เรื่องเด่นจาก GADGET/HOW IT WORKS
รอรถไฟฟ้าไม่ไหว ซื้อรถไฮบริด ดีไหม ?
เทสลา กำลังสร้างรถพลังไฟฟ้าสุดเทพ แต่คุณอาจต้องอยู่กับรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงแบบลูกผสมไปอีกสักพักเป็นที่แน่นอนแล้วว่า ไฟฟ้า จะกลายเป็นพลังงานในอนาคตสำหรับรถยนต์ เนื่องจากวัตถุดิบทางธรรมชาติบนโลกที่ใช้ในการผลิตน้ำมันเบนซินและดีเซลกำลังจะหมดไป ขณะที่ เทสลา และฟาราเดย์ กำลังสร้างสรรค์รถพลังงานไฟฟ้าที่น่าตื่นเต้น แต่โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญยังมีน้อยเหลือเกิน เช่น สถานีชาร์จไฟฟ้าของรถพลังงานไฟฟ้ายังคงหาได้ยาก ถ้าเทียบกับปั๊มน้ำมัน ผู้ผลิตรถยนต์จึงพัฒนาระบบไฮบริด ที่ผสมผสานระหว่างการใช้น้ำมันกับพลังงานไฟฟ้า เพื่อคั่นเวลา ก่อนจะถึงวันที่รถสามารถใช้พลังงานไฟฟ้าได้อย่างเต็มรูปแบบ แต่หลังวันเวลาผ่านมาเกือบ 10 ปี จากวันที่ โตโยตา ปรีอุส รุ่นแรก ถูกเปิดตัวออกมา รถยนต์ไฮบริดจะยังน่าสนใจ และคุ้มค่าต่อการลงทุนหรือไม่ ? บรรดาผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกก็คงคิดเช่นเดียวกัน เพราะทั้ง โตโยตา เลกซัส เรอโนลต์ และฮอนดา ต่างก็มีระบบไฮบริดเป็นตัวเลือกในโชว์รูมกันทั้งนั้น ส่วน โพร์เช รถยนต์หรูมีระดับจากเยอรมนีก็มีระบบไฮบริดในแคทาลอกเช่นเดียวกัน รถยนต์ไฮบริดเป็นที่น่าสนใจอย่างมาก เพราะทั้ง หรู ทันสมัย จนกระทั่ง แฟร์รารี โพร์เช 918 และ แมคลาเรน พี 1 ต่างก็ใช้เทคโนโลยีไฮบริด แม้รายละเอียดอาจจะแตกต่างกันก็ตาม หากคุณมีความต้องการจะช่วยโลกประหยัดพลังงาน หรืออยากจะประหยัดเงินในกระเป๋า รถยนต์ระบบไฮบริด คือ คำตอบของคุณ คุณสามารถเดินทางขึ้นเหนือไป 80 กม./แกลลอน โดยไม่ต้องกังวลกับจุดเติมพลังงาน เพื่อที่จะชาร์จพลังข้ามคืน เพราะรถยนต์ไฮบริดบางคัน เครื่องยนต์สามารถชาร์จไฟให้แบทเตอรีได้ ดังนั้นคุณควรจะมีสักคัน
เครื่องยนต์ระบบไฮบริดทำงานอย่างไร ?
