ธุรกิจ
Ford เผย 5 เรื่อง เกี่ยวกับ Ranger Raptor

Ford Ranger Raptor (ฟอร์ด เรนเจอร์ แรพเตอร์) พัฒนาขึ้นเพื่อพร้อมตะลุยทะเลทราย พิชิตภูเขาสูงชัน และการขับขี่ในทุกสภาพเส้นทางหฤโหด สร้างมาตรฐานที่เหนือชั้นในตลาดรถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูงเพื่อคอออฟโรดตัวจริง และนี่คือ เกร็ดน่ารู้ 5 ข้อ กับอีกเรื่องอันน่าสนุกเกี่ยวกับ Ford Ranger Raptor
เครื่องยนต์ วี 6 ของ Ford Ranger Raptor พร้อมอวดความดุดัน
ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร วี 6 พัฒนาโดยทีม Ford Performance ให้กำลังแรงสูงสุดถึง 397 แรงม้า และแรงบิด 538 นิวทันเมตร ตัวเครื่องยนต์ทำจากเหล็กกราไฟท์ ซึ่งเป็นวัสดุที่แข็งแรงระดับเดียวกับที่ใช้ในรถแข่ง
ปรับแต่งเสียงได้ตามต้องการ
เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร วี 6 ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ซึ่งเกียร์แต่ละจังหวะจะได้รับการตั้งค่าเฉพาะตัวแตกต่างกัน เพื่อให้การส่งกำลังเป็นไปอย่างราบรื่นไม่ว่าจะขับขี่บนเส้นทางแบบใด ระบบท่อไอเสียแบบแอคทีฟวาล์วพร้อมโหมดปรับเสียงท่อไอเสียที่เลือกปรับเสียงได้ถึง 4 โหมดตามความชอบของผู้ขับขี่ ตั้งแต่โหมดเงียบ ไปจนถึงเสียงคำรามในโหมดบาฮา (1)
ช่วงล่างสุดล้ำ พร้อมลุยทุกเส้นทาง
ระบบช่วงล่างของ Ford Ranger Raptor ไม่ได้มีแค่ชอคอับขนาดใหญ่ และแข็งแกร่ง แต่ยังแสดงถึงความล้ำสมัยทางเทคโนโลยี และวิศวกรรมอีกด้วย ปีกนกควบคุมด้านบน และล่างที่ทำจากอลูมิเนียมที่มีน้ำหนักเบา มอบทั้งความแข็งแกร่ง และช่วยควบคุมน้ำหนักตัวรถ ขณะที่ระบบกันสะเทือนด้านหน้า และด้านหลังมีระยะยืดยุบสูง ช่วยซับแรงกระแทกได้อย่างเหนือชั้น นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบกันสะเทือนหลังแบบวัตต์ลิงค์ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถอย่างแม่นยำแม้ขับขี่ด้วยความเร็วสูงบนถนนที่ขรุขระ อย่างไรก็ตาม หัวใจสำคัญของระบบช่วงล่าง คือ ชอคอับ Fox แบบ Live Valve Internal Bypass 2.5 นิ้ว ที่สามารถปรับตัวได้ตามสภาพพื้นที่ รูปแบบการขับขี่ และโหมดการขับขี่อย่างต่อเนื่อง โดยเซนเซอร์ทั่วทั้งคันจะอ่านการตั้งค่า 500 ครั้ง/วินาที และวิเคราะห์ตั้งแต่การบังคับพวงมาลัยไปจนถึงการเคลื่อนที่ของแชสซีส์ ข้อมูลนี้จะป้อนเข้าสู่ระบบที่ "คาดการณ์" ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปบนเส้นทางข้างหน้า เพื่อเตรียมชอคอับให้พร้อมสำหรับการควบคุม และความสะดวกสบายสูงสุด
พิชิตทุกสภาพถนนด้วยโหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ
Ford Ranger Raptor มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 7 โหมด (2) ซึ่งแต่ละโหมดจะปรับแต่งการตั้งค่าให้เหมาะกับสถานการณ์การขับขี่แต่ละรูปแบบ โดยโหมดการขับขี่แต่ละโหมด (2) จะควบคุมการทำ งานส่วนต่างๆ ของรถโดยละเอียด ตั้งแต่เครื่องยนต์ ระบบเกียร์ ไปจนถึงความไวในการประมวลผลระบบป้องกันล้อลอค (ABS) การยึดเกาะถนน และเสถียรภาพการทรงตัว การทำงานของระบบไอเสีย พวงมาลัย การตอบสนองต่อการเร่งเครื่อง ไปจนถึงการแสดงผลบนแผงหน้าปัดรถยนต์ และหน้าจอสัมผัสกลางคอนโซล และในช่วงความเร็วต่ำที่ท้าทาย ระบบควบคุมความเร็วสำหรับการขับขี่ออฟโรด Trail Control (3) จะทำหน้าที่เสมือนระบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติสำหรับเส้นทางออฟโรด ช่วยให้ผู้ขับขี่มีสมาธิจดจ่อกับการบังคับควบคุมพวงมาลัยได้ ในขณะที่ Ford Ranger Raptor ช่วยจัดการการเร่งความเร็ว และเบรค เพื่อรักษาระดับความเร็วที่ผู้ขับขี่เลือก
