ธุรกิจ
Bosch ฉลอง 30 ปี ABS ในรถจักรยานยนต์

มิลาน ประเทศอิตาลี-Bosch เฉลิมฉลอง 30 ปีแห่งความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยสำหรับรถจักรยานยนต์ในงาน EICMA 2025 นับเป็นก้าวสำคัญตั้งแต่การเปิดตัวระบบเบรคป้องกันล้อลอคสำหรับรถจักรยานยนต์ (Motorcycle ABS) เป็นครั้งแรกในปี 1995 ที่ติดตั้งในรถ Kawasaki GPZ1100 ตลอด 3 ทศวรรษที่ผ่านมา Bosch ได้ยกระดับความปลอดภัยของผู้ขับขี่อย่างต่อเนื่องด้วยนวัตกรรมที่ช่วยรักษาชีวิตผู้ใช้รถจำนวนมากบนท้องถนน
สืบเนื่องจากการผลิตเทคโนโลยี ABS สำหรับรถยนต์ในปี 1978 Bosch เริ่มพัฒนาต่อยอดระบบ ABS สำหรับรถจักรยานยนต์ในปี 1986 และได้ก่อตั้งศูนย์ความเชี่ยวชาญระดับโลกด้านความปลอดภัยรถจักรยานยนต์ในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2007 จากนั้นได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดด เช่น ABS 9 แบบคอมแพคท์ในปี 2009, ABS 10 ที่มีน้ำหนักเบา สำหรับตลาดเกิดใหม่ในปี 2016 และแพคเกจ ABS 10 Enhanced ประสิทธิภาพสูงในปี 2018 การเปิดตัวระบบควบคุมเสถียรภาพรถจักรยานยนต์ (Motorcycle Stability Control-MSC) ในปี 2013 ยังตอกย้ำบทบาทของ Bosch ในด้านความปลอดภัยเชิงรุก ช่วยรองรับสถานการณ์ขับขี่ที่มีความเสี่ยง เช่น การเข้าโค้ง หรือการหลบหลีกอย่างรวดเร็ว
งานวิจัยอุบัติเหตุของ Bosch ยังเน้นย้ำถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงของเทคโนโลยีนี้ โดยระบุว่า หากรถจักรยานยนต์ทุกคันในประเทศเยอรมนี ติดตั้ง ABS และ MSC จะสามารถป้องกัน หรือบรรเทาอุบัติเหตุที่มีผู้บาดเจ็บได้กว่าร้อยละ 30 ผลการศึกษานี้สะท้อนวิสัยทัศน์ของ Bosch ในการยกระดับความปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่ด้วยระบบอัจฉริยะที่ช่วยควบคุมรถในทุกสภาวะ
ปัจจุบัน ABS สำหรับรถจักรยานยนต์ได้รับการยอมรับทั่วโลกว่าเป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยพื้นฐาน และกำหนดให้เป็นอุปกรณ์บังคับใช้ในตลาดสำคัญอย่างสหภาพยุโรป และอินเดีย ขณะที่สิงคโปร์เตรียมยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้วยการบังคับติดตั้ง ABS ในรถจักรยานยนต์ใหม่ทุกคัน รวมถึงรุ่นต่ำกว่า 125 ซีซี ตั้งแต่เดือนเมษายน 2027 เป็นต้นไป ด้วยแนวโน้มความปลอดภัยของยานยนต์สองล้อที่เติบโตต่อเนื่องทั่วโลก และในอาเซียน โรงงาน Bosch ในนิคมอุตสาหกรรม อมตะ ซิที ระยอง ซึ่งเป็นฐานการผลิต ABS สำหรับรถจักรยานยนต์แห่งที่ 3 ของ Bosch ต่อจากญี่ปุ่น และอินเดีย มีความพร้อมรองรับความต้องการ ABS ที่ขยายตัวในประเทศไทย และตลาดใกล้เคียง
Bosch ขับเคลื่อนยานยนต์สองล้อยุคใหม่ด้วยระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง
เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่การขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น Bosch ได้พัฒนาโซลูชันที่หลากหลายสำหรับยานยนต์สองล้อออกเป็น 2 เซกเมนท์ Vehicle Control Unit และ Integrated Electric Drive ออกแบบเพื่อรองรับกำลังขับสูงสุด 6 กิโลวัตต์ สำหรับกลุ่มยานยนต์ขนาดเล็ก ซึ่งได้รับความนิยมในตลาดใหญ่อย่างอินเดีย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Bosch ยังมีโซลูชันระบบขับเคลื่อน In-hub Drive และคอนทโรลเลอร์ที่ทำงานสอดคล้องกันเพิ่มเติม
Drive Control Unit ขนาด 3 กิโลวัตต์รุ่นใหม่ของ Bosch ช่วยสนับสนุนผู้ผลิตขยายฐานการผลิตรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าไปยังรถในกลุ่มคอมแพคท์ โดยผสานฟังค์ชันอินเวอร์เตอร์ ระบบจัดการมอเตอร์ และระบบควบคุมยานยนต์เข้าไว้ในหน่วยเดียว เมื่อใช้งานร่วมกับมอเตอร์แบบติดดุมล้อ ยังรองรับฟีเจอร์เพื่อความสบาย เช่น การเร่งที่ราบรื่นขึ้น และระบบควบคุมความเร็วคงที่ (Cruise Control)
ระบบ Electric Traction Control จะควบคุมแรงบิดของมอเตอร์เพื่อลดการลื่นไถลของล้อ หลังระหว่างการเร่ง ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่
ส่วนฟีเจอร์ One-Throttle Ride ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อน โดยเมื่อผู้ขับขี่ปล่อยคันเร่ง พลังงานจะไหลย้อนกลับมาเก็บที่แบทเตอรีได้สูงสุดถึง ร้อยละ 8 (Regenerative Braking) ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละสภาพแวดล้อม
สำหรับการใช้งาน Drive Control Unit ขนาด 2 กิโลวัตต์ มาพร้อมดีไซจ์นที่แข็งแรงทนทานต่อแรงสั่นสะเทือนสูง และมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP67 เพื่อประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้ในทุกสภาพอากาศ และทุกเส้นทาง
ภารกิจของ Bosch ยังคงชัดเจน : เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และการเชื่อมต่อสำหรับผู้ขับขี่ทุกคนผ่านการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องและระบบเทคโนโลยีอัจฉริยะ


