รู้ไว้ใช่ว่า
"รถมีประกัน...เมา !"
นับตั้งแต่ ปี 1860 หรือ 155 ปีมาแล้ว "เอเตียง เลอนัวร์" วิศวกรชาวเบลเยียม ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้ประดิษฐ์เครื่องยนต์สันดาปภายใน ใช้น้ำมันกลิ่นคละคลุ้ง มลพิษกระจาย เครื่องแรกของโลก ถึงปี 1885 ราวๆ 130 ปีมาแล้ว "คาร์ล เบนซ์" ชาวเมืองเบียร์ ได้รับการจารึกว่า เป็นผู้ประดิษฐ์รถยนต์คันแรกของโลก ซึ่งมีแค่ 3 ล้อ ขึ้นมา และแล้วรถยนต์เกือบ 1 พันล้านคันบนพิภพนี้ ไม่นับรวมรถมอเตอร์ไซค์ ก็ก้มหน้าก้มตาใช้เครื่องยนต์บริโภคน้ำมันเรื่อยมา อย่างน่าประหลาดใจ
ประหลาดใจว่า ทำไมถึงใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในกันดักดานขนาดนั้น เมื่อเทียบกับวิทยาการสาขาต่างๆ ซึ่งพัฒนาไม่หยุด จนต้องโละของเก่าลงถังขยะแทบไม่ทัน เอามาดูแล้วขำกลิ้ง อย่างเช่น แผ่นเสียง ม้วนเทป กล้องถ่ายรูป อินเตอร์เนท ทีวี โทรศัพท์ ฯลฯ เพียงชั่วไม่กี่ปี เดี๋ยวนี้มีของใหม่ ระบบใหม่ออกมาแทนที่ แทบจะเป็นรายวันรายเดือนเสียด้วยซ้ำ หลายคนมองว่า อิทธิพลของผู้ค้าน้ำมันบดบังไว้ชัดๆ
บัดนี้ใกล้ถึงบทอวสานของเครื่องยนต์โบราณแล้วละครับ เมื่อเครื่องยนต์ใช้เซลล์เชื้อเพลิง จำพวกไฮโดรเจน ออกซิเจน หรือแม้กระทั่งน้ำเกลือ (ขานี้มาจากเยอรมนี) ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงพลังงานทางเคมี เป็นพลังงานไฟฟ้า หรือความร้อน เพื่อขับเคลื่อนพาหนะ โดยมีประเทศต่างๆ ขะมักเขม้นพัฒนาออกมาให้ใช้ได้จริง ทีเด็ด คือ บริษัท โตโยตา ของญี่ปุ่น งัดไม้ตาย อนุญาตให้ค่ายรถอื่นใช้นวัตกรรมของตนฟรีๆ ผมพอจะมองออกว่า พี่แกหาแนวร่วม เพื่อรับมือกับการต้านทานของค่ายน้ำมัน โตโยตา ไม่อยากตกเป็นเป้าโดดๆ หลักแหลมจริงๆ แต่ยังไงชาวโลกก็ต้องขอขอบคุณ
ตามมาติดๆ ด้วยคดีความที่น่าสนใจ งวดนี้เป็นมุกของบริษัทประกัน และผลพวงของการเมาแล้วขับ ซึ่งแง่นี้หลายคนอาจไม่รู้
"นายละมุด" ชื่อส่อเค้า ขับรถยนต์จ่อท้ายคันที่ "นายกระดอน" ขับอยู่ข้างหน้า ซึ่งถือว่าผิดกฎจราจร ทว่าคนมองข้าม แล้วเกิดเหตุจนได้ รถของ นายละมุด ไปทิ่มบั้นท้ายรถของ นายกระดอน จนเสียหลัก ไถลไปชนชาวบ้านที่เดินอยู่บนฟุตบาท เจ็บสาหัส 2 ราย
คดีไม่พลิก ตำรวจพบว่า นายละมุด ขับรถเร็ว และเมาอีกต่างหาก เข้าใกล้ได้กลิ่นละมุดชัดเจน วัดปริมาณแอลกอฮอลแล้วเกิน แกโดนฟ้องเอาผิดทางอาญาไปแล้ว เรื่องค่าเสียหาย นายละมุด กลับใจเย็น ถือว่ามีประกันชั้นหนึ่ง ทำไว้กับ "บริษัท จ่ายเต็มประกันภัย จำกัด" ชื่อน่าคบ บริษัทก็โอเคใช้ได้ รับหน้าเสื่อจ่ายค่าซ่อมรถให้ นายกระดอน ไปนับแสนบาท จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้คนเจ็บรวมแล้วเป็นแสนเหมือนกัน นายละมุด รอดตัว ไม่ต้องทะเลาะกับผู้เสียหาย
