเป็นทางการ ได้แก่ บริษัท ทรู วิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) และบริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด
พบกับ งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” ณ อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2567 ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ motorexpo.co.th และทุกสื่อในเครือ “IMC สื่อสากล”
GWM ยังดำเนินธุรกิจในไทยเหมือนเดิม
หลังจาก GWM (Great Wall Motor) มีข่าวเตรียมปิดสำนักงานใหญ่ในทวีปยุโรปออกมา และอาจสงผลต่อการเลิกจ้างพนักงานกว่า 100 ชีวิต ทำให้ผู้ใช้รถยนต์ของ GWM ในประเทศไทย เกิดความกังวลไม่สบายใจ ล่าสุด GWM ประเทศไทย ได้ออกมาประกาศยืนยันว่าจะยังดำเนินกิจการต่อไปในประเทศไทย อย่างมั่นคง และแข็งแกร่ง และได้สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้ว่า ปัจจุบัน GWM เป็นแบรนด์รถจากจีนเพียงแบรนด์เดียว ที่มีโรงงานผลิตแบบเต็มรูปแบบที่จังหวัดระยอง
GWM ยืนยัน ยังดำเนินธุรกิจในไทย
GWM ออกมาชี้แจงผ่านเพจ GWM Thailand ให้แก่ลูกค้าประเทศไทย เพื่อสร้างความมั่นใจว่า
“จากสภาวการณ์ทั่วโลก และสถานการณ์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย ทำให้เกิดข่าวลือด้านลบกับการดำเนินงานของบริษัทค่ายรถยนต์ต่างๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับเกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) เราขอเรียนยืนยันว่า การดำเนินธุรกิจในประเทศไทยของเรายังคงดำเนินไปด้วยความมั่นคง และแข็งแกร่ง ทั้งด้านการขาย และบริการหลังการขาย รวมถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์ และการบริการที่มีคุณภาพให้แก่ลูกค้าชาวไทย ทั้งลูกค้าในปัจจุบัน และลูกค้าในอนาคตของเราอย่างเต็มกำลังความสามารถ เราเป็นแบรนด์จากประเทศจีนเพียงรายเดียวในปัจจุบันที่มีโรงงานผลิตแบบเต็มรูปแบบที่จังหวัดระยอง และดำเนินการผลิตมาเป็นเวลามากกว่า 3 ปี รวมถึงนำพันธมิตรทางธุรกิจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น SVOLT, HYCET, NOBO, MIND และ Exquisite สร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่คนไทยหลายพันคน รวมถึงมีรถยนต์พลังงานใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในวงกว้าง และครอบคลุมในหลากหลายเซกเมนท์ ที่เป็นโอกาสทางการขายให้แก่พาร์ทเนอร์สโตร์ของเรา ทั้งไฮบริด, พลัก-อิน ไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้า 100 % รวมถึงยังมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการใช้ และการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าระดับภูมิภาคอีกด้วย"
เตรียมปิดสำนักงานใหญ่ GWM ในยุโรป
มีรายงานข่าวจาก NikkeiAsia เผยว่า สำนักงานใหญ่ที่ยุโรปของ GWM เตรียมปิดตัวลง พร้อมเลิกจ้างพนักงานทั้งหมด รวมไปถึงผู้บริการนับร้อยชีวิต ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2024 นี้เป็นต้นไป หลังจากที่ประสบปัญหายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในทวีป พร้อมกับระงับแผนการขยายไปยังออสเตรเลีย และสวิทเซอร์แลนด์ โดยให้ฝั่งสำนักงานใหญ่ในประเทศจีนมาดูแลการขายสินค้าในตลาดยุโรป ทั้งในเยอรมนี สหราชอาณาจักร และไอร์แลนด์แทน
