ธุรกิจ
Toyota ประกาศยอดขาย 11 เดือน ครองแชมพ์อันดับ 1

ตลาดรถยนต์ในประเทศไทย เดือนพฤศจิกายน มียอดขาย 51,044 คัน เพิ่มขึ้น 20.6 % Toyota (โตโยตา) ครองแชมพ์ยอดขายอันดับ 1 มีส่วนแบ่งตลาดรวม 11 เดือนแรกที่ 37.6 % ยอดจอง Motor Expo 2025 หนุนยอดขายส่งท้ายปี
ศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนพฤศจิกายน 2568 ยอดขายตลาดรวม 51,044 คัน เพิ่มขึ้น 20.6 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์นั่งมีปริมาณการขาย 19,174 คัน เพิ่มขึ้น 6.5 % ในขณะที่รถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีปริมาณการขาย 31,870 คัน เพิ่มขึ้น 31.1 % และรถกระบะขนาด 1 ตัน ยอดขายทั้งหมด 15,226 คัน เพิ่มขึ้น 5.5 %
ตลาดรถยนต์เดือนพฤศจิกายน 2568 มียอดขาย 51,044 คัน เพิ่มขึ้นถึง 20.6 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาแสดงถึงสัญญาณเชิงบวกของตลาดรถยนต์
• ตลาดรถยนต์นั่ง ยอดขาย 19,174 คัน เพิ่มขึ้น 6.5 % จากปีที่ผ่านมา
• ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ปรับตัวดีขึ้นอย่างมาก ด้วยยอดขาย 31,870 คัน เพิ่มขึ้น 31.1 %
• ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ยอดขาย 15,226 คัน เพิ่มขึ้น 5.5 %
สำหรับยอดขายรถยนต์สะสม 11 เดือนแรก มียอดขาย 546,045 คัน เติบโต 5.3 % เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันโดย 40 % เป็นตลาดรถยนต์นั่ง ตลาดส่วนใหญ่กว่า 60 % ยังคงเป็นตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ แสดงให้เห็นว่าตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ยังคงเป็นตลาดสำคัญที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศไทย ซึ่ง Toyota ได้รักษาความเป็นผู้นำตลาด ด้วยส่วนแบ่งการตลาดของ Pure Pick up ตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2568 ที่ 48.5 %
สำหรับ Toyota ยังคงครองอันดับ 1 ตลาดรถยนต์ ด้วยยอดขายสะสม 11 เดือนแรกถึง 205,453 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดที่ 37.6 % เติบโต 3 % นำโดย Pure Pick up (Hilux Champ, Revo และ Travo) 62,502 คัน และ Eco Segment (Yaris และ Yaris Ativ) 56,471 คัน
สำหรับรถยนต์ในกลุ่ม HEV เดือนพฤศจิกายนมียอดขาย 11,594 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกับในปีที่ผ่านมา 38.4 % และมียอดขายสะสม 11 เดือนแรกถึง 126,293 คัน คิดเป็นส่วนแบ่ง 51.1 % ของตลาด XEV ทั้งหมด
ตลาดรถยนต์เดือนธันวาคม มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น โดยปัจจัยบวกมาจากงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42 “Thailand International Motor Expo 2025” เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคมที่ผ่านมา ที่แต่ละค่ายมาพร้อมกับรถยนต์รุ่นใหม่ และแคมเปญกระตุ้นตลาดช่วงสุดท้ายปลายปี สามารถทำยอดจองได้สูงถึง 75,246 คัน เติบโตขึ้น 38 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ถือเป็นยอดจองสูงสุดในรอบ 12 ปีที่ผ่านมา และอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยในการผลักดันตลาดรถยนต์เดือนธันวาคมให้เติบโตขึ้นได้
อันดับที่ 1 Toyota 19,305 คัน เพิ่มขึ้น 12.8 % ส่วนแบ่งตลาด 37.8 %
อันดับที่ 2 Isuzu 6,390 คัน เพิ่มขึ้น 5.3 % ส่วนแบ่งตลาด 12.5 %
อันดับที่ 3 Honda 6,320 คัน เพิ่มขึ้น 29.7 % ส่วนแบ่งตลาด 12.4 %
อันดับที่ 1 Toyota 7,366 คัน เพิ่มขึ้น 28.1 % ส่วนแบ่งตลาด 38.4 %
