Motorcycle
Triumph เปิดตัว 10 โมเดลใหม่ บุก Motor Expo 2025
Triumph Motorcycles ยกทัพรถจักรยานยนต์พรีเมียมลุย Motor Expo 2025 เปิดตัวโมเดลใหม่ 10 รุ่น ครอบคลุมโมเดิร์น คลาสสิค-โรดสเตอร์-แอดเวนเจอร์ พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษจัดเต็มส่งท้ายปีHighlight
Triumph Motorcycles รุกตลาดส่งท้ายปีในงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42" หรือ Motor Expo 2025 เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ และรุ่นปรับปรุงใหม่ของไลน์อัพปี 2026 ทั้งหมด 10 รุ่น ครอบคลุมกลุ่มโมเดิร์น คลาสสิค โรดสเตอร์ และแอดเวนเจอร์ ที่ตอบโจทย์ผู้ขับขี่ในทุกสไตล์
นำโดยตระกูล Bonneville ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งด้านสเปค และเทคโนโลยีเพื่อผู้ขับขี่ ประกอบด้วย Bonneville Bobber, Bonneville Speedmaster, Bonneville T100, Bonneville T120 และ Bonneville T120 Black รวมถึงการเปิดตัวสมาชิกใหม่ล่าสุดของกลุ่มโรดสเตอร์ ได้แก่ Street Triple 765 RX เอาใจสายชื่นชอบความเร็ว
ปิดท้ายด้วยการเผยโฉมจริงของ Scrambler 1200 XE, Scrambler 400 XC, Tiger 900 Alpine Edition และ Tiger 900 Desert Edition ที่ได้เปิดตัว และสร้างความตื่นตาตื่นใจไปในงาน Triumph Day 2025 ซึ่งทั้งหมดมาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษส่งท้ายปี ไม่เพียงเท่านั้น ! ยังมีโปรโมชันของรุ่นอื่นๆ ตลอดจนเลือกซื้ออุปกรณ์เสริมแท้จาก Triumph (ทไรอัมฟ์) ลดสูงสุด 50 % รวมถึงโปรโมชันเสื้อผ้า และอุปกรณ์สวมใส่ที่ลดราคาสูงสุด 50 % เฉพาะภายในนี้งานเท่านั้น เรียกได้ว่าจัดเต็มให้ครบเซท อาคารชาลเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 IMPACT เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2568
ชินศักดิ์ กิตติอมรกุล ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการเชิงพาณิชย์ บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า จากทเรนด์ในปัจจุบันที่ผู้ขับขี่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี และความปลอดภัย พร้อมด้วยความคุ้มค่า รวมถึงต้องการดีไซจ์นพรีเมียม มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สะท้อนสไตล์ของตนเอง Triumph จึงมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อรองรับทเรนด์เหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ผ่านแผนเปิดตัวรถจักรยานยนต์ไลน์อัพปี 2026 ซึ่งถือเป็นปีที่ Triumph เตรียมเปิดตัวรถมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ โดยภายในงาน Motor Expo 2025 ครั้งนี้ เป็นเวทีสำคัญที่ Triumph จะได้นำรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ และรุ่นปรับปรุงใหม่ทั้งหมดรวม 10 รุ่น มาเปิดตัว และจัดแสดงพร้อมกันเป็นครั้งแรกในประเทศไทยให้แฟนๆ ได้ยลโฉมพร้อมจับจองเป็นเจ้าของ
