เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ยกทัพสื่อมวลชนไทย เหล่าผู้ใช้รถจริง และพาร์ทเนอร์ ร่วมสัมผัสความน่าตื่นเต้นของการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่แห่งปีในเทศกาล Alxa Hero Festival 2024 มหกรรมมอเตอร์สปอร์ทออฟโรด ณ ทะเลทรายมองโกเลีย ทางตอนเหนือของประเทศจีน บนพื้นที่กว่า 1,000 ตารางกิโลเมตร ที่รวบรวมบรรดาผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยสายลุย รวมถึงแฟนๆ ออฟโรดจากทั่วทุกมุมโลก ในปีนี้ Great Wall Motor (GWM) ขนทัพรถยนต์ออฟโรดที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยี และนวัตกรรมสุดทรงพลังจากทั้ง 3 แบรนด์ ได้แก่ Tank (แทงค์), Poer (โพเออร์) และ Haval (ฮาวัล) เพื่อร่วมท้าพิสูจน์สมรรถนะความทนทาน และแข็งแกร่ง ผ่านการแข่งขันรถออฟโรด การแข่งรถ การทดสอบการขับขี่ในเส้นทางทะเลทราย พร้อมการเข้าร่วมชมเทศกาลดนตรี และการตั้งแคมพ์ รวมถึงได้สัมผัสอารยธรรมจีนที่งดงามอันเป็นเอกลักษณ์ ในช่วงวันที่ 30 กันยายน-4 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา
ภายในงาน GWM ได้จัดแสดงสุดยอดนวัตกรรมอันทรงพลัง และถ่ายทอดผ่านไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่ที่ชื่นชอบกิจกรรมออฟโรดมาร่วมจัดแสดงภายในบูธที่จัดขึ้น โดยแบ่งออกเป็น 7 โซนหลักให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสเทคโนโลยี และนวัตกรรมออฟโรดสุดอัจฉริยะอย่างใกล้ชิด นำโดย โซนเวทีหลัก โซนจัดแสดงวัฒนธรรมออฟโรด เช่น รถยนต์ในการแข่งขัน Dakar Rally (ดาการ์ แรลลี) และกำแพงที่ถ่ายทอดวัฒนธรรมออฟโรด โซนจัดแสดงรถเอสยูวีออฟโรดสุดลักชัวรี Tank 700 และรถจักรยานยนต์ทัวริงสุดหรู Souo (ซูโอ) โซนจัดแสดงผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด เช่น Haval H9, Poer 2.4T Off-Road และ Tank 400 โซนจัดแสดงรถออฟโรดดัดแปลงจากบรรดาสำนักแต่งรถชื่อดังในประเทศจีนที่นำรถแต่งในแบรนด์ GWM มาประชันโฉมกัน รวมถึงแบรนด์ และร้านค้าที่จัดจำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งรถออฟโรดโดยเฉพาะ โซนจัดแสดงรถที่ถูกตกแต่งจากทาง GWM และโซนกิจกรรมด้านความบันเทิง เพื่อมอบที่สุดแห่งประสบการณ์การขับขี่บนเส้นทางออฟโรดที่ไม่อาจหาจากที่ไหนได้อีก นับว่าเป็นการสะท้อนกลยุทธ์สำคัญอย่าง "Go With More" ในการหยั่งรากลึกเข้าไปในตลาดระดับท้องถิ่น สร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้ที่ชื่นชอบความท้าทาย และความตื่นเต้นในการขับขี่ออฟโรด จนกลายเป็นพื้นที่ที่แสดงอัตลักษณ์ และเป็นคอมมูนิทีที่แข็งแกร่ง และยิ่งใหญ่ระดับโลก
GWM ท้าพิสูจน์สมรรถนะรถยนต์ออฟโรดพลังงานใหม่หลากหลายรุ่นที่มาพร้อมเทคโนโลยี และนวัตกรรมสุดแข็งแกร่งระดับโลก ผ่าน 6 รุ่นตัวทอพสายโหด นำโดยแบรนด์ Tank อย่าง Tank 300 รถเอสยูวีออฟโรดระดับพรีเมียมที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การขับขี่ออฟโรดอย่างแท้จริง ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร และกำลังสูงสุด 220 แรงม้า ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ รองรับ 7 โหมดการขับขี่ ได้แก่ โหมดปกติ โหมดสปอร์ท โหมดประหยัด โหมดพื้นหิมะ โหมดพื้นโคลน โหมดพื้นทราย และโหมด 4L ให้ผู้ขับเลือกใช้ได้ตามอัธยาศัย อีกทั้งยังมีระบบช่วงล่างที่เกาะพื้นถนนได้ดี ส่วนด้านหน้า และมัลทิลิงค์ด้านหลังช่วยเสริมความสามารถการลุยในเส้นทางออฟโรด นอกจากนี้ ตัวรถยังมีระบบกันสะเทือนที่แข็งแกร่ง