ทดสอบ
5 พิคอัพขาลุยตัวพ่อ พิคอัพ 4 ประตู ขับเคลื่อน 4 ล้อ รุ่นทอพ
4 WHEELS นํา FORD RANGER WILDTRAK V6 (ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์ทแรค วี 6) ISUZU V-CROSS 4x4 (อีซูซุ วี-ครอสส์ 4x4) 4 ประตู MITSUBISHI TRITON ATHLETE (มิตซูบิชิ ทไรทัน แอธลีท) NISSAN NAVARA PRO-4X (นิสสัน นาวารา พโร-4 เอกซ์) TOYOTA HILUX REVO (โตโยตา ไฮลักซ์ รีโว) รุ่น 4x4 2.8 GR SPORT พิคอัพตัวแรง มาทดสอบ เพื่อพิสูจน์ถึงสมรรถนะ ดีเซล เทอร์โบ 2.8 ลิตร 224 แรงม้า ที่มีดีกรีขับเคลื่อน 4 ล้อเหมือนกัน
EXTERIOR ภายนอก
FORD RANGER WILDTRAK มีหลายรุ่นย่อย แต่รุ่น 3.0L V6 TURBO 4WD 10AT ตัวอักษรที่ซุ้มล้อหน้าต้องเป็น V6 สีดำ และล้อขนาด 20 นิ้ว ที่เอามาจาก EVEREST (เอเวอเรสต์) รุ่น WILDTRAK
มิติตัวรถ ยาว/กว้าง/สูง 5,370/1,918/1,884 มม. ฐานล้อ 3,270 มม. ยังคงเป็นพี่ใหญ่ในกลุ่มนี้
ยาวกว่า MITSUBISHI (5,360/1,930/1,815/3,130/222 มม.) และ TOYOTA (5,320/2,020/1,880/3,085/254 มม.) ใหญ่กว่าคู่แข่ง ทั้ง ISUZU (5,280/1,870/1,810/3,125/240 มม.) และ NISSAN (5,260/1,875/1,840/3,150/225 มม.)
จุดต่ำสุดของรถมีระยะห่างจากพื้นถึง 235 มม. น้อยกว่า TOYOTA เพียง 19 มม. และ ISUZU แค่ 5 มม.
มิติกระบะ ยาว/กว้าง/สูง 1,564/1,584/540 มม. พื้นปูกระบะท้าย พร้อมช่องต่อไฟ 12 โวลท์ และ 230 โวลท์ (400 วัตต์) ฝาท้ายแบบผ่อนแรง และยังมีบันไดข้าง สปอร์ทบาร์ ราวหลังคา WILDTRAK และฝาท้ายแบบผ่อนแรง
ISUZU V-CROSS 4 ประตูตัวทอพ รุ่น 3.0 DDI M 4-DOOR A/T ไฟหน้าใหม่ ISUZU VISION BI-LED พร้อม MULTIFUNCTIONAL DAYLIGHT ทําหน้าที่ทั้ง DAYLIGHT ไฟหรี่ และไฟเลี้ยว กระจังหน้าแบบ 3-DIMENSION สีเทาดํา (BLACK CHROME) ช่องลม AIR CURTAIN ที่กันชนหน้าแบบรถสปอร์ท ไฟท้ายแบบ TRIPLE-ARMOUR LED ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ดีไซจ์นแบบ RUGGED & WILD สี MATTE BLACK เท่ ดุดัน
มิติตัวรถ ยาว/กว้าง/สูง 5,280/1,870/1,810 มม. ระยะฐานล้อ 3,125 มม. และระยะห่างจากพื้น 240 มม. มีขนาดใกล้เคียง NISSAN (5,260/1,875/1,840/3,150/225 มม.)
เล็กกว่า FORD (5,370/1,918/1,884/3,270/235 มม.) MITSUBISHI (5,360/1,930/1,815/3,130/222 มม.) และ TOYOTA (5,320/2,020/1,880/3,085/254 มม.)
MITSUBISHI TRITON ATHLETE ใหม่ ดุดัน ด้วยอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษรอบคันเฉพาะรุ่น ATHLETE ล้ออัลลอยสีดำ ขนาด 18 นิ้ว ยาง 265/60 R18
กระจังหน้า และซุ้มล้อแบบ 3 มิติ พร้อมกันชนหน้า เสริมด้วยไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED ผสานกับไฟส่องสว่างหน้าแบบ 3 มิติ เสริมด้วยไฟท้ายรูปตัว T (T-SHAPED LED) ทั้ง 2 ฝั่ง
มิติตัวรถ ยาว/กว้าง/สูง 5,360/1,930/1,815 มม. ฐานล้อ 3,130 มม. มีระยะห่างจากพื้น 222 มม. มีความยาวตัวรถอันดับ 2 รองจาก FORD (5,370/1,918/1,884/3,270/235 มม.) ส่วนความกว้างเป็นรองแค่ TOYOTA (5,320/2,020/1,880/3,085/254 มม.)