โดยก่อนหน้านี้มีพนักงาน GWM ในเยอรมนีเผยกับทาง NikkeiAsia ว่า การประกาศปิดสำนักงานใหญ่ในยุโรปได้ออกมาตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม 2024 แล้ว แต่ยังไม่ได้ถูกส่งผ่าน E-mail หรือมือถือพนักงานเท่านั้น จนถึงตอนนี้ทางแบรนด์ก็ได้มีแผนสร้างโรงงานในทวีปยุโรป โดยตั้งเป้าหมายยอดขายต่างประเทศไว้ที่ 1 ล้านคัน ในปี 2025 แต่ก็ได้มีการปรับเป้าหมายให้อยู่ที่ปี 2030
Toyota เผยยอดขายรถยนต์เดือนเมษายนชะลอตัว
ศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เผยสถิติขายรถยนต์ประจำเดือนเมษายน 2567 มียอดขาย 46,738 คัน ลดลง 21.5 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา กลุ่มตลาดรถยนต์นั่งมีการชะลอตัวที่ 14.4 % ด้วยยอดขาย 17,288 คัน ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ชะลอตัวเช่นกันที่ 25.1 % ด้วยยอดขาย 29,450 คัน และตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ชะลอตัวลงมากที่สุด ด้วยยอดขาย 17,689 คัน ลดลงถึง 34 % ในส่วนของตลาด xEV มียอดขายทั้งหมด 15,161 คัน คิดเป็นสัดส่วน 32.4 % ของตลาดรถยนต์ทั้งหมด เติบโตขึ้น 27 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ยอดขายรถยนต์ HEV เติบโตขึ้น 56 % ด้วยยอดขาย 10,208 คัน ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ BEV อยู่ที่ 4,282 คัน ลดลง 4 %
ตลาดรถยนต์ในเดือนพฤษภาคม มีแนวโน้มจะดีขึ้นจากเดือนเมษายน แต่ยังคงลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังคงฟื้นตัวช้า
ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนเมษายน 2567
1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 46,738 คัน ลดลง 21.5 %
อันดับที่ 1 Toyota 19,422 คัน ลดลง 0.7 % ส่วนแบ่งตลาด 41.6 %
อันดับที่ 2 Isuzu 6,856 คัน ลดลง 48.6 % ส่วนแบ่งตลาด 14.7 %
อันดับที่ 3 Honda 5,743 คัน ลดลง 10.4 % ส่วนแบ่งตลาด 12.3 %
2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 17,288 คัน ลดลง 14.4 %
อันดับที่ 1 Toyota 5,500 คัน ลดลง 24.5 % ส่วนแบ่งตลาด 31.8 %
อันดับที่ 2 Honda 3,442 คัน ลดลง 9 % ส่วนแบ่งตลาด 19.9 %
อันดับที่ 3 Mitsubishi 1,665 คัน เพิ่มขึ้น 10.8 % ส่วนแบ่งตลาด 9.6 %
3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 29,450 คัน ลดลง 25.1 %
อันดับที่ 1 Toyota 13,922 คัน เพิ่มขึ้น 13.4 % ส่วนแบ่งตลาด 47.3 %
อันดับที่ 2 Isuzu 6,856 คัน ลดลง 48.6 % ส่วนแบ่งตลาด 23.3 %
อันดับที่ 3 Honda 2,301 คัน ลดลง 12.4 % ส่วนแบ่งตลาด 7.8 %
4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และรถกระบะดัดแปลง PPV*)
ปริมาณการขาย 17,689 คัน ลดลง 34 %