กลุ่มโมเดิร์น คลาสสิคอันเลื่องชื่อของแบรนด์ในตระกูล Bonneville
การเปิดตัวครั้งนี้นำโดยกลุ่มโมเดิร์น คลาสสิคอันเลื่องชื่อของแบรนด์ในตระกูล Bonneville ที่ได้รับการพัฒนาทั้งด้านสเปคและเทคโนโลยี เริ่มต้นด้วย Bonneville Bobber ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ Bonneville สูบคู่ ขนาด 1,200 ซีซี ให้พละกำลังสูงสุด 78 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 106 นิวทันเมตร มีการอัพเกรดครั้งสำคัญกับถังน้ำมันขนาดใหญ่ขึ้น 14 ลิตร และดีไซจ์นตัวถังใหม่ เพิ่มความดุดัน และสง่างามให้แก่โฉมใหม่ของ Bobber และเทคโนโลยีเพื่อผู้ขับขี่ล้ำสมัยยิ่งขึ้นด้วย Optimised Cornering ABS และระบบ Traction Control ที่ช่วยเสริมสมรรถนะในการเข้าโค้ง มีโหมดขับขี่ 2 แบบ ได้แก่ Road และ Rain เพื่อปรับการตอบสนองคันเร่ง และการยึดเกาะถนนให้เหมาะสมตามสภาพการขับขี่ และระบบ Cruise Control ด้านรูปลักษณ์มาพร้อมเบาะนั่งแบบลอยดีไซจ์นใหม่ที่กว้างขึ้น เพื่อเพิ่มความสบายให้ผู้ขับขี่ รวมถึงไฟหน้า LED ดีไซจ์นใหม่ พร้อมไฟ DRL อันโดดเด่น และช่องชาร์จ USB-C เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งานอุปกรณ์อีเลคทรอนิคส์ระหว่างเดินทาง เทคโนโลยีทั้งหมดนี้ถูกผสานอย่างประณีตภายใต้ดีไซจ์นเรียบง่ายเฉพาะตัวของ Bobber คงไว้ซึ่งเสน่ห์ในสไตล์สุดเท่ แต่เพิ่มฟังค์ชัน และความสะดวกสบายให้ตอบโจทย์ยุคใหม่ได้อย่างลงตัว
โดย Bonneville Bobber ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 637,000 บาท พร้อมสะกดทุกสายตาด้วยสีสันสุดพรีเมียมให้เลือกถึง 3 สไตล์ ได้แก่ สี Interstellar Blue/Sapphire Black ที่หรูหราโดดเด่น สี Satin Mineral Grey/Satin Sapphire Black ที่เรียบหรูทันสมัย รวมั้งสี Jet Black สุดคลาสสิค
Bonneville Speedmaster รถจักรยานยนต์ครูเซอร์อังกฤษสุดคลาสสิคที่ได้รับการพัฒนาให้ล้ำยิ่งขึ้นกับเครื่องยนต์ Bonneville สูบคู่ ขนาด 1,200 ซีซี ให้พละกำลังสูงสุด 78 แรงม้า และแรงบิดมหาศาล 106 นิวทันเมตรในรอบต่ำ ตอบสนองทันใจทุกครั้งที่บิดคันเร่ง ด้านดีไซจ์นสมรรถนะการขับขี่แบบทัวริงที่ดีขึ้น ด้วยเบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสารที่กว้างขึ้น เพิ่มความสบาย และแฮนด์บาร์ที่ตรงขึ้นช่วยให้ท่าทางการขับขี่เป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น อีกทั้งถังน้ำมันขนาดใหญ่ขึ้น 14 ลิตร ช่วยเพิ่มระยะทางการขับขี่ และสร้างบุคลิกที่โดดเด่นบนท้องถนน และล้อซี่ลวดขนาด 16 นิ้ว มาพร้อมยางหน้ากว้าง 130 และ 150 ขอบล้ออลูมิเนียมน้ำหนักเบาใหม่ ช่วยเสริมประสิทธิภาพการควบคุมรถได้อย่างนุ่มนวล และแม่นยำ ด้านเทคโนโลยีใหม่อัดแน่นทั้งระบบ Optimised Cornering ABS และระบบ Traction Control ที่ช่วยเสริมสมรรถนะในการเข้าโค้ง ขับเคลื่อนด้วย IMU ขั้นสูง ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้ขับขี่ ด้านไฟหน้า LED ทรงพลังใหม่พร้อมไฟ DRL อันเป็นเอกลักษณ์ และช่องชาร์จ USB-C ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย และทัศนวิสัยที่ทันสมัย ตลอดจนโหมดการขับขี่ Road และ Rain ช่วยปรับการตอบสนองของคันเร่ง และระบบยึดเกาะถนนให้เหมาะกับสถานการณ์ ขณะที่ระบบ Cruise Control เพิ่มความสะดวกสบายสำหรับการเดินทางไกล ระบบคลัทช์ช่วยผ่อนแรง Slip & Assist ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างราบรื่น และคันเร่งไฟฟ้า Ride-by-Wire ให้การควบคุมที่แม่นยำ คาลิเพอร์เบรคคู่หน้า Brembo แบบ 2 สูบพร้อมดิสก์เบรคคู่ขนาด 310 มม. มอบประสิทธิภาพการหยุดรถที่ทรงพลัง และต่อเนื่อง ตอบโจทย์สไตล์การขี่ส่วนตัว หรือการเดินทางท่องเที่ยวได้ตามต้องการ
Bonneville Speedmaster ปี 2026 ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 637,000 บาท มี 2 เฉดสีใหม่ให้เลือก ได้แก่ สี Carnival Red/Crystal White พร้อมเส้นโคชไลน์สีทองที่วาดด้วยมือ หรือสี Sapphire Black/Crystal White ตกแต่งด้วยเส้นโคชไลน์สีทองที่วาดด้วยมือเช่นกัน
โดยยังมีรถจักรยานยนต์รุ่นยอดนิยม Bonneville T100 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Bonneville สูบคู่ขนาด 900 ซีซี ให้การตอบสนองฉับไว คล่องตัว และเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์ ให้กำลังสูงสุด 65 แรงม้า ที่ 7,000 รตน. และแรงบิดสูงสุด 80 นิวทันเมตร ที่ 3,750 รตน. มอบการควบคุมที่ราบรื่น ตอบสนองฉับไว และขับขี่ได้อย่างมั่นใจ พร้อมผสมผสานสมรรถนะสมัยใหม่เข้ากับจิตวิญญาณของรถคลาสสิคต้นแบบผ่านรูปลักษณ์ที่สะท้อน DNA อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างถังน้ำมันโลหะที่รังสรรค์อย่างประณีต แผ่นรองเข่ายางสุดคลาสสิค และตราสัญลักษณ์ Triumph บนถังน้ำมันอันเป็นเอกลักษณ์ เสริมด้วยโทนสีที่ตกแต่งด้วยมือและรายละเอียดบนเส้นโคชไลน์ ลวดลายกราฟิควงกลมแบบใหม่ที่แผงด้านข้างเป็นกรอบโลโก Bonneville สีทอง ขณะที่เทคโนโลยีที่เน้นผู้ขับขี่มากยิ่งขึ้น ทั้งระบบ Optimised Cornering ABS และระบบ Traction Control ที่ช่วยเสริมสมรรถนะในการเข้าโค้ง มีโหมดการขับขี่ Road และ Rain เพื่อปรับการตอบสนองคันเร่ง และระบบ Traction Control ให้เหมาะกับสภาพถนน มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น อีกทั้งไฟหน้า LED แบบใหม่ พร้อมไฟ DRL อันโดดเด่น ช่องชาร์จ USB-C เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงยังสามารถติดตั้งระบบ Cruise Control ในรูปแบบอุปกรณ์เสริมได้อีกด้วย