การออกแบบที่ดุดัน สะท้อนความแกร่งในทุกมิติ
Ford Ranger Raptor ไม่ได้โดดเด่นแค่เพียงสมรรถนะ แต่ยังสะท้อนความแข็งแกร่งในทุมมุมมอง ตั้งแต่การออกแบบภายนอก ตัวอักษร F-O-R-D ตัวหนาบนกระจังหน้าอวดความเป็น Raptor อย่างชัดเจน ขณะที่กันชนเหล็กพร้อมตะขอลากจูงในตัวแสดงถึงตัวตนเจ้าของรถที่รักการผจญภัย จนถึงซุ้มล้อกว้าง พร้อมช่องระบายอากาศรองรับยาง All Terrain BFGoodrich KO2 ขนาด 33 นิ้ว ติดตั้งบนล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
ความแกร่งของ Ford Ranger Raptor ไม่ได้มีแค่ตัวถังภายนอกเท่านั้น แต่รวมถึงแผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถความแข็งแรงสูงเพื่อช่วยปกป้องบริเวณด้านหน้ารถ โดยเครื่องยนต์ ชุดเกียร์ และถังน้ำมันเองก็มีแผ่นกันกระแทกที่มอบความมั่นใจให้ผู้ขับขี่เมื่อต้องออกไปเผชิญกับเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย
จากโชว์รูมสู่ชัยชนะบนสนามแข่ง
นอกจาก Ford Ranger Raptor จะสร้างมาเพื่อการผจญภัยแล้ว ยังพัฒนามาเพื่อเป็นผู้นำในเซกเมนท์ โดยไม่มีบทพิสูจน์ใดที่จะแสดงให้เห็นสมรรถนะของรถได้ดีไปกว่าการเข้าร่วมการแข่งขัน Baja 1000 หนึ่งในการแข่งขันออฟโรดที่ท้าทายที่สุดในโลก
ในปี 2565 Ford Ranger Raptor เข้าร่วมการแข่งขัน Baja 1000 ด้วยรถที่เกือบจะเป็นสเปกเดิมจากโรงงาน เพียงแค่เสริมอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยเปลี่ยนล้อและยาง เพิ่มไฟส่องสว่าง และติดตั้งแผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถ ซึ่งนอกจากจะสามารถลงแข่งได้แล้ว ยังคว้าชัยชนะในรุ่น Production มาครองได้สำเร็จอีกด้วย ต่อมาในปี 2566 Ford Ranger Raptor คันเดิม กลับมาลงสนามอีกครั้งในรายการ Finke Desert Race ซึ่งเป็นสนามแข่งที่ท้าทายอีกแหน่ง และก็คว้าชัยชนะในรุ่นที่ลงแข่งได้อีกครั้ง จากนั้นในปี 2567 Ford Ranger Raptor ยังคงเดินหน้าสร้างตำนาน ด้วยการคว้าอันดับ 1 ในรุ่น ทั้งในรายการ Finke Desert Race และ Baja 1000 ซึ่งนับเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงสมรรถนะของ Ford Ranger Raptor อย่างแท้จริง
หมายเหตุ
(1) โหมดบาฮาออกแบบมาสำหรับการขับขี่ออฟโรดเท่านั้น
(2) ระบบช่วยการขับขี่เป็นเพียงระบบเสริม ไม่สามารถทดแทนความตั้งใจ การตัดสินใจ และการควบคุมรถของผู้ขับขี่ได้ ระบบนี้ไม่สามารถทดแทนการขับขี่อย่างปลอดภัย กรุณาศึกษารายละเอียดและข้อจำกัดเพิ่มเติมในคู่มือการใช้รถ
(3) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติสำหรับการขับขี่ออฟโรด ระบบช่วยเลี้ยวในพื้นที่แคบ และระบบควบคุมการออกตัว และเบรคด้วยคันเร่งเป็นคุณสมบัติช่วยขับขี่เพิ่มเติม ซึ่งไม่สามารถทดแทนความสนใจ และการตัดสินใจของผู้ขับขี่ หรือความจำเป็นในการเหยียบเบรคได้ โปรดศึกษารายละเอียด และข้อจำกัดต่างๆ จากคู่มือผู้ใช้รถ
บทความแนะนำ