ยาว และกว้างกว่า ISUZU (5,280/1,870/1,810/3,125/240 มม.) และ NISSAN (5,260/1,875/1,840/3,150/225 มม.)
ภายนอก PRO-4X ดุดันด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่แบบ INTERLOCK ทรงสี่เหลี่ยม ติดตะแกรงรังผึ้งสีดำ และซุ้มล้อขนาดใหญ่เพิ่มความโดดเด่น
ไฟหน้า LED PROJECTORS QUAD-EYED 4 ดวง พร้อม DAYTIME RUNNING LIGHT รูปตัว C กันชนหน้ามีช่องดักลมติดตั้งไฟตัดหมอก LED ถ่ายทอดดีเอนเอมาจาก NISSAN TITAN (นิสสัน ไททัน) พิคอัพฟูลล์ไซซ์ในสหรัฐอเมริกา และไฟท้าย LED แบบเส้นเดียวที่ทันสมัย
NISSAN ติดตั้งแผ่นกันกระแทกใต้ห้องเครื่องยนต์ที่เชื่อมโยงกับชุดกันชนหน้า
กระจกมองข้างสีดำ มือจับประตูสีดำ ราวหลังคาสีดำ บันไดข้างสีดำ และล้ออัลลอยสีดำขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง YOKOHAMA GEOLANDAR (โยโกฮามา จีโอแลนดาร์) ขนาด 255/65 R17 โดยมีระยะต่ำสุดห่างจากพื้น 225 มม.
มิติตัวถัง ยาว/กว้าง/สูง 5,260/1,875/1,840 มม. กับระยะฐานล้อ 3,150 มม. ความสูงใต้ท้องรถ 224 มม. ใกล้เคียงกับ ISUZU (5,280/1,870/1,810/3,125/240 มม.) แต่มีความสูงใต้ท้องรถน้อยกว่า
เล็กกว่า FORD (5,370/1,918/1,884/3,270/235 มม.) MITSUBISHI (5,360/1,930/1,815/3,130/222 มม.) และ TOYOTA (5,320/2,020/1,880/3,085/254 มม.)
กระบะท้ายมีตะขอ 4 จุดพร้อมรางเลื่อน ตำแหน่งจุดยึดสัมภาระได้ทั้งทรงสูง และต่ำ ไฟท้ายใหม่ทรง C-SHAPED ฝาท้ายมาพร้อมระบบช่วยผ่อนแรงเปิด/ปิด กันชนท้ายเป็น 2 ขั้น ก้าวขึ้น/ลงได้สะดวก และพ่นสีกันชนท้ายเป็นสีเดียวกับตัวรถ
TOYOTA HILUX REVO รุ่น DOUBLE CAB 4x4 2.8 GR SPORT รถกระบะสมรรถนะสูง ฝีมือ GAZOO RACING (กาซู เรซิง)
มิติตัวรถ ยาว/กว้าง/สูง 5,320/2,020/1,880 มม. ระยะฐานล้อ 3,085 มม. สูงจากพื้น 254 มม. เล็กกว่า FORD RANGER RAPTOR (ฟอร์ด เรนเจอร์ แรพเตอร์) (5,381/2,028/1,922 มม. และ 3,270 มม.) ใกล้เคียง FORD RANGER (5,370/1,918/1,884 มม. และ 3,270 มม.)
