ข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า Mercedes (เมร์เซเดส) ยืนยันว่าเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ ยังมีที่ยืนในโลกของยานยนต์ไฟฟ้า แม้ข้อบังคับด้านมลพิษเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้นก็ตาม AMG Performance Division ก็กำลังพัฒนาเครื่องยนต์ แบบ วี 8 สูบ เจเนอเรชันใหม่อย่างไม่ย่อท้อ
Michael Schiebe ผู้บริหารระดับสูง กล่าวว่าขณะนี้ วิศวกรใน Affalterbach กำลังพัฒนาเครื่องยนต์ วี 8 สูบ เจเนอเรชันใหม่ แม้เคยกล่าวถึง “เครื่องยนต์ วี 8 สูบ ไฮบริด เจเนอเรชันใหม่” แต่ AMG ไม่ตั้งใจไปถึงจุดนั้น ด้วยเสียงจากผู้ชอบการขับรถในสนามแข่ง ส่วนใหญ่ชอบขับ GT63 Pro รุ่นเครื่องยนต์สันดาปภายในล้วนมากกว่าการขับ GT63 S E-Performance เครื่องยนต์พลัก-อิน ไฮบริด ที่มีพละกำลังมากกว่า
Mercedes มุ่งพัฒนาเครื่องยนต์ วี 8 สูบ ต่อไป แม้ค่ายอื่นยอมลดขนาดเครื่องยนต์ให้เล็กลง แต่เป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้า AMG ที่ชื่นชอบ โดยจากการวิเคราะห์ค่าใช้จ่าย พบว่าการลงทุนพัฒนาเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ จะให้ผลตอบแทนดีกว่าในระยะยาว ทั้งยังมีเวลาอีกนานสำหรับเครื่องยนต์ วี 8 สูบ ก่อนจะถึงปี 2578 ที่ EU จะแบนการขายรถรุ่นใหม่ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน
อย่างไรก็ตามนอกจาก 27 ประเทศในกลุ่ม EU แล้ว ยังมีอีกหลายประเทศที่ไม่มีข้อบังคับที่เข้มงวด อย่างประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของ AMG
เครื่องยนต์ วี 8 สูบ เจเนอเรชันใหม่ จะถูกนำไปใช้กับรถหลากหลายรุ่น แต่ไม่มีข่าวของ C63 รุ่นใหม่ โดยโฆษกฯ ออกมาปฏิเสธข่าวการฟื้นฟูเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง ของรุ่นนี้ ตอบรับกับข่าวลือหนาหูว่า ทางค่ายจะยกเลิกการผลิต C63 และแทนที่ด้วย C53 เครื่องยนต์ 6 สูบ ซึ่งบริษัทยังมีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
แม้จะไม่มี C63 ขุมพลัง วี 8 สูบ แต่ทุกคนยังคาดหวังว่าบริษัทจะเลือกเครื่องยนต์ที่คู่ควรกับ Mercedes-AMG CLE63 (เมร์เซเดส-เอเอมจี ซีแอลอี 63) ที่จะวางตลาด นอกจากนั้นอย่าลืมว่าเครื่องยนต์ วี 8 สูบ ไม่ได้เป็นเครื่องยนต์ใหญ่ที่สุดของค่าย เพราะยังมีเครื่องยนต์ วี 12 สูบ ที่ใช้กับ S-Class รวมถึง Pagani Utopia ที่ใช้ขุมพลัง AMG วี 12 สูบ
ปัจจุบันมีผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นยกเลิกเครื่องยนต์ วี 12 สูบ เช่น BMW (บีเอมดับเบิลยู) เลิกผลิตเมื่อ 3 ปีก่อน, Audi (เอาดี) ไม่ใช้เครื่องยนต์ W-12 ตั้งแต่ปี 2560, Bentley (เบนท์ลีย์) ไม่มีเครื่อง W-12 ตั้งแต่ปีที่แล้ว ส่วนยังมีบริษัทที่ยังใช้เครื่องยนต์วี 12 อยู่ อาทิ Ferrari (แฟร์รารี), Aston Martin (แอสตัน มาร์ทิน), Rolls-Royce (โรลล์ส-รอยศ์), Lamborghini (ลัมโบร์กีนี) และ Gordon Murray Automotive ส่วน Bugatti (บูกัตตี) ไปไกลกว่าด้วยเครื่องยนต์วี 16 สูบ