วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย)ฯ ประกาศเตรียมความพร้อมเปิดโชว์รูมแห่งใหม่-โวลโว พัฒนาการ และศูนย์บริการซ่อมตัวถัง และสีมาตรฐานครบวงจร Volvo Certified Damage Repair Centre (VCDR) แห่งที่ 4 ซึ่งจะบริหารงานโดย บริษัท จีที ออโต้ จำกัด เพื่อขยายพื้นที่บริการให้ครอบคลุมยิ่งขึ้นสำหรับลูกค้า Volvo (โวลโว) ในพื้นที่รามคำแหง พัฒนาการ หัวหมาก พระราม 9 และเพชรบุรี โดยโชว์รูมแห่งใหม่นี้คาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการได้ในเดือนเมษายน 2025 เป็นต้นไป
คริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การแข่งขันที่เข้มข้นของอุตสาหกรรมยานยนต์ในปัจจุบัน ส่งผลให้การปรับตัวเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อความก้าวหน้าทางนวัตกรรม และการเติบโตของธุรกิจสู่อนาคต การเปิดโชว์รูม และศูนย์บริการซ่อมตัวถัง และสีแห่งใหม่นี้ คือ ก้าวสำคัญของ วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย)ฯ ในการสานต่อความมุ่งมั่นด้านการให้บริการที่ตอบโจทย์ และมีประสิทธิภาพ โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ผ่านประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์ในแบบสแกนดิเนเวียน พร้อมสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจที่เอื้อต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนให้แก่พาร์ทเนอร์ของเราไปพร้อมๆ กัน ซึ่งทั้งโชว์รูม และศูนย์บริการซ่อมตัวถัง และสีแห่งใหม่ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งในการรองรับความต้องการของลูกค้า วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย)ฯ ได้ดียิ่งขึ้น
ในทุกกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของ Volvo มีลูกค้าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญเสมอ เรามุ่งมั่นสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าในทุกๆ ขั้นตอน และคำนึงถึงความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ บริษัทฯ ขอขอบคุณลูกค้าในความไว้วางใจ และการสนับสนุนอันเป็นอย่างดีโดยเสมอมา และหวังว่าเราจะได้รับโอกาสในการดูแลท่านที่โชว์รูมแห่งใหม่ที่คาดว่าจะเปิดดำเนินการในเดือนเมษายน 2025
โชว์รูมรูปแบบใหม่ครบวงจร วอลโว่ พัฒนาการ ให้บริการบนพื้นที่ขนาด 1,200 ตารางเมตร ซึ่งได้รับการออกแบบตามมาตรฐาน Volvo Retail Standard อันประกอบด้วย
โชว์รูมเพื่อการขาย ที่ได้รับการออกแบบให้ถ่ายทอดอัตลักษณ์ของแบรนด์ Volvo ผ่านความเรียบง่ายที่ตอบโจทย์การใช้งานตามแบบสแกนดิเนเวียนดีไซจ์น ผสานการตกแต่งที่เน้นความโปร่งสบาย เป็นธรรมชาติ ผ่านวัสดุที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมพนักงานที่ปรึกษาด้านการขายที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์อันครบครันแก่ลูกค้าผู้สนใจประกอบการตัดสินใจซื้อรถ
แผนกบริการหลังการขาย ที่ให้บริการบำรุงรักษา และซ่อมแซมรถโดยช่างผู้ชำนาญการ ซึ่งผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่มีมาตรฐานจาก Volvo พร้อมกระบวนการการปฎิบัติงานภายใต้คอนเซพท์ LEAN Management ซึ่งเน้นการจัดการขั้นตอนดำเนินงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ลดกระบวนการ หรือองค์ประกอบที่ไม่สร้างมูลค่า เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่น่าพอใจสำหรับธุรกิจ และส่งมอบการบริการที่รวดเร็วให้แก่ลูกค้าในเวลาเดียวกัน โดยแผนกบริการหลังการขายนี้จะสามารถรองรับการให้บริการได้สูงสุดถึง 20 คัน/วัน
คลังอะไหล่ ที่เก็บรวบรวมอะไหล่แท้ของ Volvo เพื่อลูกค้าจะได้รับบริการซ่อม และเปลี่ยนอะไหล่ที่รวดเร็ว โดยศูนย์บริการรูปแบบใหม่นี้จะช่วยยกระดับประสบการณ์รับบริการของลูกค้าอย่างแท้จริง พร้อมเป็นการเตรียมความพร้อมสู่การเติบโตในอนาคตของกลุ่มลูกค้าที่ให้ความสนใจซื้อรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบของ Volvo รวมถึงรถในกลุ่มพลักอิน-ไฮบริด ที่มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้แก่แบรนด์ในฐานะผู้นำทางอุตสาหกรรมกลุ่มรถไฟฟ้าระดับพรีเมียมจากสวีเดน
นอกจากนี้ วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย)ฯ ยังประกาศความพร้อมในการขยายศูนย์บริการซ่อมตัวถัง และสีมาตรฐานครบวงจร แห่งที่ 4 ในกรุงเทพมหานคร เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าในการเข้ารับบริการ บนพื้นที่ขนาด 1,200 ตารางเมตร เพื่อให้บริการซ่อมตัวถัง และสีที่มีมาตรฐาน ซึ่งได้รับการรับรองจาก Volvo ในด้านคุณภาพ รวมถึงความปลอดภัยต่อทั้งสิ่งแวดล้อม และพนักงานผู้ปฏิบัติงาน อาทิ การใช้เทคโนโลยีสีสูตรน้ำ (Water based paint) ที่เป็นมาตรฐานของ Volvo เพื่อลดปริมาณสารพิษที่ปนเปื้อนในอากาศ และแหล่งน้ำ, การติดตั้งแผ่นกรองอากาศ 3 ชั้น ภายในห้องพ่นสี เพื่อกรอง และดักอนุภาคขนาดเล็กของฝุ่น และกลิ่นของสี ไม่ให้ปนเปื้อนกับอากาศภายนอก พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพให้ผลลัพธ์ของสีเรียบเนียนยิ่งขึ้น, การอบสีรอบตัวถังด้วยหัวเป่าลมพลังเจท กับเทคโนโลยี Dent Jet System จาก PIVAB ตามมาตรฐานสวีเดน เพื่อสีที่แห้งเร็วขึ้น จึงทำให้ระยะเวลาการรอของลูกค้าลดลง, การใช้เทคโนโลยีการเคลื่อนย้ายรถด้วยระบบรางมาตรฐานในทุกๆ การกระบวนการซ่อมสี เพื่อความรวดเร็วในการปฏิบัติ และสามารถส่งมอบรถกลับถึงลูกค้าได้โดยเร็ว พร้อมคุณภาพ และประสิทธิภาพหลังซ่อมที่ดีเยี่ยมเหมือนวันแรกที่ออกจากโรงงานผลิต ศูนย์บริการซ่อมตัวถัง และสีแห่งใหม่นี้จะดำเนินการภายใต้คอนเซพท์ Lean Management เช่นเดียวกัน ซึ่งจะส่งผลให้สามารถรองรับการให้บริการลูกค้าสำหรับการซ่อมตัวถัง และทำสีได้สูงสุดถึง 150 คัน/เดือน โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการในไตรมาสที่ 3 ของปี 2025