กันชนหน้าทรงหกเหลี่ยม พร้อมช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ ติดตั้งโลโก TOYOTA และ GR SPORT ทั้งด้านหน้า และหลังของตัวรถ
ไฟหน้า BI-BEAM LED พร้อมตัวถังขนาดกว้างขึ้น 120 มม. และสูงขึ้น 20 มม. ล้ออัลลอยสีดำ ขนาด 17 นิ้ว ยาง BF GOODRICH ALL TERRAIN (บีเอฟ กูดริช ออลล์ เทอร์เรน) ขนาด 265/65 R17 คาลิเพอร์เบรคสีแดง พร้อมชอคอับแบบ MONOTUBE
INTERIOR ภายใน
ภายในห้องโดยสารสีดำ และที่วางแก้วน้ำบนคอนโซลหน้าใต้ช่องแอร์ทั้งซ้าย/ขวา
เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง แท่นชาร์จไร้สาย กุญแจรีโมทอัจฉริยะ พร้อมปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย/ขวา และตอนหลัง
กระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ พร้อมช่องต่อ USB ไฟตกแต่งภายในห้องโดยสาร พวงมาลัยไฟฟ้า พร้อมสวิทช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย การเชื่อมต่อ และความบันเทิงภายในรถ หน้าจอแสดงผลบนหน้าปัดแบบสีขนาด 8 นิ้ว
หน้าจอแสดงผลจอสีแบบสัมผัส MULTI-TOUCH ขนาด 12 นิ้ว รองรับ WIRELESS APPLE CAR PLAY และ ANDROID AUTO
ส่วนระดับเสียงในห้องโดยสาร จากความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. เงียบที่สุดในกลุ่มนี้ วัดได้ 44/48/53/59 เดซิเบล ดีกว่าคู่แข่งทั้ง ISUZU (52/56/59/63 เดซิเบล) NISSAN (55/60/65/68 เดซิเบล) TOYOTA (56/61/64/67 เดซิเบล) และ MITSUBISHI (59/62/63/66 เดซิเบล)
ภายในสไตล์พรีเมียม สีทูโทนดำ/น้ำตาล ใส่ช่องชาร์จแบบ USB-C ทั้งที่นั่งด้านหน้า และด้านหลัง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ DUAL ZONE ควบคุมอุณหภูมิอิสระซ้าย/ขวา สามารถกรองฝุ่น PM2.5
หน้าจอ INTEGRATED MID ขนาด 7 นิ้ว ปรับได้ 2 สไตล์ และเชื่อมต่อข้อมูลกับหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว เช่น ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และอื่นๆ ใช้งานง่าย รองรับระบบ ANDROID AUTO และ APPLE CAR PLAY แบบ WIRELESS
เบาะนั่งดีไซจ์นใหม่ COOLMAX ช่วยลดการสะสมความร้อน ระบบปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ในตำแหน่งที่นั่งคนขับ
ส่วนระดับเสียงในห้องโดยสาร จากความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. วัดได้ 52/56/59/63 เดซิเบล เป็นรอง FORD (44/48/53/59 เดซิเบล) แต่ดีกว่า NISSAN (55/60/65/68 เดซิเบล) TOYOTA (56/61/64/67 เดซิเบล) และ MITSUBISHI (59/62/63/66 เดซิเบล)
หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ LCD ขนาด 7 นิ้ว พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชัน ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกซ้าย/ขวา ควบคุมด้วย TOGGLE SWITCH
สิ่งอำนวยความสะดวกมีทั้งแท่นชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย, ระบบหมุนเวียนอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง, ช่องต่อ USB-A, USB-C แบบ FAST CHARGER
เบาะนั่งปรับไฟฟ้าด้านคนขับ 8 ทิศทาง พร้อมระบบปรับดันหลัง (LUMBAR SUPPORT)
ระดับเสียงในห้องโดยสาร จากความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. วัดได้ 59/62/63/66 เดซิเบล อยู่ในระดับดี เงียบกว่าเดิม แต่ยังเป็นรอง FORD (44/48/53/59 เดซิเบล) ISUZU (52/56/59/63 เดซิเบล) NISSAN (55/60/65/68 เดซิเบล) และ TOYOTA (56/61/64/67 เดซิเบล)
