ธุรกิจ
Porsche เปิดตัว Taycan รุ่นใหม่
สิงคโปร์-Porsche (โพร์เช) ภูมิใจนำเสนอ Taycan (ไทย์คาน) รุ่นใหม่ที่ได้รับการพัฒนาปรับปรุงหลากหลายส่วน พร้อมงานเปิดตัวที่น่าตื่นเต้น Taycan ใหม่นี้ สืบทอดตำนานจากรุ่นก่อนหน้า ซึ่งเป็นรถสปอร์ทซีดานพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดคันแรกของ Porsche โดยมีการอัพเกรดในทุกด้าน
Porsche Taycan รุ่นใหม่ มาพร้อมกับสมรรถนะที่ดียิ่งขึ้น พร้อมด้วยการพัฒนาทั้งประสิทธิภาพ ความหรูหรา และความสะดวกสบายที่เหนือกว่าเพื่อแสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติที่น่าตื่นเต้นเหล่านี้ Porsche Asia Pacific ได้ปรับเปลี่ยน Pasir Panjang Power Station ในสิงคโปร์ให้เป็นพื้นที่สำหรับงานเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ โดยมีพื้นที่สำหรับจัดแสดงรถยนต์ และโซนสัมผัสประสบการณ์ที่เน้นคุณสมบัติใหม่ๆ ของรถยนต์
Porsche ได้ทำการเปิดตัว Taycan รุ่นใหม่ถึง 7 รุ่น ซึ่งรวมถึงรุ่น Cross Turismo (ครอสส์ ตูริสโม) โดยมีการจัดแสดงรถยนต์อย่างยิ่งใหญ่และน่าตื่นเต้น ภายในงานมีการเน้นย้ำถึงสมรรถนะที่เพิ่มขึ้น ดีไซจ์นที่เฉียบคม และเอกลักษณ์ของแบรนด์
นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัวครั้งแรกในโลกของ Taycan Turbo S Celestial Jade (ไทย์คาน เทอร์โบ เอส เซเลสเชียล เจด) รถยนต์พิเศษที่ออกแบบโดยแผนก Sonderwunsch ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง Porsche Exclusive Manufaktur และ Porsche Asia Pacific เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสามารถที่ไร้ขีดจำกัดในการปรับแต่งรถยนต์ Taycan และเพื่อเป็นเกียรติแก่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Hannes Ruoff ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ Porsche Asia Pacific กล่าวว่า Porsche Taycan ไม่เพียงแต่ก้าวไปอีกขั้นในด้านสมรรถนะ และการชาร์จไฟเท่านั้น แต่ยังตั้งมาตรฐานใหม่สำหรับรถสปอร์ทพลังานไฟฟ้า เราจะสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร พร้อมสิทธิพิเศษ และกิจกรรมมากมาย เพื่อให้การเป็นเจ้าของ Porsche เป็นประสบการณ์ที่แตกต่าง
"ด้วยงานเปิดตัวที่น่าตื่นตาตื่นใจนี้ เราได้ปิดฉากปีแห่งความสำเร็จที่น่าทึ่งสำหรับสิงคโปร์ และด้วย Sonderwunsch รุ่นหนึ่งเดียวครั้งแรกของเรา อย่าง Taycan Turbo S Celestial Jade ถือเป็นการเปิดตัวรอบ World Premiere ครั้งที่ 2 ของ Porsche ในสิงคโปร์ในปีนี้ และเป็นการแสดงความเคารพต่อภูมิภาคอันมีชีวิตชีวาแห่งนี้ โดยการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับ Porsche Exclusive Manufaktur"
Overfeel: The New Taycan
The New Taycan มีให้เลือกถึง 2 ประเภทตัวถัง ได้แก่ Taycan มาในรูปแบบรถสปอร์ทซีดาน และ Taycan Cross Turismo ผู้เชี่ยวชาญจากทีมงาน Style Porsche ได้ปรับปรุงการออกแบบของ Taycan ด้วยการเสริมดีไซจ์นใหม่ที่ส่วนหน้า และส่วนท้าย รวมถึงไฟหน้า และไฟท้ายใหม่
ไฟหน้าของ Taycan รุ่นใหม่มาพร้อมกับเทคโนโลยี HD Matrix ความละเอียดสูง และแสดงกราฟิค 4 จุดอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ในเวลากลางคืน โลโก Porsche บนแถบไฟท้ายมีดีไซจ์นแบบ 3 มิติเหมือนกระจก และเป็นครั้งแรกที่เจ้าของรถสามารถเลือกติดตั้งไฟแบบส่องสว่างได้ ซึ่งมาพร้อมกับแอนิเมชันสำหรับการต้อนรับ และร่ำลาได้
