ข่าวจากประเทศอังกฤษ ระบุว่า Mercedes-AMG ต้องปรับแผนเชิงกลยุทธ์ด้านขุมพลัง ด้วยการลดการใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ พลัก-อิน ไฮบริด เริ่มจากรุ่น C63 และ GLC63
แหล่งข่าววงในระดับสูงยืนยันว่าขุมพลัง Mercedes-AMG ในอนาคต จะมีเครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียงรุ่นอัพเดท และเครื่องยนต์ วี 8 สูบ ที่พัฒนาใหม่ โดยใช้เพลาข้อเหวี่ยงระนาบแบน (Flat-Plane Crankshaft) ซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่ใช้ใน GT Black Series
ทางเทคนิคแล้วเครื่องยนต์เบนซินแบบ 4 สูบ ที่ใช้อยู่ จัดว่าเป็นเครื่องยนต์ที่ก้าวหน้ามากในอุตสาหกรรมยานยนต์ แม้มีประสิทธิภาพสูง แต่กลับไม่ได้รับความชื่นชมจากลูกค้าของบริษัทฯ
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง ใช้พื้นฐานจากเครื่องยนต์ M139 และมอเตอร์ไฟฟ้า เมื่อทำงานร่วมกันได้กำลังสุทธิ 492 กิโลวัตต์/670 แรงม้า เปิดตัวครั้งแรกใน Mercedes-AMG C63 S E Performance เมื่อปี 2565 ซึ่งสามารถสร้างความฮือฮาให้กับสาวก AMG แต่ก็ถูกวิจารณ์ว่าขาดคาแรคเตอร์ และไม่ให้ความรู้สึกของน้ำหนักตัวรถ เหมือนกับที่รู้สึกจากการขับรุ่นก่อน ซึ่งใช้เครื่องยนต์ วี 8 สูบ
เหตุผลสำคัญที่ทำให้ต้องเปลี่ยนแผนกลยุทธ์ของบริษัทฯ คือ ต้องใช้ต้นทุนสูงในการปรับปรุงเครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียง ให้สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านการควบคุมมลพิษ Euro 7
ไม่ต้องสงสัยเรื่องของประสิทธิภาพของเครื่องยนต์แบบ 4 สูบ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ล้ำหน้าที่สุดของบริษัท แต่ต้องแลกด้วยการลงทุนสูง ในการพัฒนาให้สอดคล้องกับข้อกำหนด EU7
Mercedes-Benz กำลังพิจารณายุติการผลิตรุ่นคอมแพคท์หลายรุ่น ซึ่งใช้เครื่องยนต์ M139 คือ A-Class แฮทช์แบค ทั้งต้องทบทวนแผนการผลิตรุ่น SL 43 4Matic ที่อาจเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์ 6 สูบ เทอร์โบ แทนเครื่องยนต์ที่ใช้ในปัจจุบัน
นอกจากนั้น Markus Schäfer ซีทีโอ Mercedes-Benz ได้ประกาศการใช้แผนกลยุทธ์ขุมพลังสองแบบ โดยมีแบบไฟฟ้าล้วน ซึ่งมีการพัฒนาก้าวหน้าไปมาก และแบบไฮบริด ใช้ร่วมกับเครื่องยนต์สันดาปภายในที่จะคงอยู่ต่อไป
สำหรับการพัฒนาเครื่องยนต์ วี 8 สูบ บลอคใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านมลพิษที่กำลังจะบังคับใช้ ทั้งอาจมีเครื่องยนต์แบบ 6 สูบ และ 8 สูบ ซึ่งทำงานร่วมกับระบบไมล์ดไฮบริด 48 โวลท์ หรืออาจเป็นระบบไฮบริดเต็มรูปแบบ
บทความแนะนำ