ที่มาของพลังงานขับเคลื่อนรถ โพร์เช พานาเมรา บนท้องถนน 88,967 ปอนด์/79,095 เหรียญสหรัฐฯ porsche.comโพร์เช พานาเมรา เอส อี-ไฮบริด
ครั้งที่ 2 ของ โพร์เช ที่บรรจุระบบไฮบริดลงในรถสุดหรู รถยนต์ที่เป็นที่นิยมให้กลุ่มคนร่ำรวยในประเทศจีน และดูไบมอเตอร์ไฟฟ้า
สิ่งที่เติมเต็มระหว่างเครื่องยนต์กับกระปุกเกียร์ คือ มอเตอร์ไฟฟ้า พลังงานจากมอเตอรไฟฟ้าจะวิ่งผ่านกระปุกเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ 8 จังหวะพลังงานเครื่องยนต์แบบเดิม
พานาเมรา วี 6 ติดตั้งอยู่ในตำแหน่งปกติเหมือนรถทั่วไปเรียกคืนพลังงานขณะขับเคลื่อน
คุณสามารถเรียกคืนพลังงานที่สูญเสียไปในขณะขับรถ โดยเมื่อเหยียบเบรคพลังงานจะถูกนำกลับมายังมอเตอร์ไฟฟ้าอีกครั้งพลังงานด้านหลังคันเร่ง
ขณะออกตัวรถระบบไฮบริดจะให้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นพลังงานขับเคลื่อน และหลังจากนั้นระบบเครื่องยนต์ดั้งเดิมจึงจะทำงานที่สุดจากสองโลกยนตรกรรม
การสอดประสานของการทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากับเครื่องยนต์แบบดั้งเดิม จะเริ่มขึ้นเมื่อเหยียบคันเร่งไปแล้ว 80 %เลือกอาวุธของคุณ
คุณสามารถเลือกได้ระหว่าง E-POWER โหมด หรือ E–CHARGE เพียงแค่กดปุ่มตรงกลางคอนโซลรถยนต์ไฮบริดแต่ละประเภท
เพิ่มกำลังให้เครื่องยนต์แบบดั้งเดิม
แฟร์รารี ไฮบริด ลาแฟร์รารี ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อเพิ่มจาก 160 BHP ไป 790 BHP ด้วยเครื่องยนต์ 12 สูบ (V12) พลังงานจะถูกเรียกคืนไปที่มอเตอร์ไฟฟ้า โดยระบบ KERSทางเลือกในการขับเคลื่อนที่เป็นอิสระจากเครื่องยนต์
ในขณะที่ แมคลาเรน พี 1 โพร์เช 918 และโตโยตา ปรีอุส ไฮบริดตัวดั้งเดิม ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าโดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อน และไร้การปลดปล่อยไอเสีย รถพวกนี้สามารถขับเข้ากรุงลอนดอนได้โดยที่ไม่ต้องเสียค่ารถติด (CONGESTION CHARGE คือ เมื่อขับรถในเวลาเร่งด่วนและรถติด ผู้ขับจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมรถติด เนื่องจากการปล่อยมลพิษบนท้องถนนขณะที่รถติด)เชื้อเพลิงไฮโดรเจนแหล่งพลังงานทางเลือกระบบไฮบริด
ผู้นำอุตสาหกรรมรถยนต์ เช่น เมร์เซเดส-เบนซ์ กำลังสร้างยานพาหนะพลังงานไฮโดรเจนอย่างเต็มรูปแบบ ที่ทำงานโดยใช้ไฮโดรเจนเป็นพลังงานให้เซลล์เชื้อเพลิง (FUEL CELL) ใช้ผสมกับอากาศ เพื่อสร้างพลังงานไฟฟ้า ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีไฮบริด
คู่หูแนวสปอร์ทที่มีประสิทธิภาพ
หากคุณคิดว่าเทคโนโลยีไฮบริดเป็นสิ่งใหม่สำหรับรถยนต์ ขอให้ทบทวนดูใหม่ เพราะการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ทได้ออกกฎการใช้พลังงานทางเลือกของเครื่องยนต์เผาไหม้ภายในมาหลายปีแล้ว ฟอร์มูลา 1 ได้ใช้ระบบ KERS เป็นครั้งแรกในปี 2009 ระบบนี้สามารถกักเก็บพลังงานที่สูญเสียไปในขณะที่รถหยุด และถูกนำกลับมาใช้ โดยสามารถเพิ่มกำลังให้เครื่องยนต์ได้ 80 แรงม้า ภายในเวลาประมาณ 6 วินาที ส่วนในการแข่งขันชิงแชมพ์รถยนต์ทางเรียบ เช่น เลอ มองส์ 24 (รายการแข่งขันรถยนต์ด้วยความเร็วสูงอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 24 ชั่วโมง) รถทุกคันที่อยู่ในระดับต้นๆ จะต้องใช้ระบบไฮบริด เนื่องจากเทคโนโลยีไฮบริดสร้างมิติใหม่ของการแข่งขัน และอุตสาหกรรมยานยนต์ก็ประสบความสำเร็จในการนำระบบดังกล่าวมาใช้กับรถบนท้องถนน เช่น ไฮเพอร์คาร์ แมคลาเรน ดังนั้น ระบบนี้จึงชนะใจทุกคนไฮบริดกับไฟฟ้า แตกต่างกันอย่างไร ?