ประสิทธิภาพที่สูงขึ้น
มอเตอร์ไฟฟ้าใหม่ที่ติดตั้งที่เพลาหลังของ Taycan สร้างพละกำลังได้มากกว่ารุ่นก่อนถึง 80 กิโลวัตต์ แต่มีน้ำหนักเบากว่าถึง 10.4 กก. ส่งผลให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ดังนั้น Taycan ใหม่ทั้งหมดจึงเร่งความเร็วได้เร็วกว่าเดิมมาก ตัวอย่างเช่น Taycan สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 4.8 วินาที ซึ่งเร็วกว่ารุ่นก่อน 0.6 วินาที และ Taycan Turbo S ใช้เวลาเพียง 2.4 วินาที ซึ่งเร็วกว่าเวอร์ชันก่อนหน้าถึง 0.4 วินาทีเลยทีเดียว
นอกจากนี้ Taycan บางรุ่นมาพร้อมกับฟังค์ชัน "Push-to-Pass" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแพคเกจ Sport Chrono โดยฟังค์ชันนี้จะเพิ่มกำลังไฟฟ้าชั่วคราวสูงสุดถึง 70 กิโลวัตต์ ขึ้นอยู่กับรุ่นของรถยนต์ โดยสามารถกดปุ่มเพื่อใช้งานฟังค์ชัน "Push-to-Pass" ได้นาน 10 วินาที ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสนุกในการขับขี่ Taycan และทำให้สามารถเร่งแซงรถได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
ระยะทางเพิ่มขึ้นมากกว่า 35 % เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
Taycan รุ่นใหม่ที่ใช้แบทเตอรี Performance Battery Plus มีขนาดแบทเตอรีที่ใหญ่ขึ้น โดยมีกำลังไฟฟ้ารวม 105 กิโลวัตต์ชั่วโมง เพิ่มขึ้นจาก 93 กิโลวัตต์ชั่วโมง และมีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้ากลับคืนสูงสุดเพิ่มขึ้นจาก 290 กิโลวัตต์ เป็น 400 กิโลวัตต์
Taycan รุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) มาพร้อมกับแบทเตอรีขนาด 89 กิโลวัตต์ชั่วโมง มีระยะทางการขับขี่สูงสุด 566 กม. (WLTP) ซึ่งมากกว่ารุ่นก่อนหน้าที่ใช้แบทเตอรีขนาดใหญ่ และหากใช้แบทเตอรีขนาดใหญ่ขึ้น ระยะทางการขับขี่ของ Taycan จะเพิ่มขึ้นเป็น 678 กม. ซึ่งเพิ่มขึ้น 35 % สรุปคือ Taycan สามารถเดินทางจากสิงคโปร์ไปกัวลาลัมเปอร์ และกลับได้ด้วยการชาร์จเพียงครั้งเดียว
Taycan รุ่นใหม่สามารถใช้เวลาชาร์จไฟได้เร็วขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า โดยสามารถชาร์จไฟได้สูงสุด 320 กิโลวัตต์ที่สถานีชาร์จไฟกระแสตรงพลังสูง (DC) นอกจากนี้ ประสิทธิภาพการชาร์จสูงสุดยังสามารถทำได้ในช่วงอุณหภูมิการทำงานที่กว้างขึ้น และภายใต้สภาวะที่หลากหลาย ซึ่งทำให้สามารถชาร์จไฟจาก 10-80 % ได้ภายใน 18 นาที แม้จะมีแบทเตอรีขนาดใหญ่ขึ้น
อุปกรณ์ใหม่ มาพร้อมน้ำหนักที่น้อยลง
Taycan รุ่นใหม่ทุกคันมาพร้อมกับระบบกันสะเทือนแบบถุงลมปรับอัตโนมัติเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และสามารถสั่งซื้อระบบกันสะเทือน Porsche Active Ride ได้เพิ่มเติมสำหรับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งมอบความสะดวกสบายในการขับขี่ และพร้อมรับมือกับสถานการณ์การขับขี่ที่ท้าทาย
