รถล่าสุด
รีวิว BYD Sealion 6 DM-I ราคาเร้าใจ 939,900 บาท ! ประเดิมทำตลาด PHEV เดินสายการผลิตโรงงานในไทยพร้อม Dolphin !
BYD (บีวายดี) เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าชมสายการผลิตจากโรงงานของ BYD ในนิคมอุตสาหกรรม WHA จ.ชลบุรี โดยโรงงานผลิตรถยนต์ BYD แห่งนี้มีพื้นที่กว่า 948,000 ตารางเมตร ใช้เวลาก่อสร้างเพียง 16 เดือนนับจากพิธิเปิดหน้าดิน มาพร้อมแนวคิดการลดใช้พลังงาน และคาร์บอนต่ำ ครบครันด้วยเครื่องจักรกลอัตโนมัติ กระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และระบบบริหารจัดการโลจิสติกส์ล้ำสมัย ครอบคลุม 4 ขั้นตอนการผลิตยานยนต์ ได้แก่ การขึ้นรูป การเชื่อม การทำสี และการประกอบ ทั้งหมดนี้ เพื่อการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าคุณภาพสูงและได้มาตรฐานสำหรับตลาดประเทศไทย โรงงานแห่งนี้มีกำลังการผลิตสูงสุดถึง 150,000 คันต่อปี ได้แก่ BYD Dolphin (บีวายดี ดอลฟิน) BYD Atto 3 (บีวายดี อัทโท 3) BYD Seal (บีวายดี ซีล) และ BYD Sealion 6 (บีวายดี ซีไลออน 6) รวมถึงสามารถผลิตชิ้นส่วนสำคัญอย่างแบตเตอรี่และระบบส่งกำลังได้อีกด้วย สำหรับในอนาคต เมื่อโรงงานดำเนินงานอย่างเต็มรูปแบบ คาดว่าจะสร้างงานได้กว่า 10,000 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ BYD ยังมีแผนการพัฒนา และการให้ความรู้ระยะยาวกับสถาบันอุดมศึกษาหลายแห่ง อาทิ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก และวิทยาลัยอาชีวศึกษาชลบุรี ที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ทำเข้ามาเพื่อพัฒนาตนเอ งและศึกษาความรู้ด้านเทคโนโลยีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอันทันสมัย รวมถึงยังให้ความสำคัญกับการทำกิจกรรมเพื่อสังคมซึ่งถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงการตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมขององค์กร เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทยในระยะยาว ซึ่งไม่เพียงเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มในห่วงโซ่อุปทานของประเทศ แต่ยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในเวทีโลก นำไปสู่การยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
พร้อมเดินสายการผลิต ทั้ง EV และ PHEV !
รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่เตรียมออกจากสายการผลิต คือ BYD Dolphin กับการรับสั่งจองในช่วงเดือนสิงหาคม 2567 กับรุ่น Standard Range ราคา 569,900 บาท และ Extended Range ราคา 709,900 บาท (ยังไม่มีการเผยสเปคของแต่ละรุ่นย่อยในตอนนี้) จากการเยี่ยมชมโรงงานเราสังเกตว่า สายการผลิตกำลังเน้นการผลิตไปที่ BYD Dolphin เต็มที่ แสดงให้เห็นถึงความนิยมของรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ อย่างไรก็ตาม ทาง BYD โดยผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ คือ Rever Automotive ยังคงนำเสนอทางเลือกให้กับผู้บริโภค กับครั้งแรกของรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบพลัก-อิน ไฮบริด และไม่ใช่การนำเข้าจากประเทศจีนอย่างที่ผ่านมา แต่เป็นการเตรียมขึ้นสายการผลิตจากดรงงานในประเทศไทยเร็วๆ นี้ นั่นคือ BYD Sealion 6 DM-I เอสยูวีที่มีขนาดตัวระดับ C-SUV แต่มีราคาที่สูสีกับรถยนต์ระดับ B-SUV ! กับการเปิดราคาที่ 939,900 บาท