อันดับที่ 1 Toyota 8,647 คัน ลดลง 15.6 % ส่วนแบ่งตลาด 48.9 %
อันดับที่ 2 Isuzu 6,091 คัน ลดลง 48.7 % ส่วนแบ่งตลาด 34.4 %
อันดับที่ 3 Ford 2,015 คัน ลดลง 29.8 % ส่วนแบ่งตลาด 11.4 %
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 3,622 คัน
Toyota 1,335 คัน - Isuzu 1,044 คัน - Ford 1,012 คัน - Mitsubishi 192 คัน - Nissan 39 คัน
5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 14,067 คัน ลดลง 35.7 %
อันดับที่ 1 Toyota 7,312 คัน ลดลง 12.4 % ส่วนแบ่งตลาด 52 %
อันดับที่ 2 Isuzu 5,047 คัน ลดลง 50.5 % ส่วนแบ่งตลาด 35.9 %
อันดับที่ 3 Ford 1,003 คัน ลดลง 50.6 % ส่วนแบ่งตลาด 7.1 %
สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม-เมษายน 2567
1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 210,494 คัน ลดลง 23.9 %
อันดับที่ 1 Toyota 78,232 คัน ลดลง 17.4 % ส่วนแบ่งตลาด 37.2 %
อันดับที่ 2 Isuzu 31,300 คัน ลดลง 48.3 % ส่วนแบ่งตลาด 14.9 %
อันดับที่ 3 Honda 30,847 คัน ลดลง 4.7 % ส่วนแบ่งตลาด 14.7 %
2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 82,903 คัน ลดลง 15.2 %
อันดับที่ 1 Toyota 22,131 คัน ลดลง 37.4 % ส่วนแบ่งตลาด 26.7 %
อันดับที่ 2 Honda 17,640 คัน ลดลง 18.2 % ส่วนแบ่งตลาด 21.3 %
อันดับที่ 3 Mitsubishi 6,619 คัน ลดลง 1.5 % ส่วนแบ่งตลาด 8 %
3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 127,591 คัน ลดลง 28.7 %
อันดับที่ 1 Toyota 56,101 คัน ลดลง 5.4 % ส่วนแบ่งตลาด 44 %
อันดับที่ 2 Isuzu 31,300 คัน ลดลง 48.3 % ส่วนแบ่งตลาด 24.5 %
อันดับที่ 3 Honda 13,207 คัน เพิ่มขึ้น 22.3 % ส่วนแบ่งตลาด 10.4 %
4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และรถกระบะดัดแปลง PPV*)
ปริมาณการขาย 74,114 คัน ลดลง 42.2 %
อันดับที่ 1 Toyota 33,895 คัน ลดลง 31.6 % ส่วนแบ่งตลาด 45.7 %
อันดับที่ 2 Isuzu 27,572 คัน ลดลง 50.2 % ส่วนแบ่งตลาด 37.2 %
อันดับที่ 3 Ford 7,946 คัน ลดลง 42.9 % ส่วนแบ่งตลาด 10.7 %
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 13,436 คัน
Toyota 4,983 คัน - Isuzu 4,212 คัน - Ford 3,151 คัน - Mitsubishi 924 คัน - Nissan 166 คัน
5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 60,678 คัน ลดลง 42.3 %
อันดับที่ 1 Toyota 28,912 คัน ลดลง 29.3 % ส่วนแบ่งตลาด 47.6 %
อันดับที่ 2 Isuzu 23,360 คัน ลดลง 50.9 % ส่วนแบ่งตลาด 38.5 %
อันดับที่ 3 Ford 4,795 คัน ลดลง 49.6 % ส่วนแบ่งตลาด 7.9 %
ซิกท์ รถเช่า ประเทศไทย เปิดตัวบริการใหม่
ซิกท์ รถเช่า ประเทศไทย ภายใต้บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถเช่าระยะสั้นจากประเทศเยอรมนี เปิดตัวบริการใหม่ "Sixt Premium Assist" ผู้ช่วยส่วนตัว ที่จะทำให้การเดินทางง่ายขึ้น สะดวก รวดเร็ว และคุ้มค่ากว่าที่เคย