อุปกรณ์ตกแต่งภายในมาตรฐานยังมีความหลากหลายมากกว่าที่เคยในทุกรุ่นของ Taycan เช่น Porsche Intelligent Range Manager (PIRM) เบาะนั่งปรับได้ 14 ทิศทาง สวิทช์โหมดการขับขี่และพวงมาลับพาวเวอร์สเตียริงพลัส (Power Steering Plus) ระบบไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร ParkAssist รวมถึง ระบบช่วยเหลือการจอดรถแบบแอคทีฟ Surround View with Active Parking Support ระบบควบคุมอุณหภูมิ 4 โซน ระบบเสียง Bose และล้อขนาด 20 นิ้ว ซึ่งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานทั้งหมด
แรงบันดาลใจจากอัญมณีล้ำค่า: Celestial Jade
ภายในงานเปิดตัวรถ Taycan รุ่นใหม่ ที่ประเทศสิงคโปร์ อีกไฮไลท์เด่นคือการเปิดตัวเป็นครั้งแรกของ Taycan Turbo S Celestial Jade ซึ่งเป็นรถที่ถูกผลิตขึ้นมาเป็นพิเศษไม่เหมือนใคร ผ่านโปร แกรม Sonderwunsch โดยความร่วมมือระหว่าง ทีม Porsche Asia Pacific และนักออกแบบ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านสีที่ Porsche Exclusive Manufaktur ที่พยายามสะท้อนความมีชีวิตชีวา และแสดงถึงนวัตกรรมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านฝีมือของพวกเขา ที่สำคัญยังมีการตกแต่งพิเศษอันเป็นเอกลักษณ์ และยังสะท้อนถึงสัญลักษณ์ในตำนาน เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อภูมิภาคนี้อีกด้วย
Alexander Fabig รองประธานบริหารฝ่าย Individualisation and Classic ของโรงงาน Porsche AG กล่าวว่า ภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ถือเป็นภูมิภาคที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา นับเป็นแรงบัน ดาลใจที่ทำให้เกิดรถ Taycan รุ่นสุดพิเศษที่สุดอย่าง Taycan Turbo S Celestial Jade รถยนต์สุดเอกคลูซีฟที่เต็มไปด้วยความพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นลวดลาย สีสัน รวมถึงเอกลักษณ์เฉพาะมากมาย อันสะท้อนถึงวัฒนธรรมเอเชีย ต้องขอขอบคุณเพื่อนร่วมงานของเราจากทีม Porsche Asia Pacific ที่สร้างสรรค์ผลงานอันน่าทึ่งนี้ ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในผลงานที่ไม่เหมือนใครที่สุดในประวัติศาสตร์ของเรา
นวัตกรรมระดับโลก: การผสมสี Chromaflair ครั้งแรกในโลกของPorsche
เป็นครั้งแรกใน Taycan Turbo S Celestial Jade ที่ Porsche ได้ผสมสีที่มีเอฟเฟคท์ ChromaFlair สองชนิดเข้าด้วยกัน การเตรียม และดำเนินการในขั้นตอนนี้มีความซับซ้อน และใช้เวลามาก โดยใช้เวลาในการพัฒนาประมาณ 1 ปี สำหรับการทาสีนั้นต้องทำด้วยมือโดยเฉพาะ และใช้เวลาประมาณ 80 ชม.
เทคโนโลยีสี Chromaflair
เม็ดสี Chromaflair ประกอบด้วย "เกล็ด" ที่บางมาก ซึ่งดูเหมือนจะเปลี่ยนสีได้ขึ้นอยู่กับมุมที่มองของแต่ละคน เกล็ดเหล่านี้ประกอบด้วยแกนกลางที่ทึบแสง และสะท้อนแสงของอลูมิเนียม ซึ่งล้อมรอบด้วยชั้นที่มีลักษณะคล้ายแก้ว ชั้นที่โปร่งใสนั้นมีสีที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับความหนา โดยรวมแล้ว เกล็ดเหล่านี้มีความหนาเพียง 1 ไมโครเมตร (µm) เท่านั้น เทียบกับเส้นผมของมนุษย์ซึ่งหนากว่า 50 เท่า สีแบบไล่เฉดนี้ไม่เพียงแต่พบในตัวถังของ Taycan Sonderwunsch เท่านั้น แต่ยังพบได้บนป้ายกำกับรุ่นด้านหลัง โลโก "Electric" ที่ด้านข้าง และฝาครอบกุญแจอีกด้วย