คุ้มราคา
- น้ำมันเบนซิน เเละดีเซล อาจจะถูกที่สุด เพราะเป็นเช่นนี้มาเกือบ 10 ปีแล้ว เเต่การมีเครื่องยนต์ก็หมายถึง จะมีส่วนประกอบมากขึ้น เเละต้องการการดูเเลที่สม่ำเสมอ - ไม่มีเครื่องยนต์ให้ดูเเล เเต่การชาร์จไฟที่บ้านคุณทุกคืน หรืออาจจะต้องชาร์จในเมืองระหว่างวัน อาจจะมีผลต่อค่าไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้นผลกระทบต่อสิ่งเเวดล้อม
- ในขณะที่ยังมีระบบเผาไหม้ภายในเครื่องยนต์ เเละระบายมลพิษออกมาทางท่อไอเสีย ทำให้ทั้งสิ่งเเวดล้อมเเละตัวเราเองต้องเสี่ยง เทสลา ชี้ว่า มีคนมากถึง 30,000 คน/ปี ต้องเสียชีวิตเนื่องจากมลพิษทางอากาศ - เเน่นอนว่ารถยนต์ระบบไฟฟ้าจะไม่ปล่อยพลังงานที่สร้างความเสียหายให้กับชั้นบรรยากาศ เเต่เเบทเตอรีที่ใช้ในรถนั้นจะเป็นอันตรายต่อสิ่งเเวดล้อมหากทิ้งไม่ถูกที่ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องพิจารณาให้เร็วที่สุดระยะทาง
- พานาเมรา สามารถวิ่งได้ 396 ไมล์ ด้วยน้ำมัน 1 ถัง โดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้ารอบๆ เมือง เรายังทำได้มากกว่านั้นโดยการชาร์จไฟโดยตรง ดีกว่าชาร์จจากเครื่องยนต์ - การทดลองเมื่อฤดูร้อนปี 2015 กับ เทสลา โมเดล เอส สามารถวิ่งได้ 220 ไมล์ ในเมืองเเละบนมอเตอร์เวย์ ก่อนที่จะต้องชาร์จไฟอีกรอบ อย่างไรก็ตาม ได้มีการกักเก็บพลังงานสูญเสียไปในขณะเบรคเเล้วระยะในการชาร์จ
- สามารถชาร์จไฟข้ามคืนได้ เเละยังสามารถทำได้ในขณะเคลื่อนตัวโดยชาร์จจากเครื่องยนต์ ด้วยเทคโนโลยีระดับโลกของ โตโยตา ปรีอุส - ไม่มีเครื่องยนต์ที่จะต้องดูเเล เเต่การชาร์จไฟที่บ้านของคุณอาจส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น เพื่อจะใช้งานรถยนต์ในระยะทาง 160 กม. พลังงานจะต้องมีทั้งหมด 3 KWHพลังงาน
- ระบบไฮบริด เช่น เเมคลาเรน พี 1 แฟร์รารี ลาแฟร์รารี และ โพร์เช 918 สามารถผลิตพละกำลังเกือบ 1,000 แรงม้า และเร่งความเร็วจาก 0-99 กม./ชม. ด้วยเวลาเพียง 2.6 วินาที - รถพลังไฟฟ้าจะมีเเรงต้านที่น้อยกว่า เทสลา โมเดล เอส สามารถเร่งความเร็วจาก 0-99 กม./ชม. ด้วยเวลาเพียง 2.8 วินาทีวิวัฒนาการของระบบไฮบริด
ปี 1898
โลห์เนร์-โพร์เช
