รู้ลึกเรื่องรถ
โรตารี มิติใหม่ ?
ในงานมหกรรมยานยนต์โตเกียวครั้งล่าสุดที่เพิ่งผ่านพ้นไป หลายคนมุ่งความสนใจไปยังรถยนต์แนวคิดจากบรรดาค่ายรถยนต์ต่างๆ ที่พร้อมใจกันเดินตามกระแสยานยนต์อัตโนมัติ ที่วิ่งได้โดยไม่ต้องอาศัยคนขับ (AUTONOMOUS VEHICLE) ไม่ว่าจะค่าย นิสสัน หรือ เมร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งจะว่าไปแล้วหากเป็นไปได้จริงตามที่ การ์โลส โกส์น (CARLOS GHOSN) ประธานผู้เปี่ยมไปด้วยวิสัยทัศน์ของ นิสสัน ทำนายไว้ คือ เราจะได้เห็นรถยนต์กลุ่มแรกๆ ที่วิ่งได้โดยไม่ต้องอาศัยคนขับในปี 2020 ซึ่งก็คือ ในอีก 5 ปีเท่านั้น นับว่าเป็นเรื่องท้าทายไม่น้อยสำหรับผู้ผลิต และสำหรับผู้โดยสารเองที่จะไว้วางใจเทคโนโลยีใหม่นี้ ซึ่งหากมันสามารถพัฒนาขึ้นมาจนเชื่อใจได้แล้วล่ะก็ โลกของรถยนต์จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแน่นอนแต่สำหรับคนที่ยังชื่นชอบจะมีส่วนร่วมไปกับ “การขับ” ทางค่าย มาซดา ได้เผยรถแนวคิดคันใหม่ มาซดา อาร์เอกซ์-วิชัน สู่สายตาสาธารณชน พร้อมประกาศว่า นี่คือ การกลับมาของเครื่องยนต์โรตารี ในชื่อ “สกายแอคทีฟ อาร์” หลังจากที่ได้หยุดการผลิตรถยนต์รุ่น อาร์เอกซ์-8 ที่ใช้เครื่องยนต์โรเตอร์สามเหลี่ยม อันเป็นเครื่องยนต์คู่บุญรุ่นสุดท้ายไปตั้งแต่ปี 2012 หลังจาก 45 ปี ของการฟันฝ่าอุปสรรคนานาชนิดมาด้วยกันนับตั้งแต่ปี 1967 กับรถยนต์คันแรกของพวกเขา มาซดา คอสโม เครื่องยนต์โรตารีแม้จะเป็นเครื่องยนต์คู่บุญของค่าย มาซดา แต่ก็เป็นนวัตกรรมที่คิดค้นโดยวิศวกรชาวเยอรมนี ชื่อ เฟลิกซ์ วันเคล (FELIX WANKEL) โดยถือกำเนิด และจดสิทธิบัตรการประดิษฐ์ขึ้นในช่วงต้นทศวรรษที่ 30 ดังนั้นหลายคนจึงเรียกชื่อเครื่องยนต์โรตารีแบบเต็มยศว่า “วันเคล โรตารี” จุดเด่นของการออกแบบเครื่องยนต์พิสดารนี้ คือ ความเรียบง่าย และกะทัดรัด เนื่องด้วยเป็นเครื่องยนต์ที่มีชิ้นส่วนเคลื่อนไหวน้อยกว่าเครื่องยนต์สันดาปภายในชนิดอื่นๆ เพราะไม่มีวาล์ว ไม่มีก้านสูบ ไม่มีข้อเหวี่ยง ไม่มีแคมชาฟท์ เหมือนอย่างเครื่องยนต์แบบลูกสูบ การทำงานที่เรียบง่าย และงดงาม เกิดขึ้นจาก “โรเตอร์” รูปทรงสามเหลี่ยมที่ป่องนิดๆ (REULEAUX TRIANGLE) คล้ายกับพิคของกีตาร์ ที่หมุนเบียดอยู่ภายในเสื้อเครื่องรูปทรงแคพซูล ที่เรียกเป็นภาษาคณิตศาสตร์ว่า เอปิทโรคอยด์ (EPITROCHOID) และในการหมุน ของข้อเหวี่ยงแบบเยื้องศูนย์ (ECCENTRIC DRIVESHAFT) ส่งให้โรเตอร์สามเหลี่ยม หมุนไปจนก่อให้เกิดการจุดระเบิดในแบบ 4 จังหวะ โดยในระหว่างที่โรเตอร์สามเหลี่ยมหมุนเยื้องศูนย์ไปนั้น ความสัมพันธ์ของตัวมันเองกับผนังเสื้อสูบ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงปริมาตรตลอดเวลา และนำมาซึ่งการไล่ไอเสีย และดูดไอดีเข้าสู่ห้องเผาไหม้อัตโนมัติ โดยไม่ต้องอาศัยกลไกกระเดื่องวาล์วเลย รวมถึงส่งให้เกิดการหมุนต่อเนื่องในที่สุด (สามารถหาดูคลิพภาพเคลื่อนไหวได้จากในยูทูบเพื่อความเข้าใจเพิ่มเติม) เครื่องยนต์ต้นแบบของ เฟลิกซ์ วันเคล นั้นพัฒนาขึ้นใช้กับรถยนต์ยี่ห้อ เอนเอสยู (หนึ่งในรถยนต์ของเครือ เอาดี ในปัจจุบัน) มีชื่อว่า ดีเคเอม ย่อมาจาก DREHKOLBENMOTOR ในภาษาเยอรมัน ซึ่งแปลตรงตัวว่าเป็น “เครื่องยนต์เสื้อสูบหมุน” นั่นเอง การทำงานของเครื่องยนต์ ดีเคเอม ดูเผินๆ คล้ายกับเครื่องโรตารี แต่ก็ต่างไปจากเครื่องโรตารีที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน เพราะเสื้อเครื่องของ ดีเคเอม นั้นหมุนไปด้วยกัน ส่วนเครื่องโรตารีแบบที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน เป็นเครื่องที่มีพื้นฐานมาจากเครื่อง เคเคเอม หรือ KREISKOLBENMOTOR ซึ่งแปลได้ว่า “ลูกสูบหมุน” พัฒนาขึ้นโดยวิศวกรของ เอนเอสยู อีกคนหนึ่งชื่อ ฮันน์ส์ ดีเทร์ พัสค์เค (HANNS DIETER PASCHKE) แต่เราก็ยังให้เกียรติแก่ เฟลิกซ์ วันเคล ในฐานะผู้ริเริ่มเครื่องยนต์ชนิดนี้ ด้วยการเรียกมันว่า “วันเคล โรตารี” อยู่นั่นเอง (ข้อมูลจากวิกิพีเดีย) นอกเหนือจากข้อดีเรื่อง ความเรียบง่ายของกลไกแล้ว เครื่องยนต์โรตารียังมีขนาดกะทัดรัด เพียง 1 ส่วน 3 ของเครื่องยนต์ที่ให้กำลังเท่าๆกัน นอกจากนั้นยังมีความสั่นสะเทือนต่ำมาก มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ อีกทั้งยังให้กำลังได้มาก เมื่อเทียบกับเครื่องแบบลูกสูบ เร่งรอบได้สูงกว่าเครื่องยนต์ลูกสูบทั่วไป ผลิตได้ง่ายมีชิ้นส่วนน้อย ในช่วงทศวรรษที่ 60 จึงได้เห็นความต้องการในการซื้อสิทธิบัตรไปพัฒนาเครื่องยนต์จากผู้ผลิตหลายๆ ค่าย อาทิ มาซดา โตโยตา โพร์เช เมร์เซเดส-เบนซ์ (รถยนต์แนวคิด ซี 111 อันโด่งดัง) ไปจนถึงกระทั่ง โรลลส์-รอยศ์ ก็ยังสนใจที่จะใช้พัฒนาเครื่องยนต์โรตารี (โดยเป็นการพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลแบบ โรตารี 2 สเตจ ในชื่อรหัสว่า R6) ทั้งนี้ คือ ทุกๆ คนต่างก็สนใจในมุมมองที่ว่า นี่คือ เครื่องยนต์แห่งอนาคต



ABOUT THE AUTHOR
ภ
ภัทรกิติ์ โกมลกิติ
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2559
คอลัมน์ Online : รู้ลึกเรื่องรถ