ทั้งนี้ Bonneville T100 ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 469,000 บาท มาพร้อม 2 สีพรีเมียมใหม่สำหรับปี 2026 ได้แก่ สี Snowdonia White/Sapphire Black และสี Jet Black/Diablo Red โดยทั้ง 2 สีมีรายละเอียดเส้นโคชไลน์สีทองที่วาดด้วยมือ ตลอดจนตัวเลือกสีมาตรฐาน คือ สี Stone Grey
ขณะที่รถจักรยานยนต์ตำนานไอคอน Bonneville T120 และ Bonneville T120 Black ทั้ง 2 รุ่นมากับเครื่องยนต์ Bonneville สูบคู่แรงบิดสูงขนาด 1,200 ซีซี ที่ปรับแต่งเพื่อการตอบสนองนุ่มนวลตลอดทุกช่วงรอบ ให้แรงบิดสูงสุด 105 นิวทันเมตร ที่ 3,500 รตน. และกำลังสูงสุด 80 แรงม้า ที่ 6,550 รตน. ตอบสนองอย่างฉับไวในทุกจังหวะการบิดคันเร่ง มอบแรงบิดอันเร้าใจ อัตราเร่งอันทรงพลัง แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ไว้อย่างเหนียวแน่น โดยเฉพาะถังน้ำมันโลหะที่รังสรรค์ขึ้นอย่างประณีต แผ่นรองเข่ายางสุดคลาสสิค และตราสัญลักษณ์ Triumph บนถังน้ำมันอันเป็นเอกลักษณ์ เสริมด้วยโทนสีที่ตกแต่งด้วยมือ และรายละเอียดบนเส้นโคชไลน์ ลวดลายกราฟิควงกลมแบบใหม่ที่แผงด้านข้างเป็นกรอบโลโก Bonneville สีเงิน ด้านเทคโนโลยีเพื่อผู้ขี่จัดเต็มทั้ง Optimised Cornering ABS และระบบ Traction Control ขับเคลื่อนด้วย IMU ขั้นสูง เสริมความปลอดภัยโดยไม่รบกวนการขับขี่ รวมทั้งติดตั้งระบบ Cruise Control มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งใช้งานง่ายผ่านปุ่มสวิทช์ฝั่งซ้าย นอกจากนี้ ยังมีช่องชาร์จ USB-C ติดตั้งอย่างแนบเนียนใต้หน้าปัดนาฬิกา ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถชาร์จอุปกรณ์ได้สะดวกแม้ในระหว่างการเดินทางไกล ด้านความปลอดภัยมาพร้อมชอคอับหน้าคู่ Cartridge ปรับพรีโหลดได้ และชอคอับหลัง Cartridge KYB คุณภาพสูง มอบการควบคุมที่มั่นใจ และความสบาย รวมถึงเบรคคู่ Brembo เพื่อพลังการหยุดรถที่ต่อเนื่อง
สำหรับ Bonneville T120 มีตัวเลือก 2 สี ได้แก่ สี Aegean Blue/New England White หรือสี Aluminium Silver/ Cranberry Red ซึ่งทั้ง 2 สีมาพร้อมรายละเอียดเส้นโคชไลน์สีดำที่ลงสีด้วยมือ ส่วน Bonneville T120 Black โดดเด่นด้วยฝาครอบเครื่องยนต์ และท่อไอเสียสีดำ รวมถึงรายละเอียดต่างๆ สีดำทั้งหมด พร้อมเบาะทรงยาวสีน้ำตา ที่ตัดกับสไตล์ดุดันได้อย่างลงตัว รุ่นนี้มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สี Jet Black สุดคลาสสิค รวมถึงสีใหม่สุดพรีเมียม และโทนเข้มดูลึกลับ ได้แก่ สี Matt Silver Ice/Matt Sapphire Black ทั้ง 2 รุ่นราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 596,000 บาท
เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ของกลุ่มโรดสเตอร์
