เรื่องเด่นจาก GADGET/HOW IT WORKS
ยินดีต้อนรับสู่ยุคปฏิวัติยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ
หลังจากชั่วโมงทำงานอันยาวนาน คุณกำลังมุ่งหน้ากลับบ้านบนทางด่วนที่แน่นขนัดอย่างเคย ท่ามกลางรถที่วิ่งเบียดเสียดกันจนอึดอัด ฟ้ามืดลงเรื่อยๆ คุณไม่รู้ว่าจะสามารถเปลี่ยนเลนได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ อยากจะแซง แต่ก็ไม่มั่นใจ คุณจะทำอย่างไร ?เอาล่ะ หากคุณกำลังใช้รถรุ่นล่าสุดที่ขับเคลื่อนได้ด้วยตนเอง คุณก็แค่กดปุ่มเริ่มทำงาน ระบบเซนเซอร์ของรถและกล้องวีดีโอจะตรวจสอบสภาพถนนและการจราจรโดยรอบ เพื่อให้ระบบสมองกลได้ประเมินข้อมูล หลังจากนั้นรถยนต์จะเริ่มเคลื่อนที่ด้วยตัวเองไปยังอีกเลนหนึ่ง เพิ่มความเร็วมากขึ้น แซงรถเป้าหมายอย่างปลอดภัย ถูกกฎจราจร ก่อนกลับเข้าสู่เลนเดิมอย่างนุ่มนวล ขณะนั่งอยู่ในรถ คุณจะได้อารมณ์แบบ JAMES BOND สุดๆ ด้วยระบบที่รับมือกับอุปสรรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น หากรถบรรทุกที่วิ่งอยู่ข้างหน้าคุณ เกิดทำสินค้าตกเกลื่อนถนน คุณตกใจ และเตรียมจะแตะเบรค แต่ก็พบว่ารถของคุณได้หยุดวิ่งด้วยตัวเองแล้ว เพราะระบบสามารถรับรู้ถึงอันตรายล่วงหน้าได้ คลายความวิตกกังวล ช่วยชีวิตคุณ หรืออย่างน้อยก็ช่วยให้คุณไม่ต้องเสียค่าซ่อมรถแพงๆ โดยปกติ สิ่งที่คุณอยากทำเมื่อขับรถถึงบ้าน คือ การเข้าบ้านและพักผ่อน แต่หากเพื่อนบ้านของคุณดันผ่าจอดรถเอสยูวี ขนาดพอๆ กับรถถัง ถัดจากรถภรรยาของคุณ ทำให้คุณเหลือพื้นที่จอดเท่าแมวดิ้นตาย แถมทักษะการจอดรถในที่แคบของคุณก็ไม่ได้ดีนัก เหตุการณ์นี้คงทำให้คุณหงุดหงิดเอามากๆ แต่อย่ากังวลไปเลย เพราะเพียงแค่กดปุ่มจอดรถอัตโนมัติ คุณก็สามารถปล่อยมือจากพวงมาลัย นั่งทอดอารมณ์ และปล่อยให้รถเคลื่อนที่เข้าจอดด้วยตัวมันเองได้อย่างสบาย แต่เดี๋ยวก่อน คุณลืมโรงจอดรถไปหรือเปล่า มันไม่ใช่แค่ที่ที่มีไว้สำหรับหมักเหล้าดื่มเองเท่านั้นนะ ทำไมคุณไม่จอดรถไว้ในนั้นสักคันล่ะ หรือคุณกังวลว่าการลงจากรถหลังจากเข้าจอดแล้วจะทำกระจกมองข้างเป็นรอย ถ้าอย่างนั้น คุณแค่ลงจากรถตั้งแต่หน้าโรงจอดรถ กดปุ่มสั่งการผ่านแอพพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือของคุณ และปล่อยให้รถเข้าไปจอดอย่างปลอดภัยด้วยตัวเอง หลังจากนั้นคุณก็แค่ปิดประตูโรงจอดรถ เดินชิลล์ ๆเข้าบ้าน และหาอะไรเย็นๆ ดื่มให้หายเหนื่อย ไม่กี่ปีก่อน สิ่งที่พูดมานี้คงฟังดูเหมือนหลุดออกมาจากภาพยนตร์เรื่อง KNIGHT RIDER แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีเหล่านี้ได้เกิดขึ้นแล้ว หรือไม่ก็ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์ในอีกไม่ช้า ในอนาคต รถยนต์ไร้คนขับจะสามารถพาคุณไปส่งที่ร้านอาหาร หรือสนามฟุตบอล แล้วพาตัวเองไปจอดนอกเมือง ก่อนจะกลับมารับคุณในภายหลังได้แบบไม่มีอะไรติดขัด นอกจากนั้น คุณยังสามารถเดินทางบนรถส่วนตัวได้ โดยไม่ต้องจับพวงมาลัยเลยสักนิด จะนั่งสบายๆ ข้างหลังเพื่อใช้แลพทอพทำงาน อ่านนิตยสารเล่มล่าสุด หรือกระทั่งนอนพักผ่อนตลอดระยะทาง 160 กม. ขณะที่รถพาคุณเคลื่อนที่ไปอย่างปลอดภัย