พิรทัต ศรีสัจจะเลิศวาจา กรรมการผู้จัดการ และผู้อำนวยการสายธุรกิจที่ปรึกษาทรัพยากรมนุษย์ บริษัท เมอร์เซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกำลังปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อรับมือกับการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานอันเกิดจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ กลยุทธ์การจ่ายค่าตอบแทนพนักงานจึงได้เริ่มมุ่งเป้าไปที่การบริหารด้านต้นทุน และการเพิ่มประสิทธิภาพกำลังคนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรับมือกับความท้าทายมากมายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยจากการสำรวจค่าตอบแทนรวมประจำปี 2567 ของ Mercer เผยว่าอุตสาหกรรมยานยนต์คาดว่าจะมีการปรับขึ้นค่าจ้างเฉลี่ยอยู่ที่ 5 % ในปี 2568 ซึ่งเป็นปริมาณเท่าๆ กับอัตราการปรับขึ้นค่าตอบแทนของอุตสาหกรรมอื่นๆ
อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยควรปรับตัวอย่างไรเพื่อกระตุ้นการรักษา และดึงดูดบุคลากรไปพร้อมๆ กับการควบคุมต้นทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ?
การเสนอแผนค่าตอบแทนรวมที่ครอบคลุมองค์ประกอบสำคัญ อันรวมไปถึงสวัสดิการ
อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย นับว่าเป็นผู้นำในด้านสวัสดิการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแพคเกจค่าตอบแทนรวมของพนักงาน โดยจากการศึกษาข้อมูลของ Mercer พบว่า สวัสดิการ และสิทธิประโยชน์พิเศษที่มอบให้คิดเป็นสัดส่วนถึง 21 % ของค่าตอบแทนรวมทั้งหมดในภาคยานยนต์ สูงที่สุดเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ชีววิทยาศาสตร์, ไฮเทค, เคมีภัณฑ์, สินค้าอุปโภคบริโภค และประกันภัย อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาความสามารถในด้านค่าตอบแทน ยังคงแข่งขันได้น้อยกว่าอุตสาหกรรมเหล่านี้ ซึ่งสะท้อนการพัฒนารากฐานที่แข็งแกร่งของอุตสาหกรรมเพื่อให้สามารถเทียบเคียงกับตลาดได้ด้วยแพคเกจค่าตอบแทนแบบครบวงจรที่รวมถึงประกันสุขภาพ แผนเกษียณอายุ โบนัส และโอกาสพัฒนาความก้าวหน้าในสายอาชีพ ซึ่งสามารถเพิ่มความพึงพอใจ และความภักดีของพนักงานได้อย่างมาก ด้วยการให้ความสำคัญกับการจ่ายค่าตอบแทนในแนวทางแบบองค์รวม ภาคยานยนต์ของไทยจะสามารถส่งเสริมแรงจูงใจของพนักงาน และขับเคลื่อนนวัตกรรม
สวัสดิการแบบยืดหยุ่น-ออกแบบแพคเกจที่รองรับความหลากหลาย
มีเพียง 8 % ขององค์กรในอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย ที่มีการให้สวัสดิการแบบยืดหยุ่น ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่นๆ ในประเทศไทย โดย 25 % ขององค์กรผู้ตอบแบบสอบถามมีการเสนอตัวเลือกดังกล่าวให้คนในองค์กร แม้ว่าค่าตอบแทน และสวัสดิการที่น่าจูงใจจะเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูด และรักษาบุคลากรที่มีความสามารถ แต่ผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคลในอุตสาหกรรมยานยนต์ก็มุ่งเน้น และสนับสนุนให้พัฒนา และทบทวนแพคเกจค่าตอบแทนที่สนับสนุนการเติบโตของบุคลากร และความสำเร็จขององค์กร โดยเริ่มมีการพิจารณาการสวัสดิการแบบยืดหยุ่น (Flexible benefits) ที่สอดคล้องกับความหลากหลายส่วนบุคคล เป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญ เพื่อตอบสนองความต้องการ ไลฟ์สไตล์ ของคนในแต่ละช่วงวัย โดยสวัสดิการเหล่านี้รวมไปถึงตัวเลือกที่พนักงานสามารถนำไปเบิกได้ เช่น ค่าเดินทางเครื่องบิน ค่าอุปกรณ์สนับสนุนสุขภาพ และค่าสมัครสมาชิกยิม และสวัสดิการที่รองรับความหลากหลายทางสังคมที่มากขึ้น ไอเดียที่สร้างสรรค์เหล่านี้สามารถแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นขององค์กรในการส่งเสริมความหลากหลาย และความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
แม้ว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ยังตามหลังในการเสนอสวัสดิการแบบยืดหยุ่นเมื่อเทียบกับหลายๆ อุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม มีบริษัทยานยนต์หลายแห่ง เริ่มให้ความสนใจในการเสนอแผนสวัสดิการแบบยืดหยุ่น (ข้อมูลจากการวิจัยของ Mercer) ซึ่งเน้นย้ำถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญเนื่องจากแนวโน้มนี้กำลังได้รับความนิยมไปทั่วโลก
ขยายขอบเขตการเปรียบเทียบค่าตอบแทนไปนอกอุตสาหกรรม
ในภาคยานยนต์ บริษัทในอุตสาหกรรมอาจมีการเปรียบเทียบแพคเกจค่าตอบแทนภายในอุตสาหกรรมยานยนต์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ทาง Mercer เริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม บริษัทยานยนต์หลายแห่ง เริ่มเปรียบเทียบการจ่ายค่าตอบแทนกับตลาดโดยรวม หรืออุตสาหกรรมอื่น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมไฮเทคมากขึ้น ยิ่งทำให้เห็นชัดเจนมากยิ่งขึ้นว่ามีการขยายมุมมองการเปรียบเทียบการแข่งขันต่างไปจากเดิม ซึ่งโฟคัสที่อุตสาหกรรมยานยนต์เพียงอย่างเดียว
บรรลุเป้าหมายแห่งความสำเร็จ
เป็นสิ่งสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในการออกแบบแพคเกจค่าตอบแทนรวมที่มีความครอบคลุม เพื่อรักษาระดับการแข่งขันความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ด้วยการเสนอสวัสดิการที่ครอบคลุมมากกว่าโครงสร้างเงินเดือนแบบเดิม เพื่อบริษัทสามารถดึงดูด และรักษาบุคลากรที่มีความสามารถได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อสร้างแรงจูงใจ และสร้างความมุ่งมั่นให้พนักงาน
สำหรับผู้นำอุตสาหกรรม ปี 2568 ไม่เพียงแต่เป็นปีที่เรากลับมาให้ความสนใจกับแนวโน้มการจ่ายค่าตอบแทนของตลาดเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญในการเร่งการเปลี่ยนแปลง และกำหนดอนาคตอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยให้เป็นผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรม และความเป็นเลิศด้านบุคลากร