Triumph ยังเสริมทัพความแข็งแกร่งของแบรนด์ให้มากยิ่งขึ้น เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ของกลุ่มโรดสเตอร์ ได้แก่ Street Triple 765 RX ที่จะมาสร้างมาตรฐานใหม่ทั้งด้านสมรรถนะ และความพิเศษเฉพาะตัวมากยิ่งขึ้น โดยมาพร้อมเครื่องยนต์ 3 สูบ 765 ซีซี ที่ปรับแต่งเพื่อการแข่งขันโดยเฉพาะ ช่วยให้ผู้ขับขี่มั่นใจ และควบคุมได้ตลอดทุกช่วงรอบ ให้กำลังสูงสุด 130 แรงม้า ที่ 12,000 รตน. และแรงบิดสูงสุด 80 นิวทันเมตร ที่ 9,500 รตน. ด้านโครงรถแกนหลัก คือ เฟรมน้ำหนักเบา จับคู่กับชอคอับหน้าหัวกลับ Öhlins NIX30 ที่ปรับได้เต็มรูปแบบ และชอคอับหลัง Öhlins STX40 พร้อมกระปุกน้ำมันแยกที่ปรับได้เต็มรูปแบบ มอบการตอบสนอง และการควบคุมที่ยอดเยี่ยมในทุกโค้ง ระบบช่วงล่างระดับพรีเมียมช่วยให้ผู้ขับขี่สัมผัสได้ถึงเสถียรภาพ และการตอบสนองที่เหนือชั้น แฮนด์แบบคลิพออนให้ท่าทางการเอนไปข้างหน้าที่ดุดันยิ่งขึ้นเพื่อสรีระศาสตร์ที่ดีที่สุด ด้านความปลอดภัยมาทั้งคาลิเพอร์ Brembo Stylema 4 ลูกสูบคู่ จับคู่กับเบรค Brembo MCS ที่เข้าคู่กันพร้อมคันโยกที่ปรับได้ ช่วยให้เบรค และควบคุมได้อย่างแม่นยำ ด้านยาง Pirelli Diablo Supercorsa SP V3 คุณภาพสูง ให้การยึดเกาะ และแรงฉุดลากที่ยอดเยี่ยม เสริมด้วยตัวถังน้ำหนักเบากะทัดรัด ทำให้น้ำหนักรถเมื่อรวมน้ำมันหนักเพียง 188 กก. เท่านั้น ด้านเทคโนโลยีขั้นสูงที่มุ่งเน้นผู้ขับขี่เพื่อความมั่นใจ และการควบคุม ไม่ว่าจะเป็นโหมดเฉพาะ ABS Track, ระบบ Optimised Cornering ABS ระบบ Traction Control ที่ช่วยเสริมสมรรถนะในการเข้าโค้ง และระบบ Triumph Shift Assist เพื่อการเปลี่ยนเกียร์ขึ้นลงได้อย่างราบรื่นโดยไม่ต้องใช้คลัทช์ ตลอดจนหน้าจอ TFT ขนาด 5 นิ้วที่คมชัด พร้อมอินเตอร์เฟศที่ใช้งานง่าย และสวิช์เกียร์ระดับพรีเมียม
ส่วนรูปลักษณ์ Street Triple 765 RX ผสานสไตล์ดุดันเข้ากับรายละเอียดระดับพรีเมียม สร้างสรรค์รถจักรยานยนต์ที่ทั้งเร็วและเร้าใจ โดดเด่นด้วยผิวเคลือบอลูมิเนียมสี Matt Aluminium Silver จับคู่กับซับเฟรม และล้อหลังสีแดง Diablo Red สุดโดดเด่น มอบความรู้สึกราวกับได้สัมผัสสนามแข่ง เบาะนั่งสมรรถนะสูงพร้อมโลโก RX ตอกย้ำเอกลักษณ์ที่เน้นการขับขี่ในสนามแข่ง มั่นใจได้ถึงรูปลักษณ์ และฟังค์ชันการใช้งานที่ผสานกันอย่างลงตัว ตลอดจนคานหน้าขึ้นรูปด้วยเครื่องจักรขึ้นรูปชิ้นเดียว พร้อมโลโก RX สลักด้วยเลเซอร์บนท่อไอเสีย และเบาะนั่งเติมเต็มดีไซจ์นอันโดดเด่นเฉพาะตัว ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 549,000 บาท
รถจักรยานยนต์ 4 รุ่นที่ได้เปิดตัวสุดเอกซ์คลูซีฟในงาน Triumph Day 2025
