การต่อสู้ของค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากแดนญี่ปุ่นอย่าง Nissan (นิสสัน) กำลังรับมือกับสภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ยากลําบากขึ้น และจัดการกับจุดอ่อนภายในธุรกิจ ทําให้ผู้ผลิตรถยนต์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลดเงินเดือน ลดการผลิต และลดพนักงานทั่วโลก การคาดการณ์สําหรับปีงบประมาณนี้ ถือว่าหนักพอสมควร
Nissan กำลังเผชิญกับภาวะวิกฤตที่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการ และกลยุทธ์การเติบโตในอนาคตของบริษัทอย่างรุนแรง ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2024 รายได้สุทธิของบริษัทลดลงถึง 94 % และยอดขายทั่วโลกลดลง 3.8 % เหลือเพียง 1.59 ล้านคัน ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่า Nissan กำลังอยู่ในช่วงที่ยากลำบากทั้งจากปัจจัยภายนอก เช่น การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจีน รวมถึงปัญหาภายในบริษัทที่ต้องการการปรับตัวอย่างเร่งด่วน
เพื่อลดต้นทุน และปรับปรุงสถานะการเงิน, Nissan ได้ประกาศลดการผลิตลงให้เหลือเพียง 1 ใน 5 ของกำลังการผลิตเดิม พร้อมกับแผนการเลิกจ้างพนักงานถึง 9,000 คนทั่วโลก หรือประมาณ 7 % ของพนักงานทั้งหมดของบริษัท ทั้งนี้ยังมีการขายหุ้นบางส่วนใน Mitsubishi Motors (มิตซูบิชิ มอเตอร์ส) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัทรถยนต์ในเครือ กว่า 34 % เพื่อลดการขาดทุนจากการลงทุนที่สูญเสียไปกว่า 4.483 พันล้านเยนในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
Nissan ได้ลดเป้าหมายการผลิตสําหรับปีงบประมาณปัจจุบันลง 50,000 คัน เป็น 3.65 ล้านคัน ด้วยยอดขายทั่วโลกที่ลดลงเกือบ 4 % เป็น 1.6 ล้านคัน ระหว่างเดือนเมษายน-กันยายน 2024
ในขณะที่ซีอีโอ Makoto Uchida รับทราบถึงปัญหาภายในบริษัทแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการลดผลตอบแทนเหลือ 50 % และความท้าทายจากการเพิ่มขึ้นของผู้ผลิตรถยนต์จีน เช่น BYD (บีวายดี) และการแข่งขันที่รุนแรงจาก Tesla (เทสลา) บริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นทุกแบรนด์โดยเฉพาะ Nissan เองยังคงพยายามที่จะสร้างความแข็งแกร่งใหม่ให้แก่บริษัท อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์รายได้สำหรับปีงบประมาณนี้ได้ถูกปรับลดลงอย่างหนัก โดยคาดว่าจะลดลงถึง 70 % เมื่อเทียบกับที่คาดการณ์ไว้เมื่อต้นปี 2024
แผนการฟื้นฟูในอนาคตคือหนึ่งในแผนที่ Uchida วางไว้ คือ การขยายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า หรือ BEV ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักในการพลิกฟื้นธุรกิจของบริษัท โดยตั้งเป้าหมายที่จะขายรถยนต์เพิ่มอีก 1 ล้านคัน/ปี ภายในปี 2027 แต่ปัญหา คือ กลุ่มผลิตภัณฑ์ EV ของ Nissan ยังขาดความตื่นเต้น และความหลากหลาย ซึ่งเป็นปัญหาที่บริษัทต้องเร่งปรับปรุง นอกจากนี้ ความต้องการรถ Hybrid หรือ HEV ที่กำลังเติบโตในตลาดก็เป็นสิ่งที่ Nissan ต้องพิจารณาใหม่เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในการแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง Toyota (โตโยตา) และ Honda (ฮอนดา) ที่ประสบความสำเร็จในตลาดนี้ Nissan ได้วางแผนให้เหลือเวลาการพัฒนารถรุ่นใหม่ของเขาให้เหลือเพียง 2 ปีครึ่งเป็นอย่างน้อย
นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า Nissan กำลังเผชิญกับปัญหาภายในที่รุนแรง และอาจต้องปรับกลยุทธ์อย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับราคารถยนต์เพื่อแข่งขันในตลาดที่มีการแข่งขันสูง และการปรับโครงสร้างภายในให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ถึงแม้ว่าบริษัทจะมีเวลากำหนดแผนฟื้นฟูธุรกิจภายใน 3 ปี แต่การที่มีสัญญาณการฟื้นตัวยังไม่ชัดเจนในตอนนี้ทำให้อนาคตของ Nissan ยังคงไม่แน่นอน การลดการผลิต และการเลิกจ้างพนักงานเป็นเพียงส่วนหนึ่งของมาตรการปรับโครงสร้างลดต้นทุนที่บริษัทจำเป็นต้องใช้ในช่วงวิกฤตนี้ ขณะเดียวกันก็ต้องเร่งหาวิธีที่จะดึงดูดลูกค้าใหม่ และกลับมาแข่งขันในตลาดที่ท้าทายได้