ข่าวจากประเทศอังกฤษ ระบุว่า เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนเป็นเทคโนโลยีระดับสูง ทั้งมีทดสอบที่เข้มงวดที่สุด อย่างไรก็ตาม ระบบเซลล์เชื้อเพลิงยังไม่ได้รับความนิยม จนถูกนำมาใช้กับรถทั่วไป แต่ไม่ได้หมายความว่ารถขุมพลังไฮโดรเจนจะไม่มีโอกาสได้เกิด
FIA ได้กำหนดรายการแข่งใหม่ คือ รายการ FIA Extreme H World Cup โดยจะเริ่มในปีนี้เพื่อเป็นการพิสูจน์ศักยภาพของเทคโนโลยีนี้
ในรายการแข่งนำร่องจะมีรถแข่งทั้งหมด 25 คัน ใช้ระบบส่งกำลังเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนผลิตจากกระบวนการที่ยั่งยืน แม้แต่สถานที่จัดการแข่งขันยังใช้กระแสไฟจากแหล่งจ่ายกระแสไฟฟ้า ซึ่งจากผลิตสถานีจ่ายไฟระบบเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนด้วย
รถแข่ง Extreme H ใช้พื้นฐานจากรถแข่ง Extreme E โดยใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเหมือนกัน แต่ลดขนาดแบทเตอรี และติดตั้งระบบเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนขนาด 75 กิโลวัตต์ พร้อมถังบรรจุแกสไฮโดรเจนบรรจุแกสน้ำหนัก 2 กิโลกรัม ทนแรงดัน 700 บาร์ ซึ่งเป็นถังบรรจุแกสจาก Toyota Mirai จำนวน 2 ถัง
ระบบเซลล์เชื้อเพลิงเหนือกว่าแบทเตอรี ด้วยความสามารถจ่ายกระแสไฟอย่างสม่ำเสมอ โดยจ่ายกระแสไฟไปยังแบทเตอรีกำลังไฟ 325 กิโลวัตต์ ความจุ 36 กิโลวัตต์ชั่วโมง จำนวน 2 ชุด
แบทเตอรีแรงดันกระแสไฟ 450-850 โวลท์ จ่ายกระแสไฟให้กับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสุทธิ 197 กิโลวัตต์/268 แรงม้า จำนวน 2 ชุด โดยแยกติดตั้งเข้ากับชุดเพลาขับเคลื่อนล้อหน้า และล้อหลัง มีกำลังรวมสุทธิ 394 กิโลวัตต์/536 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.5 วินาที และความเร็วสูงสุดประมาณ 200 กม./ชม. โดยตัวรถมีน้ำหนักรวม 998 กก.
ระบบเซลล์เชื้อเพลิงเป็นของ Symbio ซึ่งทีมแข่งสามารถเลือกติดตั้งระบบเซลล์เชื้อเพลิงอื่นได้ตามต้องการ, แบทเตอรีเป็นของ Fortescue WAE ผลิตจากศูนย์เทคนิคที่ Kidlington, Oxfordshire ซึ่งผลิตแบทเตอรีให้รถแข่ง Extreme E ด้วย แต่แบทเตอรีของรถแข่ง Extreme H มีความจุกระแสไฟน้อยกว่าที่ใช้ในรถ Extreme E เนื่องจากมีระบบเชลล์เชื้อเพลิงแล้ว
สำหรับฐานการผลิตรถแข่ง Extreme H เป็นที่เดียวกับที่ผลิตรถแข่ง Extreme E ผลิตโดย Spark Racing Technology ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง Tigery นอกกรุงปารีส รถแข่งมีตัวรถยาวประมาณ 6 เมตร และมีระยะห่างระหว่างฐานล้อหน้า-หลัง 3.2 เมตร ใช้โครงสร้างท่อแบบสเปซเฟรม พร้อมโครงรับแรงกระแทกในด้านหน้า
ปีที่แล้วรถแข่งชุดแรกจำนวน 25 คัน สามารถผ่านการทดสอบการชนตามข้อบังคับทดสอบการชนของ FIA หากเทียบกับ Extreme E แล้ว Extreme H มีโครงสร้างแข็งแกร่งกว่า โดยการเพิ่มโครงสร้างป้องกันการชนวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ บริเวณเหนือจุดติดตั้งถังแกสไฮโดรเจน และมีโครงสร้างวัสดุสังเคราะห์ทำหน้าที่ดูดซับแรงกระแทกด้านข้างทั้งสองฝั่ง
นอกจากนั้นขณะทดสอบการชนยังติดตั้งถังบรรจุแกส ทั้งแรงดันสูง และแรงดันต่ำโดยเติมแกสเต็มถัง ซึ่งไม่มีการรั่วไหลของแกสจากระบบเลย ก่อนทดสอบการชน ยังทดสอบความทนทานของถัง และแบทเตอรีก่อน เพื่อความมั่นใจว่ารถแข่ง Extreme H ทนทานต่อการแข่งขันสุดโหดได้