และความสามารถในการเข้าโค้งที่เป็นเลิศ โดยล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว และยาง H/T ทำให้เหมาะกับการขับขี่ในทุกสภาพถนนแม้จะเป็นทะเลทราย เพิ่มขีดความสามารถในการขับขี่ที่ดุดันยิ่งกว่าด้วย Tank 400 Hi-4T และ Tank 500 Hi-4T ที่ให้โหมดการขับขี่สูงสุดถึง 12 รูปแบบ เหมาะกับทั้งการขับขี่ในเมือง และแบบออฟโรด โดยเพิ่มโหมดการขับขี่ให้อีก 5 โหมดเพิ่มเติม ได้แก่ โหมดพื้นหิน โหมดตะลุยน้ำ โหมดขับขี่อัตโนมัติ โหมดขับขี่ระดับเชี่ยวชาญ และโหมด 4H เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้มั่นใจว่าจะได้รับประสบการณ์การเดินทางที่ซับซ้อนได้อย่างไม่มีสะดุดในทุกเส้นทาง
ต่อด้วย Poer รถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูงระดับโลกอย่าง Poer 2.4T Off-Road โดยรถยนต์รุ่นนี้นับว่าเป็นรถกระบะที่มีพละกำลังสูงที่สุดเมื่อเทียบกับรถกระบะออฟโรดในระดับเดียวกัน มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.4 ลิตร กำลังสูงสุด 183 แรงม้า และระบบขับเคลื่อน 9 โหมดที่ช่วยให้การขับขี่ในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย และท้าทายกลายเป็นเรื่องง่าย ขนาดตัวถังยาว 5,462 มม. กว้าง 1,992 มม. และสูง 1,960 มม. ล้อขนาด 18 นิ้ว และยาง A/T ที่ออกแบบมาให้ลุยได้ดีในทุกสภาพถนน มอบประสบการณ์การขับขี่สุดเพลิดเพลินที่เต็มไปด้วยความมันในเส้นทางออฟโรดได้อย่างเต็มพิกัด มาพร้อมกับ Poer Shanghai Performance ที่ถูกออกแบบมาพร้อมสมรรถนะขั้นสูงที่มีระยะทางการวิ่งยาวนาน ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 3.0 ลิตร กำลังสูงสุด 352 แรงม้า และมีความสามารถในการลากจูงถึง 3.3 ตัน ระบบกันสะเทือนมัลทิลิงค์ และระบบขับเคลื่อน 9 โหมดเช่นเดียวกับ Poer 2.4T Off-Road ช่วยให้ขับขี่ราบรื่นในสภาพถนนที่ท้าทายได้อย่างมั่นใจ
นอกจากนี้ Haval ส่งรถออฟโรดรุ่นเรือธงอย่าง Haval H9 ที่ตอบโจทย์การใช้งานที่พร้อมขับขี่ได้ในทุกสถานการณ์ และทุกสภาพถนนสำหรับครอบครัวคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญในด้านความปลอดภัย และความสะดวกสบายเป็นหลัก โดยขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 217 แรงม้า พร้อมระบบขับเคลื่อน 7 โหมดเช่นเดียวกับ Tank 300
ภายในงาน นอกจากจะได้ทดสอบสมรรถนะสุดทรงพลังของ Tank, Poer และ Haval จากทั้ง 3 แบรนด์แล้ว ตัวแทนของสื่อมวลชนไทยยังได้ร่วมกิจกรรมไฮไลท์สุดพิเศษในงาน Alxa Hero Festival 2024 อย่าง T3 Competition กิจกรรมการแข่งขันออฟโรดบนเส้นทางทะเลทรายที่น่าจับตามองมากที่สุด โดยจะต้องแข่งกันแบบทีม ประกอบด้วยยานพาหนะ 3 คันที่แข่งพร้อมกัน ซึ่งรถยนต์ที่ทาง GWM ได้ส่งเข้าร่วมการแข่งขัน ได้แก่ Tank 300, Tank 400 Hi-4T และ Tank 500 Hi-4T ทีมที่ทำเวลาเข้าเส้นชัยทั้ง 3 คันได้เร็วที่สุดจะเป็นทีมที่คว้าชัยชนะ ในงานนี้ GWM ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้เข้าร่วมงาน และสื่อมวลชนอย่างล้มหลาม เรียกเสียงฮือฮาได้จากทุกรุ่นที่นำมาจัดแสดง และร่วมทดสอบสมรรถนะสุดท้าทาย ซึ่งสะท้อนความเป็นเลิศของ GWM ในด้านการขับขี่ของออฟโรด และการใช้งานได้อย่างครบวงจร พร้อมรับฟังทุกความคิดเห็น เพื่อร่วมกันสร้างมาตรฐานใหม่สู่การเป็นบริษัทชั้นนำที่ให้บริการเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลก (Global Intelligent Technology Company) พร้อมตอกย้ำการเป็นเจ้าตลาดของรถเอสยูวีออฟโรดระดับโลกอย่างแท้จริง