ชีวิตอิสระ(4wheels)
เที่ยวเมืองระนอง
ชีวิตอิสระฉบับนี้ พาไปเยือนจังหวัด "ระนอง" เมืองที่ได้ชื่อว่า "ฝนแปดแดดสี่" แม้จะเป็นเพียงจังหวัดเล็กๆ แต่แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และประวัติศาสตร์ของที่นี่มีมากมายเหลือเกิน แถมยังสามารถข้ามไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาร์(เกาะสอง) ได้อย่างสะดวกสบายอีกด้วยเดินทางสบายๆ ไปกับ ฟอร์ด อีโคสปอร์ท ผมเดินทางลงใต้ตามทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) ผ่าน จ. เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร เมื่อใกล้ถึงตัวเมืองชุมพรจะมีป้ายบอกให้เลี้ยวขวาสู่ จ. ระนอง ตามทางหลวงหมายเลขเดิม (4) รวมระยะทางประมาณ 650 กม. ใช้เวลาไม่เกิน 9 ชม. การเดินทางครั้งนี้ ผมมี ฟอร์ด อีโคสปอร์ท รถครอสส์โอเวอร์ขนาดกะทัดรัด เป็นพาหนะประจำทริพ แม้ระบบขับเคลื่อนจะเป็นแบบ 2 ล้อหน้า แต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับการเดินทางในครั้งนี้ ที่โดนใจสุดๆ คือ ระบบช่วงล่าง ที่ให้ความนุ่มนวล และยึดเกาะถนนได้ดีเกินตัว แม้ในทางโค้งขณะฝนตก จนผมเองยังแปลกใจอยู่ไม่หาย ด้านพละกำลังให้มาแบบกำลังดี พอเพียงกับการใช้งานทั่วไป ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร 109 แรงม้า ทำงานผสานกับเกียร์อัตโนมัติ เพาเวอร์ชิฟท์ 6 จังหวะ ให้อัตราเร่งที่สมตัว แต่เด่นเรื่องประหยัดน้ำมัน จุดชมวิว เขาฝาชี อดีตที่ตั้งค่ายทหารญี่ปุ่น ก่อนจะถึงตัวเมืองระนองประมาณ 30 กม. ตรงหลัก กม. ที่ 581 จะเห็นยอดเขาที่มีลักษณะคล้ายกับฝาชี ซึ่งเป็นที่ตั้งของจุดชมวิวชื่อดัง "เขาฝาชี" สถานที่นี้เคยเป็นที่ตั้งของค่ายทหารญี่ปุ่น เมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 บนยอดเขานี้เป็นสถานที่ชมทิวทัศน์และพระอาทิตย์อัสดงที่สวยงาม สามารถมองเห็นประเทศเมียนมาร์ และแม่น้ำกระบุรีไหลมาบรรจบกับแม่น้ำละอุ่นได้อย่างชัดเจน จวนเจ้าเมืองระนอง มาที่เดียว รู้ทั้งเมือง มาถึงตัวเมืองระนอง สถานที่แรกที่ผมไปเยือน คือ จวนเจ้าเมืองระนอง ซึ่งเป็นที่พักของเจ้าเมืองระนองคนแรก (พระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี หรือคอซู้เจียง) สร้างขึ้นเมื่อปี พศ. 2420 จากอิฐสอปูนสดแบบจีน โครงด้านบนทำด้วยไม้ หลังคามุงกระเบื้อง เนื้อที่ประมาณ 33 ไร่ ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองระนอง ปัจจุบันกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแล้ว สิ่งที่น่าสนใจ คือ ประวัติศาสตร์ของเมืองระนองในอดีด เราได้พบกับ คุณโกศล ณ ระนอง ทายาทรุ่นที่ 5 ของตระกูล ณ ระนอง คอยบรรยายให้ความรู้ถึงเรื่องราวต่างๆ ในอดีด และสิ่งของต่างๆ ที่อยู่ในศาลแห่งนี้ โดยเฉพาะป้ายหน้าศาลบรรพบุรุษ ที่มีอักษรภาษาจีนฮกเกี้ยน อ่านว่า เกา-หยัง แปลว่า "ดวงตะวันอันสูงส่ง" เป็นป้ายแกะสลักด้วยไม้เนื้อแข็ง พื้นแกะสลักเป็นรูปค้างคาว ก้อนเมฆ และของขวัญ คุณโกศลเล่าว่า ค้างคาวตามความเชื่อของคนจีนนั้น ถือว่าเป็นสัตว์ที่สูงส่ง เนื่องจากกินและอยู่ในที่สูงตลอดเวลา ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่คนระนองภูมิใจ พระราชวังรัตนรังสรรค์ ที่ประทับกษัตริย์ 3 แผ่นดิน ถัดจากจวนเจ้าเมืองไปไม่ไกล จะพบกับสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่ง คือ พระราชวังรัตนรังสรรค์ (จำลอง) เป็นพระราชวังที่จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ การเสด็จประทับแรมจังหวัดระนองของพระมหากษัตริย์ 3 พระองค์ ได้แก่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 (พ.