บทความ
ปุ่มกดในรถยนต์ ยังจำเป็น ?

BMW ยืนยันชัดเจน ! ปุ่มกด และปุ่มหมุนปรับเสียงยังคงอยู่ ไม่ถูกแทนที่ด้วยจอสัมผัส เช่น ปุ่มควบคุมพื้นฐาน โดยเฉพาะปุ่มหมุนปรับเสียง ยังคงมีความสำคัญ และเป็นสิ่งที่ผู้ขับส่วนใหญ่เลือกใช้งานมากที่สุดHighlight
ในยุคที่ค่ายรถยนต์หลายรายเดินหน้า “ลดปุ่ม” เปลี่ยนมาใช้จอสัมผัส และระบบควบคุมแบบดิจิทอลเต็มรูปแบบ BMW กลับเลือกเดินเส้นทางที่แตกต่างออกไป หลังจากเก็บข้อมูลเชิงลึกจากผู้ใช้รถยนต์กว่า 10 ล้านคันทั่วโลก
แม้เทคโนโลยีจะพัฒนาไปมาก ไม่ว่าจะเป็นการสั่งงานด้วยเสียง ปุ่มบนพวงมาลัย หรือการควบคุมผ่านหน้าจอกลาง แต่ข้อมูลที่ BMW รวบรวมแสดงชัดว่า ผู้ใช้รถยังคง “เอื้อมมือไปหมุนปุ่มปรับเสียง” เป็นอันดับแรก เหตุผลก็เพราะการหมุนปุ่มทำได้สะดวก รวดเร็ว และไม่ต้องละสายตาจากถนน ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่
ไม่เพียงแต่ BMW เท่านั้นที่เจอเสียงสะท้อนจากผู้ขับ ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อื่นๆ อย่าง Volkswagen ก็ประกาศว่าจะนำปุ่มจริงกลับมาในรถรุ่นใหม่ หลังจากเคยใช้ปุ่มแบบสัมผัส (Capacitive Touch) แล้วถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าทั้งกดผิดง่าย และไม่ปลอดภัย หรืออย่าง Hyundai ที่มีการระบุว่าจะยังคงใช้ปุ่มกดไว้สำหรับการใช้งานทั่วไป
Stephan Durach หัวหน้าฝ่ายพัฒนาประสบการณ์ผู้ใช้ หรือ (UI/UX) ของ BMW ระบุว่า ทีมออกแบบเคยพิจารณาลดจำนวนปุ่มลงเพื่อให้ห้องโดยสารดูเรียบง่าย และทันสมัย โดยเฉพาะรถยนต์รุ่นใหม่อย่าง BMW iX3 ที่ใช้พื้นฐาน Neue Klasse แต่เมื่อดูสถิติจริงกลับพบว่า “ปุ่มควบคุมบางอย่างไม่สามารถตัดออกได้” ไม่ว่าจะเป็น ปุ่มหมุนปรับเสียง, ปุ่มควบคุมกระจกไฟฟ้า และปุ่มปรับกระจกมองข้าง เป็นต้น
กรณีนี้สะท้อนถึงแนวโน้มใหม่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่เริ่มตระหนักว่าความ “ล้ำ” ไม่จำเป็นต้องแลกมาด้วยการเสียความสะดวก และความปลอดภัยของผู้ใช้ แน่นอนว่าเพื่อให้เข้ากับข้อกำหนดด้านความปลอดภัยใหม่ที่กำลังจะมาในอีก 1 ปีข้างหน้า
สำหรับ BMW ยังไม่ได้ปรับเปลี่ยนโดนสิ้นเชิง เพราะในหลายปีที่เลือกใช้ “ข้อมูลจริงจากผู้ใช้” ในการตัดสินใจ นั่นทำให้อุปกรณ์หลายอย่าง โดยเฉพาะปุ่มปรับเสียงแบบหมุน ยังคงเป็นส่วนสำคัญของห้องโดยสารรถต่อไป นี่คือการยืนยันว่า ในโลกที่ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไปเป็นดิจิทอล ยังมีบางสิ่งที่ผู้ใช้ไม่ต้องการให้หายไป และสำหรับคำตอบนั้น คือ “ปุ่มที่จับต้องได้ต่อไป”
Return of the button ! จอสัมผัสไม่เวิร์คจึงกลับมาใช้ปุ่มกดอีกครั้ง