ภูมน สมดี ผู้จัดการทั่วไป ซิกท์ รถเช่า ประเทศไทย กล่าวว่า ธุรกิจของ Sixt มีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุด ล่าสุดเปิดตัวบริการใหม่ "Sixt Premium Assist" เป็นบริการล่าสุดที่อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าอีกระดับ เสมือนมีผู้ช่วยส่วนตัวที่คอยอำนวยความสะดวก ช่วยดูแลในทุกขั้นตอนการใช้บริการในต่างประเทศ รวมถึงรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับข้อกำหนด และเงื่อนไขการเช่ารถยนต์ หรือลีมูซีน พร้อมพนักงานขับ พร้อมช่วยค้นหารถยนต์ตามความต้องการ ตรวจสอบราคาเปรียบเทียบรุ่นรถ บริการเสริม และข้อมูลประกันภัย รวมถึงการตอบคำถามต่างๆ เกี่ยวกับการเช่ารถ
พบความคุ้มค่าเหนือระดับกับ ซิกท์ รถเช่า ประเทศไทย ที่หยิบยื่นสิทธิพิเศษ ผ่านโปรโมชันร่วมกับแบรนด์ชั้นนำ ตลอดปี 2567
• AIS: รับส่วนลดสูงสุด 15 % สำหรับค่าเช่ารถ ซิกท์ และลีมูซีนทั่วโลก พิเศษ ! เมื่อเปิดใช้บริการ Sim2Fly หรือ Ready2Fly ในยุโรป และเอเชีย รับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 899 บาท*
• Thai Airways: รับส่วนลดสูงสุด 15 % เมื่อแสดงบัตรโดยสารเส้นทาง Kochi, Colombo และ Perth*
• ผู้ถือบัตรเครดิท JCB, KTC, TTB: รับส่วนลดสูงสุด 15 %*
• ผู้ถือบัตรเดบิท และบัตรท่องเที่ยว Krungthai, TTB: รับส่วนลดสูงสุด 15 %*
• ผู้ถือกรมธรรม์จาก Prudential และสมาชิก PRULegacy: รับส่วนลดสูงสุด15 %*
• สมาชิก Scarlet M Card และ BBL M Visa: รับส่วนลดสูงสุด 15 % เมื่อออกบัตรโดยสารกับ MGC Aviation*
ปัจจุบัน ซิกท์ รถเช่า ประเทศไทย มี 16 สาขาทั่วประเทศ คือ สาขาพัฒนาการ-ศรีนครินทร์, ลาดพร้าว, พระราม 4, ระยอง, อินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ตรีสอร์ท, หาดใหญ่ รวมถึงเคาน์เตอร์สนามบินต่างๆ อาทิ สุวรรณภูมิ, เชียงใหม่, น่านนคร, อุดรธานี, ขอนแก่น, อุบลราชธานี, ภูเก็ต, กระบี่, สมุย และสุราษฎร์ธานี
“Fast Auto Show Thailand 2024” ประกาศความพร้อม
บริษัท คิง ออฟ ออโต้ โปรดักท์ จำกัด ผู้จัดงานแสดงรถยนต์ครบวงจร Fast Auto Show Thailand 2024 เปิดฉากปลุกตลาดรถยนต์เมืองไทยช่วงครึ่งปีหลังให้คึกคักต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 ด้วยยนตรกรรมมากคุณภาพหลากหลายแบรนด์ ภายใต้คอนเซพท์ “รถใหม่โปรดี รถไฟฟ้ามีให้ลอง รถมือสองมีรับประกัน” ครบจบในงานเดียว ซึ่งมาพร้อมดีลเร้าใจสุดคุ้ม ห้ามพลาด 3-7 กรกฎาคม 2567 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา เข้าชมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย แถมลุ้นรับโชคตลอด 5 วันเต็ม
พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ ประธานจัดงาน Fast Auto Show Thailand 2024 เปิดเผยว่า “Fast Auto Show Thailand์” เป็นงานซื้อ-ขายรถครบวงจรที่จัดขึ้นในช่วงกลางปี ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 เป็นการรับไม้ต่อเพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไม่ให้หยุดนิ่ง กระตุ้นให้เกิดแรงซื้อ-ขายในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เป็นหนึ่งในหัวใจหลักด้านเศรษฐกิจของประเทศ โดยปีนี้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยได้รับการคาดการณ์ว่าจะยังคงอยู่ในภาวะทรงตัวระดับเดียวกับปีที่ผ่านมา หากแต่ด้วยแรงสนับสนุนด้านนโยบายของภาครัฐ ความร่วมมือของภาคเอกชน และภาคประชาชนที่ต่างพยายามช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจในมุมของตัวเองอย่างเต็มกําลัง เพื่อมุ่งหวังให้เกิดการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว จึงนับเป็นปีที่มีความท้าทาย และยังเป็นโอกาสของผู้ประกอบการในธุรกิจยานยนต์ ในการใช้งาน “Fast Auto Show Thailand 2024” ซึ่งเป็นงานที่มีศักยภาพดึงดูดคนมาร่วมงาน ด้วยประสบการณ์ และความสําเร็จในการจัดงานจับคู่ระหว่างผู้ซื้อ และผู้ขายมานานจนก้าวสู่ปีที่ 12 เป็นเครื่องมือการตลาดในการจัดกิจกรรมกระตุ้นยอดขายในช่วงกลางปี และเป็นโอกาสของผู้บริโภค เพราะการมาเลือกซื้อรถในพื้นที่ขายที่มีรถหลากหลายแบรนด์มาจัด แสดงพร้อมกัน พร้อมมีโปรโมชันพิเศษ ช่วยให้สามารถเปรียบเทียบคุณภาพ การให้บริการ และราคาที่ตรงใจ นอกจากนี้ ในภาวะเศรษฐกิจที่เร่งรีบยังช่วยให้สะดวก และประหยัดเวลา
"งาน Fast Auto Show Thailand 2024 ในปีนี้ เรายังคงความครบเครื่องต่อเนื่องจากปีที่แล่ว ด้วยการจัดงานบนพื้นที่ 15,000 ตารางเมตร พร้อมสรรพในทุกมิติ และยังได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มธุรกิจยานยนต์ที่ตอบรับเข้าร่วมงานมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ภายใต้คอนเซพท์ “รถใหม่โปรดี รถไฟฟ้ามีให้ลอง รถมือสองมีรับประกัน” เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่ต้องการใช้รถ ให้ “เลือกคันที่ชอบ ถอยคันที่ใช่” ได้อย่างสะดวก และมั่นใจ คือ 1. รถยนต์ใหม่ป้ายแดงที่จะมาพร้อมโปรโมชันสุดเร้าใจ 2. รถไฟฟ้า (EV) ทเรนด์ที่กําลังอยู่ในความสนใจของผู้ใช้รถในเมืองไทย ตอบรับกระแสรักษ์โลกด้วยการใช้พลังงานสะอาด ซึ่งมีทั้งแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า และมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเข้าร่วมพร้อมโซนทดสอบรถไฟฟ้าภายในฮอลล์ และ 3. รถใช้แล้วคุณภาพดี ที่สําคัญมีรับประกัน 5 ข้อ คือ ไม่ไฟไหม้ ไม่จมนํ้า ไม่ตัดต่อ ไม่ชนหนัก และจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย หากตรวจพบว่าผิดเงื่อนไข รับประกันซื้อคืน 100 % ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของงานในส่วนของรถใช้แล้วตลอดการจัดงาน 11 ครั้งที่ผ่านมา ทําให้มั่นใจว่าจะสามารถสร้างยอดจองรถภายในงานได้มากกว่าปีที่ผ่านมา"
รถใหม่โปรดีหลากแบรนด์ รถไฟฟ้ามีให้ลองก่อนตัดสินใจเป็นเจ้าของ
ชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานฝ่ายรถใหม่ เผยว่า จากข้อมูลการประเมินตลาดรถยนต์เมืองไทยในปี 2567 คาดการณ์ว่าจะมีรถใหม่จ่อคิวรอเปิดตัวหลายรุ่นต่อเนื่องไปตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ไฮบริดจะคึกคักมากเป็นพิเศษ รวมทั้งการเข้ามาของผู้ผลิตรถยนต์รายใหม่ๆ ซึ่งไม่เพียงเพิ่มสีสันให้แก่ตลาดรถยนต์เมืองไทยเท่านั้น แต่ยังหมายถึงสถานการณ์การแข่งขันที่เข้มข้นดุเดือดต่อจากนี้อีกด้วย
