ธุรกิจ
PTG นำทัพเติบโตด้วย Max World

บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) เปิดกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจปี 2568 ภายใต้ Max World ตั้งเป้าสัดส่วนกำไรขั้นต้นของธุรกิจ Non-Oil เพิ่มขึ้นเป็น 50 % ภายในปี 2571 มุ่งเน้น กาแฟพันธุ์ไทย เป็นหัวหอกสำคัญ ขยายสู่ 5,000 สาขาทั่วประเทศ และก้าวสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality ภายในปี 2573
พิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจีเอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า ปี 2567 ที่ผ่านมา PTG สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมี PT Max Card และ PT Max Card Plus กว่า 25 ล้านสมาชิก (คิดเป็น 1 ใน 3 ของประชากรไทย)
ธุรกิจ Oil ของ PTG ทำสถิติใหม่ด้านปริมาณการจำหน่ายน้ำมันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6,548 ล้านลิตร เติบโต 12.9 % YoY สูงกว่าอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมกว่า 10 เท่า (ตลาดเติบโต 0.4 % YoY) พร้อมครองส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 21.9 % จาก Same-Store Sales Growth (SSSG) กว่า 11.6 % YoY โดยมี PT Max Card เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ดึงดูดลูกค้าให้กลับมาเติมน้ำมันมากขึ้น บ่อยขึ้น และต่อเนื่องขึ้น
นอกจากปริมาณที่เติบโตขึ้นแล้ว PTG ยังให้ความสำคัญกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการ โดยเน้นโครงการหัวจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงมาตรฐาน และคุณภาพการบริการ เช่น บริการส่งน้ำมัน Max Service การเช็ดกระจก การดูแลลูกค้า พร้อมกลยุทธ์การเติบโตควบคู่ไปกับลูกค้า ชุมชน และคู่ค้า ผ่านการพัฒนา Max Enterprise Connect (MEC) โซลูชันสำหรับลูกค้าองค์กร และร่วมมือกับกรมการค้าภายใน เพื่อสร้างคุณค่าร่วมกับภาครัฐ และชุมชน อีกทั้งได้พัฒนา และปรับปรุงสถานีบริการให้เป็น One-Stop Destination รองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ให้ทุกสถานีกลายเป็นมากกว่าสถานีเติมน้ำมัน
ขณะเดียวกัน ธุรกิจ Non-Oil เติบโตอย่างแข็งแกร่งครอบคลุมทุกมิติ ในมุมของปริมาณทางฝั่งธุรกิจ Non-Oil มีรายได้เติบโต 31.2 % YoY ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของ GDP 10 เท่า (GDP เติบโต 2.5 % YoY) ขณะที่กำไรขั้นต้นของธุรกิจ Non-Oil เพิ่มขึ้น 35 % YoY โดยมีกาแฟพันธุ์ไทยเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักที่ขับเคลื่อนธุรกิจ Non-Oil ด้วยการเติบโตที่โดดเด่นของกำไรขั้นต้นซึ่งเพิ่มขึ้น 80.2 % YoY จากการขยายสาขาเฉลี่ยกว่า 1.3 สาขา/วัน ไปยังสถานีบริการน้ำมัน และภายนอกสถานีบริการน้ำมันที่มีศักยภาพ อีกทั้งได้พัฒนาสินค้า และบริการต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า โดยพัฒนาโมเดลร้านให้หลากหลาย รวมถึงการทำแคมเปญที่สอดรับกับการสนับสนุนวัตถุดิบท้องถิ่นอย่าง “ไทยริกาโน” ขณะที่ Autobacs ซึ่งประกอบธุรกิจศูนย์ซ่อมบำรุงรถยนต์ และศูนย์บริการ มาตรฐานระดับญี่ปุ่น กำไรขั้นต้นเติบโต 70.9 %YoY จากการขยายสาขาเป็น 117 สาขา ภายในปี 2567 โดยมีรายได้เติบโตด้วยเช่นกันที่ 76 % YoY
นอกจากนี้ PTG ยังเติบโตเชิงกลยุทธ์โดยร่วมมือกับพันธมิตรสำคัญอย่าง บสย. เพื่อเสริมรากฐานการขยายฟแรนไชส์กาแฟพันธุ์ไทยที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ ยังได้มีการร่วมมือกับ กรมป่าไม้ แม่ฟ้าหลวง และ ธกส. ในการพัฒนา และส่งเสริมการปลูกกาแฟอาราบิกา และพืชเศรษฐกิจยั่งยืน เพื่อรับซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรท้องถิ่นอย่างเป็นธรรมในอนาคต รวมถึงการส่งเสริมวัตถุดิบท้องถิ่นในแต่ละจังหวัดผ่านการรังสรรค์เมนูเครื่องดื่มของกาแฟพันธุ์ไทย เพื่อต่อยอดเพิ่มมูลค่า สนับสนุนเกษตรกร กระจายรายได้สู่ชุมชน และสร้างความยั่งยืนในทุกภูมิภาค
พิทักษ์ กล่าวอีกว่าสำหรับอนาคต PTG มุ่งสู่ Max World ซึ่งเป็นระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystem) ที่เชื่อมโยงทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคให้เข้าถึงชีวิตที่อยู่ดี มีสุข ผ่าน 3 เป้าหมายหลัก ได้แก่