สี "Urban Bamboo" เป็นสีเขียวสดใสที่มีโทนสีเหลือง และทอง และสี "Shifting Carbon" เป็นสีเทาดำที่มีโทนสีดำ และน้ำเงิน ทั้ง 2 สีนี้ ได้รับการเลือกผสมสีในการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอกนี้ การผสมผสานของทั้ง 2 สีส่งผลให้เกิดชื่อที่เลิศล้ำของรถยนต์ คือ "Celestial Jade" ซึ่งโดยเฉพาะในเอเชีย หยกเป็นอัญมณีอันล้ำค่าที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และเกี่ยวข้องกับความสุข และความยั่ง ยืน ส่วนคาร์บอน "Carbon" เป็นสัญลักษณ์ของจิตวิญญาณแห่งการบุกเบิกของ Porsche ซึ่งเป็นสีที่เป็นนวัตกรรมและทรงพลัง มักพบเห็นได้ในโลกของการแข่งรถ วัสดุนี้มีความแข็งแรง เบา และทนทาน
โลโกที่ปรับแต่ง และส่วนประกอบที่ตกแต่งด้วยการทอคาร์บอนพิเศษ
นอกจากสีภายนอกที่น่าทึ่งด้วยเทคนิค Chromaflair แล้ว รถยนต์ที่เป็นหนึ่งเดียวคันนี้ยังมีโลโก LongMa ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษในหลายตำแหน่ง เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่วัฒนธรรมเอเชีย LongMa เป็นสัญลักษณ์ของพลัง ความแข็งแกร่ง และความเป็นสิริมงคล ซึ่งมีหัวของมังกร (Long) และลำตัวของม้า (Ma) และมีความหมายยิ่งขึ้นเมื่อมันตรงกับปีมังกรในปี 2024 และ Taycan ซึ่งมีที่มาจากคำตุรกี 2 คำที่หมายถึง จิตวิญญาณของม้าหนุ่มที่มีชีวิตชีวา โลโกสามารถเห็นได้ที่การ์ดป้องกันขอบประตูหน้า และหลัง ที่พโรเจคเตอร์ประตู และที่หมอนรองศีรษะทั้งหมด อีกไฮไลท์ที่ออกแบบมาเพื่อให้เข้ากับสี Chromaflair คือ ส่วนประกอบที่ตกแต่งด้วยชิ้นส่วนคาร์บอนทอแบบเคลือบเงา ซึ่งแทนที่แผ่นตกแต่งสี Turbonite แบบมาตรฐานที่กันชนหน้า สเกิร์ทข้าง และดิฟฟิวเซอร์หลัง แผ่นดันอากาศบนล้อก็ทำจากวัสดุพิเศษที่ทำด้วยมือ การเคลือบเงาช่วยให้สารประกอบคาร์บอนไฟเบอร์เปล่งประกายออกมาเป็นสีต่างๆ อย่างสวยงาม
“Leather to Sample” พร้อมให้บริการสำหรับ Taycan แล้ว
นอกจากสีหนัง 10 สี และสีตะเข็บ 15 สีที่ Porsche เสนอเป็นมาตรฐานสำหรับ Taycan แล้ว ยังมีบริการ “Leather to Sample” ให้เลือกผ่านโปรแกรม Sonderwunsch อีกด้วย
ตัวเลือกการปรับแต่งเพิ่มเติมนี้ มีขึ้นเพื่อฉลองการเปิดตัวครั้งแรกของ Taycan Turbo S Celestial Jade โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการตกแต่งภายในจาก Porsche Exclusive Manufaktur ได้ลองผสมผสานสี Slate Gray มาตรฐานกับตัวเลือก "Leather to Sample" สี Englishgreen สีเขียวเข้มอันหรูหรานี้ สามารถพบได้ทั้งในประตู คอนโซลกลาง เบาะนั่งหน้า และหลัง นอกจาก Englishgreen แล้ว โปรแกรม "Leather to Sample" ยังมีสีให้เลือกอีกถึงประมาณ 150 สี
สำหรับลูกค้าที่ต้องการการปรับแต่งรถให้มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร Porsche ยังมีการนำเสนอบริการ “Leather to Sample Plus” ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกสีหนังได้อย่างอิสระเกือบทั้งหมด ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการ Porsche เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญจาก Porsche AG ดำเนินการตรวจสอบความเป็นไปได้ในการปรับแต่งสีหนังตามที่ท่านต้องการ
ในประเทศไทย ราคาเริ่มต้นของ Taycan รุ่นใหม่ มีราคาเริ่มต้นที่ 6,690,000 บาท ซึ่งพร้อมให้ท่านสั่งซื้อได้แล้ว โดยท่านสามารถเข้าเยี่ยมชมรถ Taycan Turbo S Celestial Jade แบบพิเศษได้ที่ Porsche Studio Singapore ก่อนที่จะเริ่มทัวร์ในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะไปที่ประเทศมาเลเซีย และประเทศไทยเร็วๆ นี้