ดร. คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า งานสัมมนา The Annual Petroleum Outlook Forum จัดขึ้นโดยความร่วมมือของกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และกลุ่ม ปตท. ต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 13 เพื่อนำเสนอบทวิเคราะห์ และแนวโน้มทิศทางราคาน้ำมัน สถานการณ์พลังงาน และความท้าทายที่กระทบต่ออุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลก โดยทีมนักวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมัน หรือ “PRISM Experts” นับเป็นความร่วมมือที่ช่วยให้เกิดการแบ่งปันข้อมูล แลกเปลี่ยนมุมมองความคิด จากผู้เชี่ยวชาญในสาขาพลังงานทั้งจากภาครัฐ และเอกชน โดยสถานการณ์พลังงานของโลกในปัจจุบัน ได้รับอิทธิพลจากปัจจัยภายนอกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ตลอดจนกฎระเบียบ นโยบายต่างๆ ของภาครัฐ ส่งผลให้ทั่วโลก และประเทศไทยต้องหันมาให้ความสำคัญ และตระหนักในเรื่องของพลังงานสะอาดอย่างจริงจัง รวมทั้งกลุ่มธุรกิจพลังงาน และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต่างต้องมีการปรับตัว และร่วมกันขับเคลื่อนพลังงานของประเทศไทยภายใต้ความร่วมมือของทุกภาคส่วนให้มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น
งานในปีนี้จึงจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Regenerative Thailand with Cleanergy : คิดนำ ล้ำหน้า ขับเคลื่อนอนาคตไทย ด้วยพลังงานสะอาด” สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกลุ่ม ปตท. ที่มุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ควบคู่กับการลดการปล่อยแกสเรือนกระจก เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ให้ประเทศไทยแข็งแรง และเติบโตในระดับโลกได้อย่างยั่งยืน
รุ่งนภา จันทร์ชูเกียรติ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม กล่าวว่า กลุ่มโรงกลั่นน้ำมันในประเทศไทยได้มีการปรับตัวเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน มีการเตรียมพร้อมในการจัดหาน้ำมันดิบ รองรับสถานการณ์ความผันผวน และความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ เพื่อให้มีปริมาณการผลิตเพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศ นอกจากนี้ กลุ่มโรงกลั่นได้เร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานสะอาด โดยพัฒนาเชื้อเพลิงทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ น้ำมันเชื้อเพลิงดีเซลมาตรฐานยูโร 5 ที่มีค่ากำมะถันต่ำ น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานที่ยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel : SAF) เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย
ภายในงาน ทีมนักวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมัน กลุ่ม ปตท. (PRISM Experts) ได้กล่าวถึงความต้องการใช้น้ำมันในปี 2568 ว่ายังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ คือ การปรับลดอัต ราดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกา และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน แต่ยังมีความเสี่ยงในเรื่องของสงครามการค้าจากนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาท่านใหม่ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกได้ ในส่วนของอุปทานน้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน เนื่องจากการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่ม Non-OPEC+ ที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา แคนาดา บราซิล กายอานา และกลุ่ม OPEC+ มีแผนจะทยอยเพิ่มกำลังการผลิต ขณะเดียวกันท่ามกลางความไม่แน่นอนของความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ ความต้องการใช้น้ำมันของสหรัฐอเมริกาหลังการเลือกตั้ง รวมไปถึงมาตรการการคว่ำบาตรของสหรัฐอเมริกาต่ออิหรานที่เข้มข้นขึ้น ทำให้คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบใน ปี 2568 ยังคงมีความผันผวน และเคลื่อนไหวในกรอบ 70-80 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจาก เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย บรรยายพิเศษในหัวข้อ “สถานการณ์โลกเรื่องพลังงาน หลังเลือกตั้ง USA” และเวทีเสวนา “Future Energy in Thailand” โดยมี วัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบาย และแผนพลังงาน นินนาท ไชยธีรภิญโญ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และนายกสมาคมไฮโดรเจนประเทศไทย ดร. กิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) นภสิทธิ์ ชัยวรรณคุปต์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานเทคโนโลยี คาร์บอนโซลู ชัน และการเติบโตอย่างยั่งยืน บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) และ รศ.ดร. ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ผู้นำในแวดวงอุตสาหกรรมพลังงานทุกรูปแบบ ที่ผนึกกำลังร่วมกันแบ่งปันองค์ความรู้ และมุมมองในการขับเคลื่อนนโยบายด้านพลังงานสะอาดของประเทศไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งไปพร้อมกันอย่างยั่ง ยืน