ห้องโดยสารเน้นโทนสีดำ จอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง เชื่อมต่อกับ APPLE CAR PLAY และ ANDROID AUTO เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ที่นั่งด้านหลังเพิ่มที่พักแขน และที่วางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง รวมถึงพอร์ท USB TYPE C บริเวณคอนโซลกลาง
ระดับเสียงในห้องโดยสาร จากความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. วัดได้ 55/60/65/68 เดซิเบล อยู่ในระดับดี แต่ยังไม่เท่า FORD (44/48/53/59 เดซิเบล) ISUZU (52/56/59/63 เดซิเบล) แต่ดีกว่า TOYOTA (56/61/64/67 เดซิเบล)
ภายในยังคงโทนสีดำ เบาะหนังแบบเจาะรู และหนังสังเคราะห์ เดินด้ายสีเทา พร้อมสัญลักษณ์ GR เบาะผู้ขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง หน้าจอเครื่องเสียงแบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว รองรับ APPLE CAR PLAY แบบไร้สาย และ ANDROID AUTO แท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ DUAL ZONE
ระดับเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร 60/80/100/120 กม./ชม. อยู่ที่ 56/61/64/67 เดซิเบล ยังไม่เท่า FORD (44/48/53/59 เดซิเบล) ISUZU (52/56/59/63 เดซิเบล) แต่พอๆ กับ NISSAN (55/60/65/68 เดซิเบล) และ MITSUBISHI (59/62/63/66 เดซิเบล)
ENGINE เครื่องยนต์
WILDTRAK รุ่น V6 เพิ่มระบบไฟส่องสว่างแบบแบ่งโซน (ZONE LIGHTING) ควบคุมการเปิดไฟส่องสว่างภายนอกตัวรถ เมื่อต้องการแสงสว่างในการทำกิจกรรมต่างๆ ในตอนกลางคืน ได้แก่ ไฟหน้า ไฟส่องพื้นจากกระจกข้างรถ ไฟในกระบะท้าย และไฟส่องแผ่นป้ายทะเบียน โดยสามารถเลือกเปิด/ปิดเฉพาะบางโซน หรือทุกโซนพร้อมกันได้ ผ่านหน้าจอ SYNC
ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 3.0 ลิตร วี 6 สูบ กำลังสูงสุด 250 แรงม้า ที่ 3,250 รตน. แรงบิดสูงสุด 600 นิวทันเมตร/61.2 กก.ม. ที่ 1,750-2,250 รตน. ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ แบบ E-SHIFTER ตอบสนองคันเร่งเร็ว และต่อเนื่องกว่าดีเซล เทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร 4 สูบ 210 แรงม้า
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ 4A 4WD สามารถปรับอัตราการส่งกำลังระหว่างล้อหน้า/หลัง ตั้งแต่ 0:100 ถึง 50:50 และมีตัวเลือกโหมดการขับขี่ 6 โหมด
อัตราเร่งช่วงตีนต้น 0-100 กม./ชม. และ 0-400 ม. อยู่ที่ 9.1/16.7 วินาที และอัตราเร่งตีนปลาย 0-1,000 ม. อยู่ที่ 30.4 วินาที ดีกว่า 2.0 ลิตร (10.1/17.3/31.8 วินาที) TOYOTA (10.7/17.8/32.4 วินาที) ISUZU (10.8/17.5/32.4 วินาที) MITSUBISHI (10.8/17.7/32.5 วินาที) และ NISSAN (12.1/18.4/33.9 วินาที)
ขณะที่อัตราเร่งยืดหยุ่นช่วง 60-100/80-120 กม./ชม. ทําเวลาได้ 4.6/5.9 วินาที เร็วกว่าตัว 2.0 ลิตร (5.3/7.0 วินาที) MITSUBISHI (5.7/7.3 วินาที) NISSAN (6.1/8.0 วินาที) แต่ช้ากว่า TOYOTA (5.4/7.1 วินาที)
เครื่องยนต์ ISUZU 3.0 DDI BLUE POWER กำลัง 190 แรงม้า เกียรอัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อมโหมดการขับขี่แบบสปอร์ท REV TRONIC และ SEQUENTIAL PADDLE SHIFT ที่พวงมาลัย
ระบบ ROUGH TERRAIN MODE ช่วยการกระจายกำลังทุกช่วงความเร็ว ระบบแสดงองศามุมปีนไต่ ลาดเอียง และทิศทางการเลี้ยวของล้อที่หน้าจอ ช่วยให้ลุยได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
ระบบ TERRAIN COMMAND สวิทช์เปลี่ยนการขับเคลื่อนจาก 2 ล้อ เป็น 4 ล้อ เลือกการใช้งานทั้ง 2H/4H และ 4L ระบบ ELECTRONIC DIFF-LOCK ช่วยลอคเฟืองท้ายด้วยไฟฟ้า ให้เครื่องยนต์ส่งกำลังไปยังล้อหลังด้านซ้าย และขวาเท่ากัน ลุยน้ำได้ลึกสุด 800 มม.