โดยระบบคอมพิวเตอร์ในรถยนต์ทำหน้าที่ดูแลทุกอย่าง เทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพียงเพื่อเอาใจคนชอบสิ่งประดิษฐ์เจ๋งๆ เท่านั้น เพราะมันคือ ก้าวหนึ่งของวิวัฒนาการทางสังคม ซึ่งประกอบด้วยหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล โรงงานผู้ผลิตรถ บริษัทซอฟท์แวร์ต่างๆ รวมถึงบริษัทประกันอีกด้วย ที่สำคัญ มันจะทำให้ซิงเกิลสุดฮิทของ CHRIS REA กลายเป็นเพลงเชยๆไปเลย เพราะบรรยากาศการขับรถกลับบ้านช่วงคริสต์มาสจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ช่วงปีหลังๆ มานี้ เทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยตนเองเติบโตอย่างรวดเร็ว ตอนนี้มูลค่าทางธุรกิจสูงถึงหลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ รายงานจากการสำรวจตลาดเปิดเผยว่า อุตสาหกรรมนี้จะเติบโตขึ้นอีก 15.6 เปอร์เซนต์/ปี ในทศวรรษหน้า และจะมีมูลค่าโดยประมาณ 41.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2025 ดร. สจวร์ท เอ บีร์เรลล์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ด้านวิศวกรรม แห่งมหาวิทยาลัยวอร์วิค กล่าวว่า "ยอดการลงทุนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับสูงขึ้นมากใน 2-3 ปีที่ผ่านมา" "การลงทุนที่เพิ่มขึ้น เกิดจาก 2 เหตุผลหลักๆ คือ หนึ่ง ความสะดวกสบาย เห็นได้จากการที่ เมร์เซเดส-เบนซ์ และค่ายอื่นๆ ต่างเจริญรอยตาม เทสลา ในด้านความหรูหรา สอง คือ เรื่องความปลอดภัย ยอดผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางท้องถนนเพิ่มขึ้นในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้ โวลโว และค่ายอื่นๆ เล็งเห็นว่าเทคโนโลยียานยนต์อัตโนมัติน่าจะเป็นหนทางแก้ปัญหานี้ได้

ความเคลื่อนไหวของค่ายรถยนต์
ผู้ผลิตรถชั้นนำส่วนใหญ่ เช่น โวลโว นิสสัน เมร์เซเดส-เบนซ์ ค้นคว้าหาข้อมูลอย่างหนัก และลงทุนมหาศาล เพื่อสร้าง ยานยนต์ไร้คนขับ ร่วมกับบริษัทซอฟท์แวร์ยักษ์ใหญ่อย่าง กูเกิล และผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอื่นๆ รถของ เทสลา ส่วนใหญ่พร้อมจำหน่ายแล้ว ในรูปแบบ SEMI-AUTONOMOUS หรือกึ่งอัตโนมัติ ส่วนชนิดอัตโนมัติเต็มรูปแบบอยู่ในขั้นตอนท้ายๆ และน่าจะแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้ กูเกิลได้ทำการทดสอบรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติของตัวเองไปบ้างแล้วบนถนนสาธารณะ ในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี 2012 ส่วนค่ายยักษ์ใหญ่จากสวีเดนอย่าง โวลโว ก็ได้วางแผนทดสอบบนถนนสาธารณะในลอนดอนปีหน้า จริงๆ แล้ว โวลโว ได้ทำการทดสอบไปเมื่อปี 2014 ที่สวีเดน แต่โครงการ DRIVE ME LONDON ในครั้งนั้น ทำอะไรเกินควรไปหน่อย โดยให้ครอบครัวผู้เข้าร่วมโครงการ หลายๆ ครอบครัวได้ทดลองขับรถแบบขับเคลื่อนสาธารณะบนถนนจริงๆ รุ่น เอกซ์ซี 90 ที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว พร้อมกับรุ่น เอส 90 และ วี 90 ที่ติดตั้งระบบ SEMI-AUTONOMOUS คล้ายกับผู้ช่วยนักบิน ที่ช่วยให้รถยนต์เร่งความเร็ว