1. ยกระดับคุณภาพให้ลูกค้ามี “ชีวิตดี” ผ่านบัตร Max Card และ Max Card Plus โดยมอบโอกาสให้ลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่าย และได้รับสิทธิพิเศษมากขึ้น
2. ขยายธุรกิจ Non-Oil ให้ “เติบโต” โดยตั้งเป้าสัดส่วนกำไรขั้นต้นในธุรกิจ Non-Oil เพิ่มขึ้นเป็น 50 % ภายในปี 2571 ธุรกิจอาหาร และเครื่องดื่มจะเพิ่มขึ้นเป็น 25 % ของกําไรขั้นต้น พร้อมกับธุรกิจ Non-Oil อื่นๆ อีก 25 % โดยการเพิ่มในธุรกิจอาหาร และเครื่องดื่ม มีปัจจัยมาจากการขยายกาแฟพันธุ์ไทยสู่ 5,000 สาขาทภายในปี 2571
ส่วนธุรกิจใหม่ Subway ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศธุรกิจผ่านบัตร Max Card โดยใช้ประโยชน์จากฐานสมาชิกกว่า 25 ล้านราย เพื่อมอบความคุ้มค่า และสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากยิ่งขึ้น
3. PTG ได้ย่อ Max World มาอยู่ในมือลูกค้า ผ่านแอพพลิเคชัน Max Me เพื่อเพิ่ม “ความสะดวกสบาย” ให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้า และบริการได้ง่ายขึ้น ผ่านพแลทฟอร์มที่รวมสินค้า บริการ และสิทธิพิเศษไว้ในที่เดียว
รังสรรค์ พวงปราง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงินและความยั่งยืน กล่าวเสริมว่า PTG ได้ขยายขอบเขตไปยังธุรกิจ Non-Oil อื่นๆ อย่างเต็มรูปแบบ ผ่านการเชื่อมต่อกับ Max Card ให้ลูกค้าปลดลอคสิทธิประโยชน์ที่เหนือกว่า ไม่ว่าจะในด้านบริการสินเชื่อที่ PTG ได้ร่วมมือกับ Paisan Capital เพื่อให้การสนับสนุนผู้ประกอบการขนส่งเสริมศักยภาพในการเข้าถึงสินเชื่อด้วยเงื่อนไขที่เหมาะสม และตรงกับความต้องการ อีกทั้ง PTG เป็นผู้นำในการนำ Subscription Model มาเชื่อมต่อกับสถานีชาร์จ EV Elex by EGAT PT ให้ลูกค้าปลดลอคสิทธิประโยชน์ที่เหนือกว่า พร้อมยกระดับสุขอนามัยของคนในชุมชนผ่านธุรกิจบริหารจัดการขยะ
นอกจากนี้ PTG ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการเติบโตของธุรกิจ แต่ยังให้ความสำคัญกับการส่งมอบคุณค่าให้แก่สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมา PTG ได้ดำเนินโครงการที่ช่วยสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ โครงการติดตั้ง Solar Roof ในสถานีบริการ, ค่ายอาสาทำจริงไม่ทิ้งกัน, การส่งเสริมพืชเศรษฐกิจ และไม้ยืนต้น ร่วมกับการปลูกกาแฟ และการฟื้นฟูป่าชายเลน รวมถึง การร่วมมือกับกรมการค้าภายใน รับซื้อผลผลิตทางการเกษตรจากเกษตรกร เพื่อนำมาแจกให้ลูกค้าสถานีบริการน้ำมัน
อีกทั้ง PTG ยังตอกย้ำความมุ่งมั่นด้านธรรมาภิบาล และความโปร่งใส โดยได้รับรอง CAC ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ด้วยแนวคิดของ PTG คือ การเติบโตของธุรกิจต้องไปพร้อมกับสังคม และสิ่งแวดล้อม เพราะ PTG ตระหนักดีว่าภาวะโลกร้อน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อทุกภาคส่วนจากวิกฤตน้ำท่วม ไฟป่า ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบ และต้นทุนคาร์บอนในระดับโลก ปัจจุบัน 140 ประเทศทั่วโลก ได้ประกาศเป้าหมาย Net Zero ซึ่งกำลังเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมพลังงานผ่าน นโยบาย COP, ภาษีคาร์บอน (Carbon Tax) และ CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) ซึ่งอาจเพิ่มต้นทุนให้แก่ธุรกิจที่ปล่อยแกสเรือนกระจกสูง ด้วยเหตุนี้ PTG จึงให้คำมั่นในการก้าวสู่ Carbon Neutrality ภายในปี 2030 (Scope 1 และ 1) ผ่าน 3 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่
- Reduce (10 %): ลดการปล่อยแกสเรือนกระจกจากกระบวนการดำเนินงานภายในองค์กร (Drive Internal Decarbonization)
- Reforestation (30 %): ดูดซับ และกักเก็บคาร์บอนผ่านการปลูกป่า การฟื้นฟู และการปกป้องระบบนิเวศชายฝั่ง (Forest Protection & Conservation Actions)
- Readjust Portfolio (60 %): ลงทุนใน ธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต ที่สามารถชดเชยคาร์บอน และเติบโตในระยะยาว (Deploy investments in a carbon offset portfolio)
บทความแนะนำ