อัตราเร่งช่วงต้น 0-100 กม./ชม. และ 0-400 ม. อยู่ที่ 10.8/17.5 วินาที และอัตราเร่งตีนปลาย 0-1,000 ม. อยู่ที่ 32.4 วินาที เป็นรองแค่ FORD (9.1/16.7/30.4 วินาที) ใกล้เคียงกับ TOYOTA (10.7/17.8/32.4 วินาที) ดีกว่า MITSUBISHI (10.8/17.7/32.5 วินาที) และ NISSAN (12.1/18.4/33.9 วินาที)
ขณะที่อัตราเร่งยืดหยุ่นช่วง 60-100/80-120 กม./ชม. ทําเวลาได้ 5.9/7.8 วินาที ช้ากว่า FORD (4.6/5.9 วินาที) TOYOTA (5.4/7.1 วินาที) และ MITSUBISHI (5.7/7.3 วินาที) แต่ดีกว่า NISSAN (6.1/8.0 วินาที)
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ที่ความเร็ว 60/80/100/120 กม./ชม. อยู่ที่ 21.0/ 17.8/15.0/11.6 กม./ลิตร ก็พอรับได้
ขุมพลังใหม่ รหัส 4N16 (SHP) เป็นเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ระบบ 2-STAGE TURBOCHARGER ความจุ 2.4 ลิตร กำลังสูงสุดเพิ่ม 20 แรงม้า เป็น 204 แรงม้า ที่ 3,500 รตน. เท่าเดิม ส่วนแรงบิดสูงสุดจาก 430 นิวทันเมตร/43.8 กก.ม. ที่ 2,250-2,500 รตน. เป็น 470 นิวทันเมตร/47.9 กก.ม. ที่ 1,500-2,750 รตน. เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ SUPER SELECT 4WD-II
อัตราเร่งช่วงต้น 0-100 กม./ชม. และ 0-400 ม. ใช้เวลา 10.8/17.7 วินาที และอัตราเร่งตีนปลาย 0-1,000 ม. ในเวลา 32.5 วินาที ดีกว่า NISSAN (12.1/18.4/33.9 วินาที)
แต่เป็นรอง FORD (9.1/16.7/30.4 วินาที) TOYOTA (10.7/17.8/32.4 วินาที) และ ISUZU (10.8/17.5/32.4 วินาที)
ขณะที่อัตราเร่งยืดหยุ่นช่วง 60-100/80-120 กม./ชม. ทำเวลาได้ 5.7/7.3 วินาที เร็วกว่า NISSAN (6.1/8.0 วินาที) และ ISUZU (5.9/7.8 วินาที)
แต่เป็นรองคู่แข่งทั้ง FORD (4.6/5.9 วินาที) TOYOTA (5.4/7.1 วินาที)
ขุมพลังดีเซล 2.3 ลิตร เทอร์โบคู่ อินเตอร์คูเลอร์ ไดเรคท์อินเจคชัน รหัส YS23DDTT ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,750 รตน. แรงบิดสูงสุด 450 นิวทันเมตร/45.9 กก.ม. ที่ 1,500-2,500 รตน. ถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ
อัตราเร่งช่วงต้น 0-100 กม./ชม. และ 0-400 ม. ใช้เวลา 12.1/18.4 วินาที และอัตราเร่งตีนปลาย 0-1,000 ม. ในเวลา 33.9 วินาที ช้ากว่ารุ่นก่อนที่ทำไว้ 10.4/17.5/31.9 วินาที และเป็นรองคู่แข่งทั้ง FORD (9.1/16.7/30.4 วินาที) TOYOTA (10.7/17.8/32.4 วินาที) ISUZU (10.8/17.5 /32.4 วินาที) และ MITSUBISHI (10.8/17.7/32.5 วินาที)
ขณะที่อัตราเร่งยืดหยุ่นช่วง 60-100/80-120 กม./ชม. ทำเวลาได้ 6.1/8.0 วินาที ช้ากว่าคู่แข่งทั้ง FORD (4.6/5.9 วินาที) TOYOTA (5.4/7.1 วินาที) MITSUBISHI (5.7/7.3 วินาที) และ ISUZU (5.9/7.8 วินาที)
เครื่องยนต์ดีเซล รหัส 1GD-FTV (HI) ขนาด 2.8 ลิตร ปรับการทำงานของเทอร์โบ และการฉีดน้ำมัน ทำให้ได้กำลัง 224 แรงม้า ที่ 3,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 56.1 กก.ม. ที่ 2,800 รตน. ขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อม DIFFERENTIAL LOCK ที่เฟืองท้าย
อัตราเร่งช่วงต้น 0-100 กม./ชม. และ 0-400 ม. ใช้เวลา 10.7/17.8 วินาที และอัตราเร่งตีนปลาย 0-1,000 ม. ในเวลา 32.4 วินาที ดีกว่า NISSAN (12.1/18.4/33.9 วินาที)
พอๆ กับ ISUZU (10.8/17.5/32.4 วินาที) และ MITSUBISHI (10.8/17.7/32.5 วินาที)
แต่ยังเป็นรอง FORD (9.1/16.7/30.4 วินาที)
ขณะที่อัตราเร่งยืดหยุ่นช่วง 60-100/80-120 กม./ชม. ทำเวลาได้ 5.4/7.1 วินาที ช้ากว่า FORD (4.6/5.9 วินาที)