หยุดรถและทรงตัวอยู่ในเลนของตัวเองได้ด้วยความเร็วไม่เกิน 128 กม./ชม. ระบบเตือนการชนกระแทก พร้อมกับการเบรคโดยอัตโนมัติหากจะมีการชนหรือกระแทก แถมยังมีระบบตรวจจับสัตว์ใหญ่ เช่น กวาง ช่วยให้หลีกเลี่ยงการชนกับพวกมันได้ โวลโว กล่าวว่า รถอัตโนมัติเต็มรูปแบบ อยู่ในขั้นตอนดำเนินการสร้างไปอย่างช้าๆ และคาดว่าจะออกมาโลดแล่นบนถนนในอีก 5 ปีข้างหน้า โฆษกของ โวลโว กล่าวว่า ในขณะที่รถแบบ SEMI-AUTONOMOUS หรือกึ่งอัตโนมัติ ยังเป็นระบบที่ผู้ใช้ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด อีกนัยหนึ่ง คือ ผู้ขับขี่ยังต้องควบคุมรถด้วยตนเอง โวลโว ก็กำลังผลิตรถที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติอย่างเต็มรูปแบบ และจะทดสอบความสามารถของรถยนต์ชนิดนี้ ในพโรเจคท์ DRIVE ME ที่โกเทนเบิร์ก ลอนดอน และจีน ในอีก 2 ปี ในปี 2013 เมร์เซเดส-เบนซ์ เป็นบริษัทผลิตรถรายแรก ที่นำรถขับเคลื่อนด้วยตนเองอย่างเต็มรูปแบบลงทดสอบบนทางด่วนและถนนในเมือง เพื่อย้อนรอยเส้นทางของ เบอร์ธา ภรรยาของ คาร์ล เบนซ์ ผู้ก่อตั้งบริษัท ที่ขับรถจากเมืองมันไฮม์ ไปเมืองพฟอร์ซไฮม์ เมื่อ 125 ปีที่แล้ว ระหว่างการขับรถต้องจัดการแก้ปัญหา และเผชิญสถานการณ์ซับซ้อนมากมาย รวมถึง สัญญาณจราจร วงเวียน คนเดิน คนขี่จักรยาน และรถราง 3 ปีต่อมา เมร์เซเดส-เบนซ์ ได้ผลิตรถรุ่น อี-คลาสส์ ที่มีจุดเด่น คือ ลูกเล่นอันหลากหลายของระบบ SEMI-AUTONOMOUS รถสามารถจอดเองได้ในที่แคบ หรือในโรงจอด โดยสั่งการผ่านแอพพลิเคชันบนมือถือจากนอกตัวรถ อีกทั้งยังสามารถเบรคอย่างรวดเร็วหากเกิดเหตุการณ์อันตราย ยิ่งไปกว่านั้น เมร์เซเดส-เบนซ์ ยังได้ทดลองรถรุ่น เอฟ 015 ที่มีระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ แถมคุยโวว่า รถยนต์คนนี้ขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเองโดยปราศจากการควบคุมของมนุษย์ มีจุดเด่นมากมาย เช่น สามารถหยุดรถหากพบว่ามีคนเดินอยู่บนถนน และสามารถใช้เลเซอร์หาทางม้าลายที่อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะประกาศเชิญให้คนข้ามไปก่อนผ่านลำโพงนอกตัวรถ ดร. มิคาเอล ฮาฟเนร์ DIRECTOR DRIVER ASSISTANCE SYSTEMS AND ACTIVE SAFETY ของ เมร์เซเดส-เบนซ์ กล่าวว่า "จุดประสงค์ คือ แสดงให้คนเห็นว่า รถยนต์จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างเมื่อไม่ต้องอาศัยคนเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนอีกต่อไป และจากการเปรียบเทียบรถรุ่นนี้กับ อี-คลาสส์ ตัวใหม่ เห็นได้ชัดว่ายังมีอีกหลายอย่างที่ต้องปรับปรุงก่อนจะนำออกสู่ตลาด" วิวัฒนาการของเทคโนโลยียานยนต์ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2559 รถขับเคลื่อนด้วยตัวเองของ กูเกิล ได้พยายามหลบหลีกถุงทรายที่กีดขวางบนถนน แต่การซ้อมขับนี้จบลงด้วยการชนเข้ากับรถบัส ยังไม่รวม โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2559 ที่คนขับรถ เทสลา โมเดล เอส เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ในขณะที่ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติกำลังทำงาน ถือเป็นการเสียชีวิตครั้งแรกจากการใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติเตรียมการรองรับ
เทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติ พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด เห็นได้ชัดว่าปัจจัยเกี่ยวข้องไม่ได้มีเพียงแค่ ถนน หรือโครงสร้างพื้นฐานของเมือง แต่ยังรวมถึง เรื่องของประกันและกฎหมายบนท้องถนน ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา กรมการขนส่งได้มีการปรึกษาหารือเพื่อเตรียมปูทางให้กับรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตนเอง ให้ได้รับความคุ้มครอง เมื่อวิ่งอยู่บนถนนในสหราชอาณาจักร ข้อปฏิบัติต่างๆ ในการขับขี่จะถูกกำหนดขึ้นอีกทีเพื่อรองรับรถยนต์ชนิดนี้ มีหลายโครงการที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อวิเคราะห์ว่า จะผสมผสานเทคโนโลยีนี้ ให้เข้ากับการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างไร หนึ่งในโครงการเหล่านั้น คือ GATEWAY PROJECT ในเมืองกรีนิช โครงการ ?8m ซึ่งก่อตั้งขึ้นเพื่อทำความเข้าใจ และจัดการปัญหาเฉพาะด้าน เช่น กฎหมาย และความท้าทายในสังคมกับการใช้รถขับเคลื่อนอัตโนมัติ โดยการทดลองจะเกิดขึ้นในปีนี้ที่ UK SMART MOBILITY LIVING LAB ซึ่งเราจะได้เห็นรถยนต์ไฟฟ้าอัตโนมัติเต็มรูปแบบออกเดินทางไปรอบๆ เมืองกรีนิช "ยังมีอีกหลายขั้นตอน และหลายระบบที่จะต้องปรับปรุงให้เข้ากับรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ" ศาสตราจารย์ นิค รีด หัวหน้าโครงการ GATEWAY กล่าว "โดยเฉพาะเรื่องของประกันภัยและขอบเขตการควบคุมความเหมาะสมในการใช้งาน ต้องมีวิธีการเก็บข้อมูล การเปรียบเทียบ การวิเคราะห์ และการเปิดเผยข้อมูลที่จำเป็นด้วย" เรามักจะได้ยินข้อแก้ตัวของบริษัทประกันภัย ที่พยายามหาว่าใครทำอะไร เก็บข้อมูลต่างๆ และได้แต่หวังว่าประกันของคุณ หรือของอีกฝ่ายจะไม่หาทางหลีกเลี่ยงการยอมรับความผิด แต่ลองจินตนาการดูว่า มันจะดีขนาดไหน หากเรามีไมโครชิพติดอยู่ที่ล้อรถ ใครจะเป็นคนถูกตำหนิ และเบี้ยประกันของคุณจะได้รับผลกระทบจากความฉลาดของรถยนต์หรือไม่ สมาคมประกันภัยในสหราชอาณาจักร กำลังดำเนินการตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการยอมรับยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ เจมส์ ดาลทัน ผู้เชี่ยวชาญด้านการประกันภัย กล่าวว่า เทคโนโลยีรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตนเอง เป็นการพัฒนาครั้งใหญ่ที่สุดในด้านความปลอดภัยบนท้องถนน นับตั้งแต่มีการใช้เข็มขัดนิรภัย และบริษัทประกันก็สนับสนุนการพัฒนาทางด้านนี้อย่างเต็มกำลัง แต่ก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย เพราะความสะดวกต่างๆ เช่น การมีระบบหยุดรถโดยอัตโนมัติ และระบบช่วยเปลี่ยนเลน อาจจะทำให้ผู้ขับขี่ประมาท เพราะเชื่อว่ารถยนต์สามารถดูแลพวกเขาได้ จริงๆ แล้ว หากรถยนต์ยังไม่มีระบบอัตโนมัติโดยสมบูรณ์ และสามารถตอบสนองอย่างเหมาะสมได้เองในสถานการณ์ฉุกเฉิน คนขับก็ต้องพร้อมที่จะควบคุมรถอยู่เสมอสมอง หรือหัวใจ ?