ภายในงานทุกคนยังได้ยลโฉมรถจักรยานยนต์ 4 รุ่นที่ได้เปิดตัวสุดเอกซ์คลูซีฟในงาน Triumph Day 2025 ที่ผ่านมา ประกอบด้วย Scrambler 400 XC น้องเล็กรุ่นล่าสุด ที่เพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดให้แก่สไตล์อันดุดันของ Scrambler ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 400 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 40 แรงม้า ที่ 8,000 รตน. และแรงบิดสูงสุด 37.5 นิวทันเมตร ที่ 6,500 รตน. มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ทั้งสนุก และมั่นใจในทุกย่านความเร็ว ด้านรูปลักษณ์ สะท้อนอัตลักษณ์การออกแบบสไตล์ Scrambler ของ Triumph ได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่ถังน้ำมันที่ออกแบบอย่างสวยงามพร้อมรอยเว้าสำหรับหัวเข่า เครื่องยนต์คลาสสิคพร้อมตราโลโก Triumph สามเหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ ครีบระบายความร้อน และคแลมพ์ยึดท่อร่วมไอเสีย ไปจนถึงปลายท่อเฉียงขึ้นด้านบน ล้อซี่ลวดพร้อมขอบล้ออลูมิเนียมน้ำหนักเบาและยางแบบไม่มียางใน อีกทั้งมาพร้อมบังโคลนหน้าแบบยกสูง และชิลด์หน้าที่เข้าชุดกัน ให้การปกป้องอย่างมีสไตล์ในสภาพแวดล้อมสุดท้าทาย
โดย Scrambler 400 XC ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 209,950 บาท มีให้เลือก 3 เฉดสีใหม่ ได้แก่ สี Racing Yellow สี Storm Grey และสี Vanilla White โดยแต่ละแบบมาพร้อมกราฟิคดีไซจ์นเฉพาะตัว พร้อมโลโก Triumph สีดำ ที่เข้าชุดกับแผงข้างถังน้ำมันสีดำ แผ่นรองเข่า และเบาะนั่งแบบ 2 ตอนสีดำสำหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร
ตามด้วย Scrambler 1200 XE รุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมเครื่องยนต์ Bonneville สูบคู่ ขนาด 1,200 ซีซี มอบพละกำลังสูงสุด 90 แรงม้า และแรงบิดเต็มพิกัด 110 นิวทันเมตร ที่ 4,250 รตน. เครื่องยนต์ตอบสนองทันใจ มอบทั้งความเร้าใจ และการควบคุมที่ง่ายดายในทุกสภาพถนน ด้านรูปลักษณ์โดดเด่นในทุกมุมมอง ตั้งแต่ท่วงท่าที่ทรงพลัง ล้อหน้าขนาด 21 นิ้ว ถังน้ำมันเชื้อเพลิงที่ออกแบบอย่างประณีต ไปจนถึงเบาะยาวลอนคลื่นที่เป็นเอกลักษณ์ เพิ่มความพรีเมียมด้วยฝาถังสไตล์ Monza ทำจากอลูมิเนียมแบบขัดเงา สวิงอาร์มชุบอะโนไดซ์ แผ่นป้ายทะเบียน และแผ่นป้องกันอ่างน้ำมันเครื่องอลูมิเนียม รวมถึงตราสัญลักษณ์ขัดเงาบ่งบอกถึงความประณีตในทุกส่วน ขณะที่โครงรถสไตล์ Scrambler แบบเฉพาะตัว ออกแบบให้ผู้ขี่มั่นใจได้ในทุกสภาพพื้นผิว
รถจักรยานยนต์ Scrambler 1200 XE ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 675,000 บาท มีตัวเลือกสีพรีเมียมให้เลือก ได้แก่ สี Matt Khaki Green/Matt Crystal White สำหรับสายผจญภัย และสี Silver Ice/Phantom Black สำหรับผู้ชื่นชอบความโดดเด่น ขณะที่สี Sapphire Black ยังคงเป็นสีมาตรฐานให้เลือก