แบรนด์รถใหม่ป้ายแดงที่ตอบรับเข้าร่วมในงาน “Fast Auto Show Thailand 2024” มีทั้งสิ้น 15 แบรนด์ทั้งญี่ปุ่น จีน เกาหลี ยุโรป ประกอบด้วย Isuzu, Toyota, Honda, Mitsubishi, MG, Suzuki, Hyundai, Volvo, GWM, Neta, Benz Thonburi Phanich, Changan, Nextem, Wuling และมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า AJ EV โดยทุกแบรนด์พร้อมจัดแคมเปญโปรโมชันสุดเร้าใจเพื่อช่วยกระตุ้นตลาดยานยนต์ พร้อมมีระบบการจองคิวทดลองขับเพื่ออํานวยความสะดวกสําหรับลูกค้าที่กําลังจะตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์
ไฮไลท์พิเศษในปีนี้ คือ โซนทดสอบรถยนต์ไฟฟ้าภายในฮอลล์ ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากปีที่ผ่านมา โดยรถไฟฟ้าที่นํามาเปิดให้ทดสอบจะเป็นรุ่นใหม่ๆ ในตลาด อาทิ Honda e:N1 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในไทย ที่เปิดให้ทดสอบสําหรับผู้เข้าชมงาน “Fast Auto Show Thailand 2024” เนื่องจากปกติรุ่นนี้ไม่มีจําหน่ายแต่มีให้เช่าใช้เท่านั้น ตามด้วย Volvo EX30, ORA 07, Deepal S07, Hyundai, Ioniq 5, Neta VII และ MG4 ซึ่งในโซนนี้ยังจัดให้มีระบบการจองคิวเพื่อเปิดประสบการณ์การทดลองรถยนต์ไฟฟ้าภายในฮอลล์ก่อนตัดสินใจเป็นเจ้าของ
รถยนต์ใช้แล้วสภาพนางฟ้า เลขไมล์น้อย ราคาดีมีรับประกัน
อัษฎาวุธ อาสาสรรพกิจ รองประธานจัดงานฝ่ายรถใช้แล้ว กล่าวว่า ปัจจุบันภาพรวมตลาดรถยนต์มือสองเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัว และคาดการณ์ว่าจะเติบโตต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 จากปัจจัยด้านดีมานด์ในตลาด และตัวเลขการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชัดเจนมากขึ้น
งานปีนี้จึงพร้อมนําเสนอรยนต์หลากหลายเซกเมนท์โดยมีผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงาน 8 ราย ประกอบด้วย DDS คาร์เซ็นเตอร์ โยรัชดา ดา ศรีนครินทร์รถเศรษฐี Sethi Premium Used Car CarDeeSureOK Car Hero GWM Certified Pre-Owned และ Volvo Selekt Approved Used Cars ซึ่งผ่านการคัดเลือกให้เป็นพันธมิตรกับ “Fast Auto Show Thailand“ และมีการรับประกันว่าได้คัดเลือกรถรุ่นปีใหม่ สภาพนางฟ้า เลขไมล์น้อย นํามาจําหน่ายภายในงาน
“เพราะหัวใจหลักของความสําเร็จในส่วนของรถยนต์ใช้แล้ว คือ ความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มาซื้อรถในงานของเรา ที่นอกจากจะมีรถยนต์ให้เลือกหลากหลายรุ่น ครบทุกเซกเมนท์แล้ว ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานต่างเป็นพาร์ทเนอร์กับเรามานาน มีมาตรฐานที่เชื่อถือได้ และสิ่งสําคัญที่ถือเป็นจุดแข็ง และจุดขายของงาน คือ รถทุกคันต้องผ่านการตรวจสอบจากทีมงานมืออาชีพของ อาจารย์พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ ว่าเป็นรถที่เข้าเงื่อนไข 5 ข้อ คือ ไม่ไฟไหม้ ไม่จมนํ้า ไม่ตัดต่อ ไม่ชนหนัก และจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย หากพบว่ารถยนต์ใช้แล้วที่ซื้อไปไม่เป็นไปตาม 5 ข้อดังกล่าว รับประกันซื้อคืน 100 %”