เฟร์ดินันด์ โพร์เช สร้างรถยนต์ไฮบริดคันแรกขึ้น โดยใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในเพื่อเเยกเครื่องกำเนิดพลังงานไฟฟ้าที่อยู่เเต่ละล้อปี 1969
จีเอม 512
จากการทดลองรถระบบไฮบริด สามารถเร่งความเร็วสูงสุดได้เเค่ 64 กม./ชม. ด้วยเครื่องยนต์ทรงกระบอกเล็กๆ ทั้งสอง เเละสามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนๆ ด้วยความเร็วสูงสุดแค่ 16 กม./ชม.ปี 1997
โตโยตา ปรีอุส
รถไฮบริดยอดนิยมระดับโลก ที่เปิดตัวครั้งเเรกที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อ 2 ปีก่อนกำหนดเปิดตัวที่่งาน KYOTO GLOBAL WARNING CONFERENCE เป็นรถยนต์ที่สะอาดที่สุดในโลกในด้านการปล่อยควันพิษโพร์เช พานาเมรา เอส อี ไฮบริด
LEE SIBLEY บรรณาธิการนิตยสาร PORSCHE ONLY TOTAL 911 แสดงความคิดเห็นหลังจากได้ทดลองขับ โพร์เช พานาเมรา ไฮบริด บนถนนกว่า 7 วันว่า ในโลกที่รถเพิ่มเร็วขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม โพร์เช ไฮบริด นับเป็นหนึ่งในมหากาพย์ที่ต้องบันทึกไว้ ในฐานะรถที่มีกำลัง 420 แรงม้า น้ำหนัก 2.2 ตัน ขับเคลื่อนได้ 146 กม./แกลลอน ดูผ่านๆ อาจจะไม่มีอะไรแตกต่างจากรถสปอร์ทยาวๆ สำหรับ 4 คนนั่ง แต่นี่คือ รถพลังไฟฟ้า แบทเตอรีถูกจัดวางไว้ใต้ที่เก็บของด้านหลัง ซึ่งมีข้อดี 2 อย่าง คือ ไม่เกะกะ และทำให้จุดศูนย์ถ่วงของ พานาเมรา ต่ำ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก E-MOTOR ที่ โพร์เช เรียกเช่นนั้น อยู่ระหว่างเครื่องยนต์ 6 สูบ และระบบเกียร์อัตโนมัติ ทิพทรอนิค เอส 8 จังหวะ ดังนั้นไม่ว่าคุณจะใช้ E-POWER หรือใช้เครื่องยนต์ 6 สูบ พลังงานจะถูกส่งผ่านกล่องเกียร์ก่อนที่จะถูกส่งไปที่ล้อให้ประสบการณ์แบบดั้งเดิมมากกว่าหากเปรียบเทียบกับรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ อย่าง เทสลา โมเดล เอส ที่ไม่มีกล่องเกียร์ เพราะฉะนั้นพลังงานจึงถูกส่งไปตรงๆ ส่วนพวงมาลัยตกแต่งอย่างหรูหราด้วยหนังวัว และมีระบบเปลี่ยนเกียร์แบบสปอร์ทหรูขนาบอยู่ทั้งสองด้าน หน้าปัดแบบ 5 ช่อง แสดงผลยอดนิยมของ โพร์เช ต่างจากรถคันอื่นๆ บนท้องถนน ทุกๆ เข็มบนหน้าปัดจะเป็นสีเขียว หน้าจอมาตรวัดรอบแสดงให้ผู้ขับรู้ว่า