ปิดท้ายด้วย Tiger 900 Alpine Edition ที่พัฒนาบนพื้นฐานของรุ่น Tiger 900 GT Pro ที่เน้นการขี่บนถนน มาพร้อมเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ผู้ขี่ ขณะที่ Tiger 900 Desert Edition พัฒนาต่อยอดจากรุ่น Tiger 900 Rally Pro ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ระดับแนวหน้าในกลุ่มรถจักรยานยนต์ระดับเดียวกัน ออกแบบมาเพื่อเน้นย้ำถึงความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดอันเลื่องชื่อ ซึ่งทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมเครื่องยนต์ 3 สูบอันเป็นเอกลักษณ์ของ Triumph พร้อมเพลาข้อเหวี่ยงแบบ T-Plane ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 3 สูบ 888 ซีซี ให้พละกำลัง 108 แรงม้า ที่ 9,500 รตน. และแรงบิด 90 นิวทันเมตร ที่ 6,850 รตน. การส่งกำลังที่ตอบสนองฉับไว ประสิทธิภาพเครื่องยนต์ที่ยอดเยี่ยม และเป็นไปตามมาตรฐาน Euro 5+ ออกแบบมาเพื่อความแข็งแกร่ง การควบคุม และความทนทาน ทั้ง 2 รุ่นมีสวิงอาร์มหล่ออลูมิเนียม 2 ด้านเพื่อความเสถียร และความแม่นยำ พร้อมระบบเบรคประสิทธิภาพสูงจาก Brembo ให้แรงหยุดเหนือชั้น ขณะที่ชุดแฮนด์มีแดมเพอร์ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขี่ระยะไกล โดยในรุ่น Desert Edition ยังมาพร้อมกับล้อซี่ลวด และยางแบบไม่มียางใน
นอกจาก ทั้ง 2 รุ่นยังมี Triumph Shift Assist เพื่อการเปลี่ยนเกียร์ที่ราบรื่น และแผงหน้าปัดสี TFT ขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบเชื่อมต่อ MyTriumph เพื่อข้อมูลที่เข้าใจง่าย และชัดเจน พร้อมโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย โดยรุ่น Alpine มาพร้อมโหมดการขับขี่ 5 โหมด และรุ่น Desert 6 โหมด โดยเพิ่มโหมด Off-Road Pro เพื่อการบังคับควบคุมบนทุกสภาพถนนขั้นสูง นอกจากนี้ ทั้ง 2 รุ่นยังมีตัวเลือกให้อัพเกรดเป็นเบาะนั่งแบบปรับอุณหภูมิ หรือเบาะนั่งแบบต่ำ รวมถึงสามารถติดตั้งท่อเก็บเสียงพรีเมียม Akrapovic เป็นอุปกรณ์เสริมได้อีกด้วย
ทั้งนี้ Tiger 900 Alpine Edition มาพร้อมโทนสี Snowdonia White/Sapphire Black อันคมชัด พร้อมเน้นลวดลายด้วยสี Aegean Blue อันโดดเด่น ในราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 648,000 บาท และ Tiger 900 Desert Edition มาพร้อมสี Urban Grey/Sapphire Black ที่สะดุดตา พร้อมเน้นลวดลายด้วยสี Baja Orange ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 668,000 บาท
ทั้งนี้ภายในบูธ Triumph ยังพบกับกองทัพรถจักรยานยนต์ Triumph อีกหลายรุ่น ที่มาพร้อมโปรโมชันมากมาย อาทิ ข้อเสนอทางการเงินสุดพิเศษสูงสุด 250,000 บาท รับ Beeline Moto II มูลค่า 10,550 บาท ระบบนำทางสำหรับรถจักรยานยนต์ที่ Triumph และ Beeline ร่วมมือกันพัฒนาขึ้น ใช้งานง่าย ทนทาน และสวยงาม รองรับการใช้งานที่หลากหลาย เมื่อซื้อรถจักรยานยนต์ Triumph รุ่นที่ร่วมรายการ ตลอดจนเลือกซื้ออุปกรณ์เสริมแท้จาก Triumph ลดสูงสุด 50 % รวมถึงโปรโมชันเสื้อผ้า และอุปกรณ์สวมใส่ที่ลดราคาสูงสุด 50 % เฉพาะภายในงานเท่านั้น
