ชื่อใหม่กับสายพันธุ์เอสยูวี ขนาดใหญ่
เดิมที BYD Sealion 6 ใช้ชื่อว่า BYD Seal U เปิดตัวในตลาดประเทศจีนมาประมาณ 3 ปีแล้ว โดยชื่อ Sealion เป็นการนำมาใช้กับเอสยูวีของค่าย (ส่วน Seal จะเป็นชื่อเรียกรถยนต์สไตล์ซีดาน หรือแฮทช์แบคในอนาคต) กับแพลตฟอร์มเครื่องยนต์พลัก-อิน ไฮบริด DM-I 4.0 กับตัวถังแบบเอสยูวี มีขนาดใหญ่โตระดับ C-SUV เทียบเคียงคู่แข่งที่ทำตลาดในบ้านเราได้แก่ MG HS PHEV หรือ Haval H6 PHEV หากเป็นค่ายรถญี่ปุ่นก็จะเทียบได้กับ Honda CR-V เลยทีเดียว ส่วนเส้นสายมาในสไตล์ Ocean Athletics ด้านหน้าปราดเปรียวดูคล้ายซีดานพลังไฟฟ้าร่วมค่ายอย่าง BYD Seal เส้นด้านข้างตัวถังมีความพลิ้วไหว มีการออกแบบเน้นความหรูหรา ผสมความอนุรักษ์นิยมพอสมควร ภายใต้ความยาว 4,775 มม. ระยะฐานล้อ 2,765 มม. ส่วนระยะความสูงจากพื้นถนน คือ 180 มม. (ไม่รวมน้ำหนักบรรทุก)
สเปคของระบบพลัก-อิน ไฮบริดเฉพาะของบ้านเรา
สเปคของระบบพลัก-อิน ไฮบริดของ BYD Sealion 6 DM-I จะมีความแตกต่างจาก BYD Seal U ที่เคยเผยโฉมไปแล้วในช่วงต้นปีที่ผ่านมา (เป็นสเปคของรุ่นที่ทำตลาดในประเทศจีน และออสเตรเลีย) โดยสเปคของประเทศไทยมีตามนี้ คือ เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 72 กิโลวัตต์/98 แรงม้า ส่งกำลังร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 145 กิโลวัตต์/197 แรงม้า มีแรงบิดสูงสุดถึง 300 นิวทันเมตร/30.6 กก.-ม. คิดเป็นกำลังสูงสุดทั้งระบบที่ 160 กิโลวัตต์/218 แรงม้า (พละกำลังโดยรวมจะลดลงมาจากรุ่นที่ทำตลาดในประเทศจีน) นอกจากนี้ยังมีความจุของถังน้ำมันที่ 45 ลิตร (ในภูมิภาคอื่นๆ จะเป็น 60 ลิตร) ความจุแบทเตอรี คือ 18.3 กิโลวัตต์ชั่วโมง อย่างไรก็ตามทางผู้ผลิตของประเทศไทยยังไม่ได้ระบุระยะทำการสูงสุดเมื่อชาร์จเต็ม แต่มีสเปคของการชาร์จไฟฟ้าตามนี้ คือ แบบ AC สูงสุด 6.6 กิโลวัตต์ และแบบ DC สูงสุด 18 กิโลวัตต์
จุดเด่นของระบบ DM-I
ระบบพลัก-อิน ไฮบริดของ BYD ถูกพัฒนามาเป็นเวลาหลายปีแล้ว แม้ในบ้านเราจะรับรู้ว่าค่ายรถแห่งนี้เน้นการผลิตที่รถยนต์ไฟฟ้าด้วยก็ตาม มีชื่อว่า DM-I ย่อมาจากคำว่า Dual Mode - Intelligent โดยเวอร์ชันที่นำมาใช้กับ BYD Sealion 6 DM-I คือ DM 4.0 (แม้ปัจจุบันเพิ่งเปิดตัวระบบ DM 5.0 ในประเทศจีนเมื่อเดือนที่แล้วก็ตาม) มีหลักการทำงานคร่าวๆ คือ การส่งกำลังส่วนใหญ่จะเป็นหน้าที่ของมอเตอร์ไฟฟ้าตลอดเวลา (จากพละกำลังถึง 197 แรงม้า) เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร จะทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้าป้อนเข้าสู่ชุดแบทเตอรี และใช้งานกับชุดมอเตอร์ มอเตอร์จะมี 2 ชุดด้วยกัน โดยชุดแรกทำหน้าที่ส่งกำลังไปยังเพลาขับของล้อคู่หน้า ส่วนมอเตอร์อีกชุดจะทำหน้าที่ส่งกระแสไฟฟ้าไปยังแบทเตอรี แม้ในช่วงการใช้ความเร็สูง มอเตอร์ไฟฟ้ายังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง หากมีการกดคันเร่งเพื่อเพิ่มความเร็ว หรือการเร่งแซง เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร จะช่วยเสริมการส่งกำลังอีกแรง โดยที่มอเตอร์ไฟฟ้ายังคงมีบทบาทการขับเคลื่อนตลอดเวลา รวมถึงการเติมคันเร่งเพื่อขึ้นทางลาดชัน เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร จะเข้ามาเสริมการทำงานเช่นกัน การตอบสนองของ BYD Sealion 6 DM-I จึงมีความใกล้เคียงกับรถยนต์ไฟฟ้าขนานแท้ และประหยัดเชื้อเพลิงในช่วงความเร็วต่ำ