อันดับที่ 2 Honda 4,111 คัน เพิ่มขึ้น 7.4 % ส่วนแบ่งตลาด 21.4 %
อันดับที่ 3 BYD**1,256 คัน ลดลง 27 % ส่วนแบ่งตลาด 6.6 %
**อ้างอิงจากยอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ระหว่างวันที่ 1-30 พฤศจิกายน 2568 จากเวบไซท์กรมการขนส่งทางบก (https://web.dlt.go.th/statistics/)
อันดับที่ 1 Toyota 11,939 คัน เพิ่มขึ้น 5.1 % ส่วนแบ่งตลาด 37.5 %
อันดับที่ 2 Isuzu 6,390 คัน เพิ่มขึ้น 5.3 % ส่วนแบ่งตลาด 20.1 %
อันดับที่ 3 Chery** 2,895 คัน เพิ่มขึ้น 237 % ส่วนแบ่งตลาด 9.1 %
**อ้างอิงจากยอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ระหว่างวันที่ 1-30 พฤศจิกายน 2568 จากเวบไซท์กรมการขนส่งทางบก (https://web.dlt.go.th/statistics/)
ปริมาณการขาย 15,226 คัน เพิ่มขึ้น 5.5 %
อันดับที่ 1 Toyota 6,871 คัน เพิ่มขึ้น 5.4 % ส่วนแบ่งตลาด 45.1 %
อันดับที่ 2 Isuzu 5,481 คัน เพิ่มขึ้น 4.4 % ส่วนแบ่งตลาด 36 %
อันดับที่ 3 Ford 1,306 คัน ลดลง 18.5 % ส่วนแบ่งตลาด 8.6 %
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 3,646 คัน
Toyota 1,178 คัน-Isuzu 1,051 คัน-GWM 767 คัน-Ford 528 คัน-Mitsubishi 122 คัน-Nissan 0 คัน
อันดับที่ 1 Toyota 5,693 คัน เพิ่มขึ้น 6.9 % ส่วนแบ่งตลาด 49.2 %
อันดับที่ 2 Isuzu 4,430 คัน เพิ่มขึ้น 2.2 % ส่วนแบ่งตลาด 38.3 %
อันดับที่ 3 Ford 778 คัน ลดลง 19.2 % ส่วนแบ่งตลาด 6.7 %
อันดับที่ 1 Toyota 205,453 คัน เพิ่มขึ้น 3 % ส่วนแบ่งตลาด 37.6 %
อันดับที่ 2 Isuzu 65,171 คัน ลดลง 15.8 % ส่วนแบ่งตลาด 11.9 %
อันดับที่ 3 Honda 63,006 คัน ลดลง 6.4 % ส่วนแบ่งตลาด 11.5 %
อันดับที่ 1 Toyota 73,278 คัน เพิ่มขึ้น 22.6 % ส่วนแบ่งตลาด 34.5 %
อันดับที่ 2 Honda 36,321 คัน ลดลง 11.8 % ส่วนแบ่งตลาด 17.1 %
อันดับที่ 3 BYD**17,120 คัน ลดลง 4.6 % ส่วนแบ่งตลาด 8.1 %
**อ้างอิงจากยอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ระหว่างวันที่ 1-30 พฤศจิกายน 2568 จากเวบไซท์กรมการขนส่งทางบก (https://web.dlt.go.th/statistics/)
อันดับที่ 1 Toyota 132,175 คัน ลดลง 5.4 % ส่วนแบ่งตลาด 39.6 %
อันดับที่ 2 Isuzu 65,171 คัน ลดลง 15.8 % ส่วนแบ่งตลาด 19.5 %
อันดับที่ 3 Honda 26,685 คัน เพิ่มขึ้น 2 % ส่วนแบ่งตลาด 8 %
ปริมาณการขาย 167,308 คัน ลดลง 7.7 %
อันดับที่ 1 Toyota 75,541 คัน ลดลง 8.9 % ส่วนแบ่งตลาด 45.2 %
อันดับที่ 2 Isuzu 55,987 คัน ลดลง 16.8 % ส่วนแบ่งตลาด 33.5 %
อันดับที่ 3 Ford 16,541 คัน ลดลง 13 % ส่วนแบ่งตลาด 9.9 %
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 38,456 คัน
Toyota 13,039 คัน-Isuzu 10,256 คัน-GWM 6,995 คัน-Ford 6,420 คัน-Mitsubishi 1,451 คัน-Nissan 295 คัน
อันดับที่ 1 Toyota 62,502 คัน ลดลง 12.5 % ส่วนแบ่งตลาด 48.5 %
อันดับที่ 2 Isuzu 45,731 คัน ลดลง 18.5 % ส่วนแบ่งตลาด 35.5 %
อันดับที่ 3 Ford 10,121 คัน ลดลง 13.8 % ส่วนแบ่งตลาด 7.9 %
หมายเหตุ : ข้อมูลที่ปรากฏในรายงานนี้อ้างอิงจากยอดขายรถยนต์ระหว่างวันที่ 1-30 พฤศจิกายน 2568 โดยได้รับข้อมูลจาก บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด, บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ส คัมปะนี (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ เซลล์ (ประเทศไทย) จำกัด
ข้อมูลตัวเลขยอดจดทะเบียน อ้างอิงจากเวบไซท์กรมการขนส่งทางบก ซึ่งเป็นข้อมูลสาธารณะที่ได้เผยแพร่ไว้ โดยบริษัทนำข้อมูลมาใช้ตามที่ปรากฏบนเวบไซท์ เพื่อประกอบการสื่อสารข้อมูลเท่านั้น