รถแต่งโดนใจใช้คุ้ม พร้อมลุ้นรางวัลกับกิจกรรมอีสปอร์ท
พีระพงศ์ เอี่ยมลําเนา รองประธานจัดงานฝ่ายรถตกแต่ง โมดิฟาย และกิจกรรมอีสปอร์ท เผยว่า กิจกรรมที่น่าสนใจในงานยังคงมีอยู่เต็มร้อยเหมือนทุกปีโดยเฉพาะโซนรถตกแต่งพิเศษ ซึ่งปีนี้ได้รวบรวมรถแต่งที่ไม่ได้มีดีแค่สวย เท่ๆ คูลๆ แต่ยังใช้ประโยชน์ได้ครบ คุ้มค่า ตามทเรนด์ปี 2024 มาจัดแสดง เพื่อให้เป็นแนวทางในการแต่งรถยนต์ให้กับผู้ที่สนใจ และตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ชอบแต่งรถที่สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นตัวเอง และรองรับกิจกรรมตามไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ซึ่งปัจจุบันมีอุปกรณ์ประดับยนต์ที่มาใหม่หลากหลายสไตล์ให้เลือก นอกจากนี้ เรายังคงเดินหน้าสนับสนุนกิจกรรมอีสปอร์ทอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดโซนอีสปอร์ทภายในงานให้ผู้ที่สนใจได้มาประลองฝีมือ และลุ้นรับของที่ระลึกกลับบ้าน เพราะในยุคออนไลน์การเล่นเกมไม่ใช่แค่เพียงเพื่อความสนุกอีกต่อไป ใครที่มีความสามารถที่แท้จริง สามารถนําไปต่อยอดสร้างเงิน สร้างอาชีพมีรายได้ให้แก่ตนเองได้อีกด้วย
ในส่วนของ Accessory มีบริษัทที่ยืนยันเข้าร่วมงานแล้ว คือ TK Engineering Group งานเตรียมระบบไฟสําหรับรถไฟฟ้า และจัดจําหน่ายเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Meguiar’s Thailand ผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์ และ Coway ผลิตภัณฑ์เครื่องกรองนํ้า
พบกับกิจกรรมความบันเทิงต่างๆ ภายในงานตลอด 5 วัน พิเศษชวนเร้าหัวใจกับกิจกรรม Sexy Car Wash สุดร้อนแรง และลุ้นเป็นผู้โชคดีรับของรางวัลทุกวันในเวลา 20.00 น. โดยผู้จองรถ และซื้อรถทุกกลุ่มภายในงานได้สิทธิ์ลุ้นรับรางวัลประจําวัน ได้แก่ คูปอง Bridgestone มูลค่า 12,000 บาท วันละ 1 รางวัล รวม 5 รางวัล ชุดผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์ Meguiar’s มูลค่า 3,845 บาท วันละ 5 รางวัล รวม 25 รางวัล และหลังจบงานยังได้สิทธิ์ลุ้นรับรางวัลใหญ่ รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า AJ EV จํานวน 2 รางวัล ได้แก่ รุ่น Saber Tiger มูลค่า 95,900 บาท จํานวน 1 คัน และรุ่น Mine Plus มูลค่า 73,900 บาท จํานวน 1 คัน พร้อมชุดผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์ Meguiar’s
นอกจากนี้ ผู้เข้าชมงานทุกท่านยังได้รับสิทธิ์ส่งคูปองลุ้นรับบัตรของขวัญโลตัสมูลค่า 1,000 บาท วันละ 5 รางวัล รวม 25 รางวัล อีกด้วย เพียงแวะมา “เลือกคันที่ชอบ ถอยคันที่ใช่” ได้ที่งาน “Fast Auto Show Thailand 2024” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-7 กรกฎาคม ศกนี้ ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ฮอลล์ 102-104