แน่นอนว่า รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติเป็นการพัฒนาที่ท้าทายกว่าเทคโนโลยีอื่นๆ และยังมีประเด็นเรื่องหลักจริยธรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง จะเกิดอะไรขึ้นหากคุณเดินทางพร้อมกับลูกที่นั่งอยู่ข้างหลัง รถของคุณกำลังพุ่งตัวเข้าหากลุ่มคนนับสิบ แล้วรถยนต์ที่ไร้อารมณ์และความรู้สึก ก็ตัดสินว่า การสละชีวิตคนเพียง 2 คน ดีกว่าการสูญเสียคนเป็นสิบ คำถามนี้ถูกตั้งขึ้นโดย ดร. อาซิม ชาริฟฟ์ นักจิตวิทยา แห่งมหาวิทยาลัยโอเรกอน และเพื่อนร่วมงานชื่อ อิยาด ราห์วัน และชอง-ฟรองซัวส์ บอนน์ฟอน ระหว่างการศึกษาเรื่องภาวะยากลำบากของรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ โดยพบว่าผู้คนส่วนใหญ่คิดว่า รถจะลดปริมาณจำนวนคนตาย หรือได้รับบาดเจ็บให้เหลือน้อยที่สุด แม้จะต้องสูญเสียคนขับก็ตาม แต่พวกเขาก็อาจจะยังซื้อรถยนต์ที่ถูกติดตั้งพโรแกรมเหล่านั้นอยู่ ดร. ชาริฟฟ์ กล่าวว่า "มันทั้งน่าแปลกใจ ในมุมมองหนึ่ง และไม่น่าแปลกใจเลย หากมองจากอีกมุม เป็นเรื่องธรรมดาที่มนุษย์หาวิธีที่จะปกป้องตนเอง หรือลูกๆ จากคนแปลกหน้า" เขากล่าวเสริม "เราจะเห็นว่าบรรทัดฐานของสังคมนั้นเปลี่ยนไป ซึ่งมันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว เช่น การมีอคติกับบุหรี่ หรืออะไรที่เบากว่านั้น เช่น การกินมังสวิรัติ การใช้เสื้อขนสัตว์ และรถยนต์ติดตั้งปัญญาประดิษฐ์ซึ่งคำนึงถึงผลกระทบส่วนรวม ก็เคยเป็นกระแสเหมือนกัน บางทีคนเราก็เปลี่ยนแปลงมุมมองที่มีต่อผลิตภัณฑ์ต่างๆ ไปตามแรงกดดันด้านจริยธรรมของสังคม" ในการถกเถียงถึงข้อดีข้อเสียของรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ เบน คอลลินส์ หรือที่เรารู้จักกันในนาม THE STIG จาก BBC’S TOP GEAR ให้เหตุผลว่า การใช้รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ จะทำให้เราสูญเสียหัวใจ และความสนุกในการขับขี่ไป "การขึ้นรถและผ่อนคลาย หรือได้ทำงานกับคอมพิวเตอร์ของคุณ เป็นสิ่งที่ดีสุดๆ แต่ถ้าคุณอยากทำอย่างนั้น ก็แค่ขึ้นรถไฟเท่านั้นเอง" คอลลินส์ กล่าว ในฐานะชายผู้ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่หลังพวงมาลัย เขาเข้าร่วมรายการแข่งขันรถยนต์ตั้งแต่ปี 1994 ทั้งประเภท FORMULA THREE, INDY LIGHTS TO SPORT CAR, GT RACING และ STOCK CARS อีกทั้งยังเป็นผู้แสดงแทนในฉากขับรถยนต์ที่เสี่ยงอันตรายในหนังเรื่อง JAMES BOND ตอน SKYFALL และ SPECTRE อีกด้วย "ความสนุกในการขับรถกำลังลดลงไปเรื่อยๆ นักบินจะบอกคุณว่า เขาชอบบินไปกับเครื่องบินแบบเดิม ที่มีคันบังคับอยู่ระหว่างขา มากกว่าอุปกรณ์ไฮเทคมีสายระโยงระยาง การขับรถก็เหมือนกัน เราจะสูญเสียความหลงใหลในการขับ เมื่อเทคโนโลยีเข้ามามากขึ้น เพราะมันหมดความสนุก" แต่ ดร. ฮาฟเนร์ ไม่เห็นด้วย "แผนการ คือ ทำสิ่งที่เราจะไม่สนุกไปกับมันให้เป็นระบบอัตโนมัติ ที่หลายๆ คนสนุกไปกับการขับขี่ เพราะพวกเขาแทบไม่ต้องเผชิญกับปัญหารถติด การจอดรถ หรือถนนที่น่าเบื่อเลย ลองเปรียบเทียบกับการเล่นสกี คุณสนุกตอนที่ดิ่งลงมา แต่นั่งกระเช้าอัตโนมัติขึ้นไปบนยอดเขา ดังนั้น เราเชื่อว่าในอนาคต ระบบอัตโนมัติควรถูกนำมาให้เลือกใช้ เมื่อผู้ใช้รถเห็นควร"ประเภทของยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง
นี่เป็นเทคโนโลยีแบบใหม่ ดังนั้นคุณอาจจะต้องการตัวช่วยในการแปลคำศัพท์เกี่ยวกับชนิดของมัน AUTONOMOUS ยานยนต์อัตโนมัติ สามารถเร่งความเร็ว หยุดรถ และควบคุมทิศทางได้เองโดยปราศจากการควบคุมโดยมนุษย์ กลุ่มบริษัทผู้ผลิตรถยนต์แนวหน้ามีเป้าหมายที่จะผลิตรถยนต์ชนิดนี้ให้ได้ในอนาคต SEMI-AUTONOMOUS ยานยนต์กึ่งอัตโนมัติ สามารถหยุดรถโดยอัตโนมัติ เปลี่ยนเลน หรือจอดรถด้วยตัวเอง แต่ทั้งหมดนี้ยังต้องถูกควบคุมโดยผู้ขับขี่ DEEP LEARNING ยานยนต์ติดตั้งปัญญาประดิษฐ์ ที่สามารถเรียนรู้ จดจำประสบการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อที่จะตัดสินใจได้ในอนาคต รถที่มีปัญญาประดิษฐ์นี้ จะสามารถคำนวณได้ว่าควรจะปฏิบัติอย่างไร ในสถานการณ์จำเพาะที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว UTILITARIAN CAR ยานยนต์ที่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม ในระหว่างที่เกิดสถานการณ์อันตราย รถจะคำนวณความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น และเลือกทางที่เสียหายน้อยที่สุด แม้ว่าจะทำให้ผู้ขับขี่เสียชีวิตก็ตามเมืองทันสมัยสำหรับยานยนต์อัตโนมัติ

1. ไม่ต้องมีที่จอดรถ
คุณสามารถกำหนดตารางให้รถมาส่ง หรือรับคุณที่จุดหมาย ที่จอดรถไม่จำเป็นอีกต่อไป เพราะรถจะแค่ส่งคุณลง และกลับมารับในภายหลัง2. ลดความยุ่งเหยิง
โบกมือลาสัญญาณจราจร ป้ายบอกทาง และเส้นทึบสีเหลืองบนถนนได้เลย เพราะรถยนต์จะสื่อสารกับระบบบริหารการจราจรโดยตรง และไม่ต้องพึ่งสัญญาณไฟเขียว เพื่อบ่งบอกว่าออกตัวได้แล้วอีกต่อไป3. มลพิษน้อยลง
รถขับเคลื่อนด้วยตัวเองจะทำให้เมืองสะอาดมากขึ้น เมื่อความแออัดของรถน้อยลง มลพิษก็ลดลงไปด้วย4. ระบบขนส่งสาธารณะอัตโนมัติ
เมร์เซเดส-เบนซ์ ได้เปิดตัว รถบัสขับเคลื่อนด้วยตัวเองในเมืองอัมสเตอร์ดัม ในอนาคตแต่ละเมืองจะเชื่อมต่อระบบเข้าด้วยกัน รถยนต์สามารถไปส่งคุณที่สถานีรถไฟ เพื่อจะเดินทางต่อไปยังที่ต่างๆ ได้5. ถนนเล็กลง
ระบบคอมพิวเตอร์ของยานยนต์อัตโนมัติจะสื่อสารกันเองเกี่ยวกับระบบจราจรได้ง่ายกว่าการควบคุมโดยมนุษย์ นั่นแปลว่า เราจะไม่ต้องมีถนนหลายๆ เลนก็ได้ ลดการใช้ยางแอสฟัลท์ ทำให้เมืองสะอาดมากขึ้น6. เมืองสำหรับคน