ศ.2433), พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 (พ.ศ.2452) และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 (พ.ศ.2471) และถือเป็นพระราชวัง ที่มีการประกาศพระบรมราชโองการ ยกขึ้นเป็นพระราชวัง 1 ใน 19 แห่งของประเทศไทย และเป็นพระราชวัง 1 ใน 6 แห่งที่สร้างขึ้นตามหัวเมือง ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระราชวังแห่งนี้ทำจากไม้สัก และไม้ตะเคียนทองทั้งหลัง สิ่งที่จัดแสดงอยู่ภายใน ได้แก่ ห้องบรรทมพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ชั้น 3) ห้องพระราชินี (ชั้น 2) อาคารทรงแปดเหลี่ยม อาคารท้องพระโรง สะพานเชื่อมอาคารที่ประทับกับอาคารแปดเหลี่ยม เป็นต้น อาบน้ำแร่ แช่น้ำร้อน กับบ่อใกล้ตัวเมือง หลังจากเดินชมโบราณสถานจนเหนื่อย ผมขอพักด้วยการแช่น้ำแร่จากบ่อน้ำร้อนธรรมชาติ ที่มีอยู่หลายที่ในอำเภอเมือง บ่อแรกที่ไป คือ "บ่อน้ำร้อน สวนสาธารณะรักษะวาริน" เป็นบ่อน้ำร้อนที่ใกล้เมืองที่สุด มีอยู่ 3 บ่อ คือ บ่อพ่อ บ่อแม่ และบ่อลูกสาว ทั้งหมดมีอุณหภูมิสูงประมาณ 65 องศาเซลเซียส น้ำพุร้อนแห่งนี้ได้รับการวิเคราะห์จากกรมวิทยาศาสตร์ว่าเป็นแหล่งเดียวในประเทศไทย ที่ไม่มีสารกำมะถันเจือปนอยู่ จึงสามารถดื่มได้ นักท่องเที่ยวสามารถแช่เท้า อาบน้ำแร่ หรือนอนผ่อนคลายในพื้นปูนอุ่นได้อีกด้วย ถัดไปเล็กน้อยก็มี "บ่อน้ำร้อนพรรั้ง" ที่ห่างจากตัวเมืองระนองเพียง 5 กม. เป็นน้ำพุร้อนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่หุบเขาล้อมรอบ มีบ่อกักเก็บน้ำแร่ร้อน 2 บ่อใหญ่ และอีก 2 บ่อเล็ก สามารถแช่เท้าเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตในร่างกายได้ ระนองแคนยอน ที่พักผ่อนของคนรุ่นใหม่ ขับรถขึ้นไปประมาณ 10 กม. จากบ่อน้ำร้อนรักษะวาริน ก็จะเจอ ระนองแคนยอน ที่เป็นผลพลอยได้จากการทำเหมือง จากการใช้น้ำฉีดไล่ดินเพื่อแยกแร่ ทำให้เกิดเป็นแอ่งลึกที่รายล้อมไปด้วยหน้าผาดิน และหินสูงใหญ่ ประกอบกับมีตาน้ำผุดขึ้นมารวมกับน้ำฝนที่ตกชุกของจังหวัดระนอง เกิดเป็นแอ่งน้ำมรกตสีเขียวเข้มขนาดใหญ่ ปัจจุบันระนองแคนยอน เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนในวันหยุด บริเวณโดยรอบมีร้านค้ามากมาย และหนึ่งในกิจกรรมสุดโปรด คือ การให้อาหารปลา ซึ่งมีปลาน้ำจืดมากมาย เช่น ปลานิล ปลาทับทิม ปลาตะเพียน หรือแม้แต่ ปลาดุก ก็ยังมี วัดวารีบรรพต ที่พึ่งศักดิ์สิทธิ์ของคนระนอง วัดวารีบรรพต หรือ วัดบางนอน เป็นวัดที่สวยงามโดดเด่นริมถนนเพชรเกษม ภายในวัดมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญ คือ พระพุทธไสยาสน์ หลวงปู่ทวด และรอยพระพุทธบาท ซึ่งในเดือนเมษายนของทุกปี จะมีงานเทศกาลปิดทองหลวงปู่ทวด ลูกศิษย์ลูกหาทั้งใกล้และไกลเดินทางมาไม่ขาดสาย ภูเขาหญ้า เขาหัวล้านสุดโรแมนทิค เขาหัวล้าน หรือ ภูเขาหญ้า หรือบางคนเรียก ภูเขาผี เป็นภูเขาเตี้ยๆ ที่ไม่มีต้นไม้ใหญ่ ในฤดูฝนจะมีหญ้าสีเขียวขึ้นปกคลุมแนวเขาที่ทอดตัวจากทิศเหนือลงสู่ทิศใต้ ส่วนในฤดูแล้ง หญ้าจะแห้งกลายเป็นสีทองพลิ้วไหวตามสายลม ดูงดงามไปอีกแบบ บริเวณที่ราบเชิงเขามีเส้นทางเดินเท้าสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการขึ้นสู่ยอดเขา เพื่อชมทิวทัศน์โดยรอบแบบ 360 องศา ฝั่งตรงข้ามถ้ามาในหน้าฝน จะสามารถมองเห็นน้ำตกหงาว ซึ่งทิ้งตัวลงมาจากหน้าผาอย่างมหัศจรรย์ เกาะสอง วิคตอเรียพอยท์แห่งเมียนมาร์ เกาะสอง หรือ วิคตอเรียพอยท์ เป็นแหลมปลายสุดของแผ่นดินทางตอนใต้ของประเทศเมียนมาร์ ถ้าเรามองจากจังหวัดระนอง จะเห็นเหมือนเป็นเกาะกลางทะเลขนาดใหญ่ ที่มีแม่น้ำกระบุรีกั้นขวางไว้ เราจึงเรียกว่าเกาะสอง แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เกาะ ใครที่อยากไปเที่ยวต่างประเทศ(เมียนมาร์) สามารถนั่งเรือจากจังหวัดระนอง ข้ามไปเที่ยวชมโบราณสถาน และวิถีชีวิตของชาวเมียนมาร์ได้ เช่น อนุสาวรีย์บุเรงนอง วัดปิตอเอ วัดจีน พร้อมชอฟพิงสินค้าพื้นเมือง และของที่ระลึกอย่าง พลอย เครื่องหวาย หรือเครื่องเงินเมียนมาร์ เป็นต้น การเดินทางไปเกาะสอง ต้องใช้บริการเรือหางยาวของชาวบ้านบริเวณปากแม่น้ำระนอง (ท่าเรือสะพานปลา) สามารถจอดรถไว้ที่ปั๊ม ปตท. (40 บาท) ค่าโดยสารคนไทยเที่ยวละ 50 บาท ถ้าเป็นต่างชาติ 100 บาท หรือจะเช่าเหมาลำก็ 500-600 บาท นั่งได้ประมาณ 6-8 คน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที เพราะต้องผ่าน ตม. กลางน้ำ ทั้งฝั่งไทยและเมียนมาร์ เมื่อถึงฝั่งเมียนมาร์ สามารถเช่ารถซาเล้งนำเทียวที่ได้ ในราคา 300-500 บาท(แนะนำให้ต่อรองเยอะๆ) การข้ามไปเกาะสอง เราต้องทำใบผ่านแดนให้พร้อม ไป/กลับได้ไม่เกิน 7 วัน ใช้สำเนาบัตรประชาชน 2 ชุด พร้อมรูปถ่าย 1 นิ้ว 3 รูป (ถ้าไม่มีรูปเขาจะใช้รูปจากสำเนาบัตรประชาชนแทน) และเสียค่าผ่านแดน สำหรับคนไทย 30 บาท ต่างชาติ 10 เหรียญสหรัฐ ฯ ด่านทำบัตรเปิดบริการ 07.00-16.00 น. ของทุกวัน แผนที่ ที่กิน ใครมาระนอง ถ้าไม่มากิน "ร้านอาหารโรงกลวง (ถอดรองเท้า)" ถือว่ามาไม่ถึง เพราะเปิดมาแล้วกว่า 30 ปี ที่เรียกว่า "ร้านถอดรองเท้า" เนื่องจากทางเดินเข้าร้านจะต้องเดินผ่านหน้าบ้าน ลูกค้าอาจเกรงใจ เนื่องจากพื้นปูนนั้นสะอาดมาก แต่ปัจจุบันไม่ต้องถอดรองเท้าแล้ว อาหารที่นี่มีทั้งอาหารไทย และอาหารปักษ์ใต้ ผมสั่งแกงเหลืองปลากระพง ปูนิ่มทอดกระเทียม ใบเหมียงผัดไข่ใส่วุ้นเส้น และปลาตะลุมพุกต้มเค็ม (ปลาน้ำลึกจากฝั่งเมียนมาร์) ทุกรายการอร่อยจริงๆ เชิญมาพิสูจน์ด้วยตัวเองครับ ที่นอน หลังจากหาที่พักมาหลายแห่ง ผมตัดสินใจเลือก "เลอสริน ชาเล่ย์ ระนอง" เนื่องจากมีบรรยากาศดี อยู่ใจกลางเมือง ที่สำคัญไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวนัก และราคาไม่แพง ประมาณ 590-690 บาท ภายในห้องพักมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งทีวีจอแบน เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และเครื่องทำน้ำอุ่น ขอขอบคุณ บริษัท ฟอร์ด เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด ที่เอื้อเฟื้อพาหนะในการเดินทาง
เรื่องโดย : วิธวินท์ ไตรพิศ
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2558
คอลัมน์ Online : ชีวิตอิสระ(4wheels)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/12243