เร็วกว่า MITSUBISHI (5.7/7.3 วินาที) ISUZU (5.9/7.8 วินาที) และ NISSAN (6.1/8.0 วินาที)
SUSPENSION ระบบรองรับ
ระบบช่วงล่างที่ต้องยอมรับว่าเกาะหนึบทุกการเข้าโค้ง หรือการใช้ความเร็วสูง ขุมพลังดีเซล เทอร์โบ 3.0 ลิตร วี 6 ให้กำลังสูงสุด 250 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 61.2 กก.ม. ทำให้รู้สึกสนุกในการขับขี่ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ 4A 4WD ทำงานได้อย่างลงตัว ส่งกำลังต่อเนื่อง และพอกับความต้องการแม้ในขณะขึ้นทางชัน
ประสิทธิภาพของระบบเบรค ที่ความเร็ว 60/80/100 กม./ชม. ใช้ระยะ 17.5/30.9/47.8 ม. ดีกว่ารุ่น 2.0 ลิตร (17.8/31.1/49.6 ม.) และ TOYOTA (18.0/30.4/49.7 ม.) แต่เป็นรอง MITSUBISHI (15.6/27.8/42.5 ม.) และ NISSAN (15.6/26.0/43.0 ม.)
อุปกรณ์ความปลอดภัย ถุงลมนิรภัย 7 จุด ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้า/หลัง กล้องมองรอบคัน 360 องศา ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน และระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ เบรคมือไฟฟ้าพร้อมระบบ AUTO HOLD
ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบอิสระ ปีกนก 2 ชั้น คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบแหนบซ้อน แหนบยาว ยืดหยุ่น ให้ความนุ่มนวลกว่าแหนบปกติ
ล้ออัลลอย 18 นิ้ว ยาง 265/60 R18 เบรคหน้าแบบจาน พร้อมครีบระบายความร้อน หลังแบบดุม
ประสิทธิภาพของระบบเบรค ที่ความเร็ว 60/80/100 กม./ชม. ใช้ระยะ 15.5/27.3/45.2 มม. ดีกว่าระยะเบรคของ FORD (17.5/30.9/47.8 ม.) และ TOYOTA (18.0/30.4/49.7 ม.) ทุกความเร็ว และดีกว่า NISSAN (15.6/26.0/43.0 ม.) กับ MITSUBISHI (15.6/27.8/42.5 ม.) ยกเว้นที่ 100 กม./ชม.
ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ด้วย 3D IMAGING STEREO CAMERA ที่มีมุมมองกว้าง และแม่นยำกว่าเดิม พร้อมเรดาร์ 2 จุด และเซนเซอร์ 8 จุดรอบคัน ระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า (FCW) พร้อมระบบเบรคฉุก เฉินอัตโนมัติ (AEB) ระบบเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อมีรถสวนทางขณะ เลี้ยวขวา (TA-AEB) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) พร้อมฟังค์ชัน STOP & GO และเพิ่มใหม่ คือ ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถยนต์ (RCTA) พร้อมระบบเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย (RCTB)
ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตา (BSM) ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ (AHB) ระบบตัดกําลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด (PMM) ระบบแจ้งเตือนออกนอกเลน (LDW) ระบบเบรคอัตโนมัติหลังการเกิดอุบัติเหตุ ช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุซํ้าซ้อน (MCB) ระบบเซนเซอร์ช่วยจอดรถยนต์ ระบบตั้งค่าจํากัดความเร็วสูงสุดด้วยตัวเอง (MSL) ACTIVE SAFETY ระบบความปลอดภัยป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุ เช่น ABS EBD ESC TCS HSA HDC และกล้องมองภาพด้านหลังขณะถอยจอดแบบ BUILT-IN แจ้งเตือนจุดอับสายตา พร้อมเส้นกะระยะ LANE GUIDE
ส่วนระบบห้ามล้อด้านหน้าแบบจาน พร้อมช่องระบายความร้อน ด้านหลังแบบดุม
จากผลทดสอบเบรค ที่ความเร็ว 60/80/100 กม./ชม. อยู่ที่ 15.6/27.8/42.5 ม. ใช้ระยะหยุดยาวกว่า NISSAN (15.6/26.0/43.0 ม.) และ ISUZU (15.5/27.3/45.2 มม.) ยกเว้นที่ 100 กม./ชม.