รุ่นย่อยเดียว คือ Dynamic
แม้มีราคาที่น่าสนใจ และประสิทธิภาพที่ดีจากระบบพลัก-อิน ไฮบริด BYD Sealion 6 DM-I มีเพียง 1 รุ่นย่อยเท่านั้น นั่นคือ Dynamic ติดตั้งล้อแมกขนาด 19 นิ้ว หลังคาซันรูฟพาโนรามิค กระจกคู่หน้าแบบเก็บเสียงรบกวนจกาภายนอก จอ LCD ขนาด 12.3 นิ้ว (สามารถหมุนได้ทั้งแนวตั้ง และแนวนอน) กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา ระบบช่วยเบรคอัจฉริยะ ระบบตรวจแรงดันลมยาง ระบบครูสคอนทโรล จะเห็นได้ว่ารถยนต์รุ่นนี้มีระบบความปลอดภัยขั้นพื้นฐานที่ครบถ้วน แต่ยังขาดระบบความปลอดภัยที่ล้ำสมัย หรือ ADAS เช่น ระบบครูสคอนทโรลแปรผันความเร็ว ระบบเตือนจุดอับสายตา หรือ ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถแล่นมาด้านหลังขณะถอยรถ นับเป็นสิ่งที่ต้องแลกมากับราคาระดับต่ำกว่า 1 ล้านบาทเช่นนี้
สรุปเบื้องต้น: ราคาเท่ารุ่นเล็ก แต่ขนาดตัวแบบรุ่นใหญ่ !
จุดเด่นของ BYD Sealion 6 DM-I คือ ราคาที่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท (นั่นคือ 939,900 บาท) โดยจัดเป็นราคาของรถยนต์ระดับ B-SUV ด้วยซ้ำ ซึ่งมีขนาดตัวเล็กกว่า และพื้นที่ห้องโดยสารน้อยกว่าอย่างชัดเจน ส่วนเอสยูวีแบบพลัก-อิน ไฮบริดของ BYD มีขนาดตัวถังเทียบเท่ารถยนต์ระดับ C-SUV เป็นจุดที่น่าสนใจแบบที่ไม่เคยมีค่ายรถแห่งไหนทำได้มาก่อน มาพร้อมระบบพลัก-อิน ไฮบริด ซึ่งไม่เคยมีติดตั้งในรถยนต์ระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทเช่นนี้ (คู่แข่งมีเพียงระบบไฮบริดเท่านั้น) กับเครื่องยนต์รหัส DM-I ประสิทธิภาพสูง มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง พละกำลังเหมาะสมกับตัวรถ ออพชันการใช้งานที่ครบครัน รวมถึงระบบเชื่อมต่อต่างๆ หน้าจอขนาดใหญ่ รวมถึงแท่นชาร์จมือถือแบบไร้สายถึง 2 จุด จุดสังเกตยังคงมีเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบห้องโดยสารที่ขาดความล้ำสมัยเหมือนรถยนต์ไฟฟ้าร่วมค่าย BYD (จากตัวรถที่ทำตลาดมาแล้วร่วม 3 ปีในประเทศจีน) รวมถึงระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ทันสมัย ไม่มีการติดตั้งเข้ามา เนื่องจากเหตุผลด้านการทำราคาให้ต่ำกว่า 1 ล้านบาทเช่นนี้ (คู่แข่ง B-SUV บางรายมีระบบ ADAS ติดตั้งมาให้ แม้มีราคาต่ำกว่าก็ตาม) สุดท้าย คือ ความมั่นใจในเรื่องราคาจากค่ายรถแห่งนี้ ที่อาจยังมีบางลังเลว่าราคาที่ 939,900 จะมีความผันผวนอีกหรือไม่ (แม้ทางผู้ผลิตจะยืนยันราคานี้จากการผลิตในประเทศก็ตาม) เป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป แต่แค่นี้ BYD Sealion 6 DM-I ก็ชิงความได้เปรียบด้วยราคาที่ยั่วไปก่อนแล้ว !
คู่แข่งในแง่เอสยูวีระดับ B-SUV ระบบไฮบริด
Toyota Corolla Cross HV : ราคา 1,094,000-1,204,000 บาท
Honda HR-V e:HEV : 979,000-1,179,000 บาท
Nissan Kicks e-Power : 779,900-979,900 บาท
-------------------------------------------------------------------------
คู่แข่งในแง่ของเอสยูวีระดับ C-SUV ระบบ PHEV/HEV
MG HS PHEV : ราคา 1,359,000 บาท
Haval H6 PHEV : ราคา 1,699,000 บาท
Honda CR-V e:HEV : ราคา 1,589,000-1,729,000 บาท
ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.facebook.com/BYDReverThailandOfficial , https://www.reverautomotive.com/model/sealion6_dm-i/overview