ดินแดนในอุดมคติของรถขับเคลื่อนด้วยตัวเอง คือ การที่มีถนนน้อยลง มีระบบขนส่งที่ก้าวหน้ามากขึ้น ทำให้มีพื้นที่กว้างขวางสำหรับการเดินสวนสาธารณะ และห้างสรรพสินค้าเกณฑ์การตัดสิน เป็น หรือตาย

สมองใต้ฝากระโปรงรถ

ติดตั้งกล้องวีดีโอ
กล้องวีดีโอ มีไว้สำหรับอ่านสัญลักษณ์, จับภาพสัญญาณไฟ และเฝ้าระวังรถคันอื่น รวมถึงคนเดินถนน และสิ่งกีดขวางเรดาร์ และเซนเซอร์
เรดาร์ และเซนเซอร์ ในจุดต่างๆ บนตัวรถ จะติดตามสิ่งต่างๆ รอบตัว และจัดกลุ่ม พร้อมประเมินข้อมูลไม่ว่าจะมีรถ หรือสิ่งกีดขวาง หรือไม่ก็ตามแสงเลเซอร์ตรวจค้นหา
LIDAR (LIGHT DETECTION AND RANGING) ใช้แสงเลเซอร์ในการจับสิ่งต่างๆ รอบตัวรถ แสงจะส่องไปยังวัตถุนั้นๆ และสะท้อนกลับมาเพื่อวัดระยะห่างกับตัวรถ รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตนเองของ กูเกิล ใช้ LIDAR อย่างกว้างขวาง เวลาที่มนุษย์นั่งอยู่หลังพวงมาลัย พวกเขาจะใช้สายตา หู และสมอง ในการประเมินสิ่งกีดขวาง รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติก็ไม่ต่างกัน เทคโนโลยีนี้ ประกอบด้วยเซนเซอร์หลายๆ ตัวเพื่อรวบรวมข้อมูลจากการใช้แสงและคลื่นเสียง รวมทั้งกล้องวีดีโอที่จะคอยจับภาพสิ่งต่างๆ บนถนน แต่สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะไม่มีประโยชน์เลยหากไม่มีสมองกลมาประมวลผล อย่างไรก็ตาม ระบบคอมพิวเตอร์หลักจะติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มาจากเซนเซอร์หลายๆ ตัว และปรับเปลี่ยนการเคลื่อนที่ของรถ โดยอาจจะเร่งความเร็ว หรือหยุดรถตามข้อมูลที่ได้รับมา ความสามารถของซอฟท์แวร์ที่มากกว่าความสามารถของเซนเซอร์ จะเป็นตัวตัดสินว่าเราจะพัฒนาได้รวดเร็วแค่ไหน จากระบบขับเคลื่อนกึ่งอัตโนมัติ ไปสู่ระบบที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบ "นี่เป็นความคิดสร้างสรรค์ที่น่าสนใจมาก" ดร. บีร์เรลล์ แห่งมหาวิทยาลัยวอร์วิค กล่าว "ฮาร์ดแวร์ของรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติได้ทำออกมาแล้วนับสิบปี แต่เรื่องของระบบจะต้องอาศัยข้อมูลจำนวนมาก รวบรวมเข้าด้วยกัน และศึกษาพัฒนาขั้นตอนต่างๆ ในรถที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตนเองจะเกิดขึ้นจากการพัฒนาซอฟท์แวร์ และขั้นตอนการผลิต"เทสลา โมเดล เอส

เมร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาสส์

โวลโว เอกซ์ซี 90

เอาดี เอ 8

นิสสัน กัชไก พร้อมระบบช่วยขับ

โรลล์ส-รอยศ์ 103 อีเอกซ์

ABOUT THE AUTHOR
G
GADGET MAGAZINE
ภาพโดย : GADGET MAGAZINEนิตยสาร 417 ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2559
คอลัมน์ Online : เรื่องเด่นจาก GADGET/HOW IT WORKS