แต่มีระยะหยุดสั้นกว่า ทั้ง FORD RANGER (17.5/30.9/47.8 ม.) และ TOYOTA (18.0/30.4/49.7 ม.)
ระบบความปลอดภัยต่างๆ อัดแน่นแบบจัดเต็ม ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ADAS หรือ DIAMOND SENSE อาทิ ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ (AHB), กล้องมองรอบคัน (MAM), ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (RCTA), ระบบเตือนจุดอับสายตา พร้อมสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (BSW WITH LCA) และระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM)
ระบบรองรับด้านหน้าอิสระ ปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบแหนบแผ่นซ้อน พร้อมชอคอับ ส่วนระบบห้ามล้อด้านหน้าแบบจาน พร้อมช่องระบายความร้อน ด้านหลังแบบดุม
จากผลทดสอบเบรค ที่ความเร็ว 60/80/100 กม./ชม. อยู่ที่ 15.6/26.0/43.0 ม. น่าประทับใจ ระยะหยุดสั้นกว่าคู่แข่ง ทั้ง ISUZU (15.5/27.3/45.2 มม.) MITSUBISHI (15.6/27.8/42.5 ม.) FORD (17.5/30.9/47.8 ม.) และ TOYOTA (18.0/30.4/49.7 ม.)
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เปลี่ยนจาก 2 ล้อ หรือ 2H ขับเคลื่อน 4 ล้อได้ทั้ง 4H และ 4L ผ่านสวิทช์หมุน พร้อมฟังค์ชัน SHIFT-ON-THE-FLY และขับเคลื่อน 4 ล้อ ความเร็วต่ำ หรือ 4LO ระบบลอคเฟืองท้ายแบบไฟฟ้า และขับด้วยความเร็วไม่เกิน 10 กม./ชม. ระบบกล้อง 360 องศารอบตัวรถจะทำงาน แสดงผลผ่านหน้าจอให้เราเห็นชัดเจนถึงการวางตำแหน่งล้อ ตรงนี้ดีงามมาก ส่วนระบบช่วยเหลือการขับขี่ต่างๆ NISSAN จัดให้เต็มพิกัด ทั้งระบบป้องกันการลื่นไถล (B-LSD), ระบบลอคเฟืองท้ายแบบไฟฟ้า (ERLD), ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA), ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC)
จากผลทดสอบเบรค ที่ความเร็ว 60/80/100 กม./ชม. ใช้ระยะทางในการหยุด 18.0/30.4/49.7 ม. มากกว่า NISSAN (15.6/26.0/43.0 ม.) ISUZU (15.5/27.3/45.2 ม.) MITSUBISHI (15.6/27.8/42.5 ม.) และ FORD (17.5/30.9/47.8 ม.)
ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระ ปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริง เหล็กกันโคลง หลังแบบแหนบซ้อน พร้อมชอคอับแบบ MONOTUBE เฉพาะรุ่น GR SPORT
ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS คู่หน้า และหัวเข่าด้านคนขับ/ด้านข้าง และม่านด้านข้าง ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM/ช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แบบ DYNAMIC RADAR CRUISE CONTROL และกล้องมองรอบคัน
FORD RANGER WILDTRAK V6
FORD RANGER DOUBLE CAB WILDTRAK รุ่น V6 ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างลงตัว นั่งสบายในทุกตำแหน่ง สำหรับราคา 1,519,000 บาท เพิ่มจากรุ่น BI-TURBO (2.0 ลิตร เทอร์โบคู่) 210 แรงม้า 2 แสนบาท สำหรับคนชอบของแรงน่าจะตอบโจทย์มากกว่า RAPTOR (แรพเตอร์) ที่ต่างกับ WILDTRAK BI-TURBO ถึง 5 แสนบาท
ISUZU V-CROSS
ISUZU V-CROSS หน้าใหม่ ปรับโฉม ก็ยังคงได้ใจหลายคน ยิ่งเสริมความหรู เติมความสปอร์ทภายในก็ยิ่งน่าใช้ เครื่องยนต์อยู่ในระดับที่รับได้ ไม่โดดเด่น เรื่องระบบความปลอดภัยมาให้ครบ ไม่น้อยหน้าใคร ส่วนราคาจำหน่าย ISUZU V-CROSS 3.0 DDI M 4 ประตู เกียร์อัตโนมัติ 1,257,000 บาท ถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับ FORD RANGER DOUBLE CAB WILDTRAK 3.0L V6 TURBO 4WD 10AT ราคา 1,519,000 บาท และ TOYOTA HILUX REVO DOUBLE CAB 4x4 2.8 GR SPORT AT ราคา 1,499,000 บาท
MITSUBISHI TRITON DOUBLE CAB ATHLETE
MITSUBISHI TRITON DOUBLE CAB ATHLETE 4WD AT ราคา 1,298,000 บาท แต่งตัวมาครบ จบที่อัพขุมกำลังขึ้นมาเป็น 204 แรงม้า ทำให้มีราคาสูงกว่าคู่แข่งเดิม NISSAN NAVARA PRO-4X (1,160,000 บาท) ขยับขึ้นไปใกล้เคียงเจ้าตลาดอย่าง ISUZU V-CROSS รุ่น M (1,257,000 บาท) แต่ยังห่าง TOYOTA HILUX REVO GR SPORT (1,499,000 บาท) FORD RANGER DOUBLE CAB WILDTRAK รุ่น 3.0 (1,519,000 บาท)
NISSAN NAVARA PRO-4X
PRO-4X สะดวกสบาย และปลอดภัย ด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ทั้งเทคโนโลยีเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนอัจฉริยะ (IFCW) ที่จะส่งสัญญาณเสียงพร้อมสัญลักษณ์เตือนบนหน้าปัด หากพบความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้า ก่อนที่เทคโนโลยีช่วยเบรคฉุกเฉินอัจฉริยะ (IEB) จะช่วยลดความเร็ว และเบรคเพื่อลดความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นหากเกิดอุบัติเหตุ เทคโนโลยีเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (LDW) จะเตือนผู้ขับขี่หากระบบจับทิศทางได้ว่ารถกำลังเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ได้เปิดสัญญาณไฟเลี้ยว และหากรถยังคงออกนอกเส้นทาง เทคโนโลยีช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกช่องทางอัจฉริยะ (ILI) จะทำงานโดยส่งสัญญาณให้ระบบเบรคทำงาน และส่งแรงเบรคเพื่อดึงรถกลับสู่ช่องทางให้ผู้ขับขี่รู้ตัว เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (BSW) จะส่งเสียงสัญญาณพร้อมไฟกะพริบที่กระจกมองข้าง เตือนให้รู้ว่าขณะนั้นกำลังมีรถคันอื่นอยู่ในช่องทางขับขี่ด้านข้าง ซึ่งผู้ขับขี่ไม่สามารถมองเห็น ซึ่งทำงานร่วมกับเทคโนโลยีป้องกันการชนจากจุดอับสายตาอัจฉริยะ (IBSI) ที่จะส่งแรงเบรคดึงรถกลับสู่ช่องทางอย่างนุ่มนวล การถอยรถออกจากช่องจอด เป็นอีกจุดหนึ่งที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังรถขณะถอย (RCTA) จะส่งสัญญาณเตือนพร้อมไฟกะพริบเตือน หากตรวจพบรถที่กำลังเคลื่อนเข้ามาทางด้านหลังทั้งซ้าย และขวา สัญญาณเตือนพร้อมไฟกะพริบที่กระจกมองข้างด้านเดียวกันกับที่มีรถกำลังเคลื่อนมา นอกจากนี้ ยังมีระบบเปิด/ปิดไฟสูงอัตโนมัติ (HBA) จะปรับระดับไฟสูงลงมาเป็นไฟหน้าธรรมดาทันทีที่ระบบตรวจจับได้ว่ามีรถสวนมาทางด้านหน้า ทำให้ NISSAN NAVARA รุ่น PRO-4X คุ้มกับราคา 1,160,000 บาท
TOYOTA HILUX REVO 4x4 2.8 GR SPORT
TOYOTA HILUX REVO DOUBLE CAB 4x4 2.8 GR SPORT AT ราคาตัวพื้นฐาน 1,479,000 บาท (รวมอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ 16,600 บาท) ตัวทอพ 1,499,000 บาท (รวมอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ 36,600 บาท) และเพิ่มอีก 10,000 บาท สำหรับตัวรถสีแดง หรือขาวมุก