เมื่อไรที่เครื่องยนต์ใช้พลังงานไฟฟ้า และจะใช้อย่างไร ซึ่งนี่เป็นหน้าจอหลักที่เขาใช้มาตลอดทั้งสัปดาห์ที่ทดลองขับ พานาเมรา เมื่อบิดกุญแจเพื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ ไม่มีเสียงหรือการเคลื่อนไหวใดๆ เกิดขึ้น แต่ไฟหน้าของ พานาเมรา จะติดขึ้นทันที พร้อมกับที่เข็มหน้าปัดขึ้นไปยังตำแหน่งของมัน ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น มีแค่ความเงียบ อย่างไรก็ตาม เมื่อ LEE SIBLEY เริ่มขยับเกียร์ กดคันเร่ง 30 % พานาเมรา ก็ออกแล่นไปโดยใช้พลังงานไฟฟ้าได้อย่างน่าประทับใจ แถมล้อใช้ยาง มิเชอแลง ก็เงียบมากๆ การสับเปลี่ยนระหว่าง E-POWER กับเครื่องยนต์ต้องใช้ปุ่ม และเครื่องยนต์ก็สามารถชาร์จพลังงานได้ในขณะที่รถกำลังวิ่ง แต่ทำได้แค่ 12 ไมล์เท่านั้น การที่จะประหยัดโดยใช้พลังงานไฟฟ้าบริสุทธิ์นั้น จะต้องอาศัยการเติมแบทเตอรี ซึ่งคงไม่สะดวกนักสำหรับรถขนาด 2.2 ตันที่วิ่งอยู่บนท้องถนน LEE SIBLEY ใช้เชื้อเพลิง 72 กม./แกลลอน ขับด้วยความระมัดระวังจากบอร์นมัธ (BOURNEMOUTH) ไปรีดิง (READING) ใช้เวลา 1.5 ชั่วโมง ใช้พลังงานไฟฟ้าในเมืองและใช้พลังงานปกติในมอเตอร์เวย์ บางจังหวะขับเคลื่อนได้ 146 กม./แกลลอน อย่างที่ โพร์เช ได้กล่าวไว้ เจเนอเรชันที่ 2 นี้ ซึ่งเป็นการพัฒนา จากรุ่นแรกที่สุดยอดมากๆปี 1999
ฮอนดา อินไซจ์ท์
ออกมาช้าไป 2 ปี เป็นรถยนต์ไฮบริดรุ่นแรกที่เข้าสู่ตลาดในสหรัฐอเมริกา สามารถขับเคลื่อนโดยอัตราสิ้นเปลืองเพียง 112 กม./แกลลอน บนมอเตอร์เวย์ปี 2014
แมคลาเรน พี 1
รถไฮเพอร์คาร์ ราคา 1 ล้านปอนด์ คันแรกของโลก ที่สามารถเสียบปลั๊กชาร์จไฟได้ มีประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนระดับโลก และยังปลดปล่อยพลังงานเป็นศูนย์อีกด้วยปี 2016
มิตซูมิชิ เอาท์แลนเดอร์
จะปล่อยออกมาในปีนี้ มิตซูบิชิ อ้างว่า รถยนต์ไฮบริด 4x4 นี้ มีอัตราสิ้นเปลืองเพียง 224 กม./แกลลอน แสดงว่าสามารถวิ่งได้ 1 สัปดาห์ โดยไม่ต้องการเชื้อเพลิงABOUT THE AUTHOR
GADGET MAGAZINE
ภาพโดย : GADGET MAGAZINE นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2560
คอลัมน์ Online : เรื่องเด่นจาก GADGET/HOW IT WORKS