ข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า เมื่อ 4 ปีก่อน Jaguar Land Rover ได้ประกาศแผนกลยุทธ์ระดับโลก ด้วยการปรับภาพลักษณ์เป็นบริษัทผู้ผลิตรถหรูพลังไฟฟ้าภายในปี 2568 จนปัจจุบันยังไม่มีวี่แววของรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ออกมา ทั้งที่ Jaguar ยุติการจำหน่ายรถเครื่องยนต์แบบเก่าในประเทศอังกฤษไปแล้ว
ดังนั้น จึงทำให้ไม่มี Jaguar รุ่นใหม่ในสหราชอาณาจักร โดยรถรุ่น E-Pace, XE, XF และ F-Type ได้ยุติการผลิตไปแล้ว ส่วน F-Pace ก็ยุติการผลิตเมื่อไม่นานนี้ ทำให้ไม่มีรถรุ่นล่าสุดในโชว์รูมทั่วสหราชอาณาจักร ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2567
แต่ยังคงมีการผลิตครอสส์โอเวอร์ เอสยูวีจำหน่ายสำหรับตลาดนอกประเทศอังกฤษต่อไป ซึ่งจะยุติการผลิตในเวลาอีกไม่นาน แม้ว่า F-Pace เป็นรุ่นรถขายดีในปี 2566 ด้วยยอดจำหน่าย 21,943 คันทั่วโลก ซึ่งไม่มากถ้าเทียบกับแบรนด์ขายดีอื่นๆ ทั้งตัวเลขยอดขายรุ่นเดียวยังมีจำนวนมากกว่ารุ่นอื่นทั้งหมดรวมกัน
ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนให้บริษัท Tata Motors ซื้อบริษัท Jaguar ตั้งแต่ปี 2551 โดยจะผลักดันให้เข้าสู่กลุ่มรถระดับสูงกว่า BMW, Mercedes-Benz และ Audi โดยมุ่งแข่งกับ Bentley และ Aston Martin โดยในปี 2569 จะเปิดตัวรถไฟฟ้าระดับเดียวกับ Porsche Taycan จากนั้นจะมีครอสส์โอเวอร์ เอสยูวีระดับเดียวกับ Bentayga โดยใช้พแลทฟอร์ม Jaguar Electrified Architecture ซึ่งใช้เป็นโครงสร้างพื้นฐาน สำหรับรถซีดานขนาดใหญ่ที่จะเปิดตัวปลายทศวรรษนี้
ล่าสุด Jaguar มีแผนจะเปิดตัวรถแนวคิดก่อนสิ้นสุดปีนี้ที่สหรัฐอเมริกา ในรูปแบบ GT 4 ประตูสุดหรู โดยมีราคาสูงกว่า 100,000 ปอนด์ (ประมาณ 4.37 ล้านบาท) แต่ด้วยวิกฤตการณ์ตลาดรถไฟฟ้า ต้องปรับแผนให้เป็นรถกลุ่มรถหรูระดับสูง (Ultra-Luxury) ซึ่งเป็นกลุ่มรถที่มียอดขายน้อยแต่มีกำไรสูง โดยรถใหม่รุ่นแรกจะไม่วางตลาดอังกฤษจนกว่าจะถึงปี 2569