แต่ที่ไม่รอด คือ บริษัทประกันหันมาฟ้อง นายละมุด เป็นคดีแพ่ง บังคับเอาเงินที่บริษัทจ่ายให้ผู้เสียหายทั้งหลายแหล่ไปแล้ว พร้อมดอกเบี้ย นายละมุด มึนทั้งๆ ที่ไม่ได้ดวดเหล้า ร้องว่า
"อุตส่าห์เสียตังค์ ซื้อประกันชั้นหนึ่ง เกิดอะไรขึ้นมา ใครๆ ก็รู้ว่าบริษัทต้องรับภาระแทน อ้าว จ่ายไปแล้ว ทะลึ่งมาฟ้องเรา เรียกเงินที่จ่ายทุกบาททุกสตางค์ มั่วนิ่มนี่หว่า อีแบบนี้ซื้อประกันไว้ทำแมวอะไร" ว่าแล้ว นายละมุด ก็จ้างทนาย สู้คดี ขอให้ยกฟ้องโจทก์เสียเถิด
ศาลชั้นต้นนั่งหน้าเฉยบนบัลลังก์ตามธรรมเนียม พิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้องให้ นายละมุด ได้เฮ
โจทก์ คือ บริษัท จ่ายเต็มประกันภัย ฯ ยื่นอุทธรณ์ เพื่อเอาชนะให้ได้
ศาลอุทธรณ์อ่านเฉพาะสำนวน ไม่ต้องเจอหน้าใคร แล้วพิพากษากลับ บังคับให้ นายละมุด จ่ายเต็มตามฟ้อง
จำเลย คือ นายละมุด บ่นอุบ คดีแบบนี้แพ้ได้ยังไง ทำไมจะต้องจ่ายเงินให้บริษัทประกัน ในเมื่อเราซื้อประกันเขาแท้ๆ ว่าแล้วก็ให้ทนายยื่นฎีกา ลุ้นยกท้ายด้วยความเซ็ง
ศาลฎีกาเหล่ดูสำนวนคดีนี้แล้วชี้ขาดออกมา โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุน ตามปกติบริษัทต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทน ในนามคนซื้อประกัน เมื่อคนซื้อประกันต้องรับผิด สำหรับความเสียหายที่เกิดกับบุคคลภายนอก เมื่อ นายละมุด คนซื้อประกัน ทำละเมิดต่อ นายกระดอน และคนเจ็บ บริษัทประกันจึงมีหน้าที่จ่ายค่าเสียหาย จะเอาข้อตกลงใดๆ ในระหว่างบริษัทกับคนซื้อประกันที่ทำไว้ ไปบอกปัดความรับผิดต่อคนภายนอกไม่ได้หรอก ครั้นเมื่อบริษัทประกันจ่ายไปแล้ว และพบว่า นายละมุด ทะลึ่งขับรถขณะเมา มีปริมาณแอลกอฮอลในเลือดไม่น้อยกว่า 150 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์ จึงเข้าลอค ตามเงื่อนไขที่มีในสัญญาประกัน ยกเว้นไว้ บริษัทประกันไม่ต้องรับผิด แต่เมื่อบริษัทจ่ายให้คนภายนอกไปแล้ว นายละมุด ก็ต้องเป็นธุระ ใช้เงินนั้นคืนให้บริษัท เขาไม่ได้ฟ้องมั่วหรอก นายละมุด เอ๋ย
ศาลฎีกาจึงทนเมื่อยอีกหน พิพากษายืน ตามที่ศาลอุทธรณ์ว่าไว้ ให้ นายละมุด แพ้คดี ไม่มีทางดิ้น ทำประกันแล้วดีกว่าไม่ทำนิดหนึ่ง ไม่โดนผู้เสียหายไล่บี้โดยตรง แต่สรุบแล้ว นายละมุด ต้องรับเหมา จ่ายเต็ม
กรมธรรม์ประกันภัย หรือเรียกให้มันง่ายว่า สัญญาประกัน กฎหมายยอมให้บริษัทกำหนดข้อยกเว้น ไม่ต้องรับผิด ถ้าคนซื้อประกันทำผิดเงื่อนไขต่างๆ ในจำนวนนี้มีเรื่อง "เมาแล้วขับ" ด้วยนะ ดูกรณีของ นายละมุด เป็นตัวอย่างละกัน
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3254/2556
เรื่องโดย : ณรงค์ นิติจันทร์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2558
คอลัมน์ Online : รู้ไว้ใช่ว่า
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/13300