รู้ไว้ใช่ว่า
ฉลองปีใหม่
บ้านเราพอเอ่ยถึงการ "ฉลอง" อะไรสักอย่าง ท่านชาย เดี๋ยวนี้รวมทั้งสตรีเข้าไปด้วย นึกถึงเรื่องเมากันซะส่วนใหญ่ ที่พูดว่า ตรุษจีน ไทยก็เมา ปีใหม่ สงกรานต์ ไทยก็เมา คงต้องยอมรับ เป็นมานานแล้ว ตั้งแต่ผมเป็นเด็กแก้ผ้าโดดน้ำ ก็ยังงั้น
ที่เอ่ยถึง มิบังอาจตำหนิใคร เดี๋ยวโดนจวกซะเปล่าๆ "เงินก็ของตู เหล้าก็ของตู ปากก็ของตู จะเมาก็เรื่องของตู สูมีสิทธิอารายมายุ่ง เดี๋ยวได้ล้มตึง ทั้งๆ ที่สูไม่เมานะโว้ย..." ครับ เชิญตามสบาย ที่แหยมเข้ามาในที่นี้ ก็ด้วยรักและปรารถนาดี จะเมายังไงก็เมาเหอะ แต่เมาแล้วนั่งหลังพวงมาลัยรถ "...อั๊วขับได้ ขับไปด้วย เมาไปด้วย ไม่มีปัญหาหรอกไอ้น้อง"
เอางี้ ขนาดไม่เมา แต่ละคนคงมีลูกเมีย มีครอบครัว ขับรถยนต์มาไม่น้อย ยึดเป็นอาชีพก็มี และเชื่อได้ว่า ยามเช้าๆ ราวๆ 8 โมง คงไม่มีใครเมา แต่การขับรถ ซึ่งดูเป็นเรื่องง่ายๆ กลับทำให้ ชายไทยรวม 3 ชีวิต อายุ 46, 50 และ 60 นัดมาตายพร้อมกัน ซึ่งผมมองว่า เกิดขึ้นไม่บ่อย เท่าที่เห็น คนขับมักรอด แม้รถพังยับ ผู้โดยสารหรือคนนั่งไปด้วย มักซวย รถบัสด้วยแล้ว โชเฟอร์มักจะรอด เพราะอยู่ในรถขนาดใหญ่
ผมยกตัวอย่างเพื่อสะกิดบอกทางอ้อม ไม่เมายังขนาดนี้ เมาจะเสี่ยงขนาดไหน โดยเฉพาะการเมาอีตอนเฉลิมฉลองปีใหม่ ซึ่งมีคนเมาร่วมถนนเพิ่มจำนวนกว่าปกติ อย่าหาว่าเสือก ขอให้นึกถึงความปลอดภัยไว้ก่อน หรูที่สุด ขอรับกระผม
เหตุเกิดเวลา 08.00 น. วันที่ 19 พย. 2557 บนถนนสาย 347 บางปะหัน-ปทุมธานี รถบัสท่องเที่ยว ขนเจ้าหน้าที่ กทม. เดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุ รถบัสพุ่งชนรถกระบะคันหนึ่ง ซึ่งต้องอยู่ข้างหน้านั่นละ แต่จะเลี้ยวเข้าถนนรอง หรือแซงขึ้นมาขวางกะทันหัน ผมก็งง เพราะสื่อเสนอข่าวต่างกันไป ผลคือ รถกระบะอีกคันหนึ่ง ซึ่งข่าวอีกนั่นล่ะ สำนักหนึ่งบอกว่า ออกจากถนนรอง อีกสำนักบอกว่า จอดอยู่ข้างทางด้านซ้าย ไม่ห่าง โดนรถบัสถลามาอัด รถบัสตกร่องตกคูข้างทาง หน้ารถกระแทกคันดิน ที่แปลก คือ โชเฟอร์รถบัส จบชีวิตคารถ ส่วนคนขับรถกระบะทั้ง 2 คัน ไปหมดลมที่โรงพยาบาล งานนี้คนขับวัยกลางคน และปลายคน รวม 3 ชีวิต โดนกินรวบ
ต่ออีกนิด ถ้าตรงตามข่าวสำนักหนึ่ง ระบุว่า รถกระบะเลี้ยวเข้าถนนรองกะทันหัน อีกคันก็ออกจากถนนรอง เลี้ยวเข้าถนนใหญ่ ขวางรถบัสทั้งคู่ เลยเกิดเหตุ ก็ช่วยเตือนใจเราๆ ท่านๆ ว่า การขับรถเข้า/ออกซอย หรือถนนรอง ไม่ใช่เรื่องหมูเสมอไป มีโอกาสถูกหวยกินรวบ อย่างรายที่พระนครศรีอยุธยานี่แหละ จะได้ช่วยกันสังวรณ์
นอกจากเรื่องเมาแล้วขับ ซึ่งชุกชุมในช่วงฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แล้วไซร้ บ้านเรายังมีปัญหาเรื่องพกพาอาวุธ อยากให้ดูคดีนี้เป็นตัวอย่าง ก็ถือว่าแปลกอีกแหละ
งานนี้ผู้หมู่ คือ "สตท. ปืน" แกเบิกปืนพกหลวงพร้อมกระสุน พาติดตัว ซึ่งดูแล้วเป็นเรื่องปกติ แต่ผู้หมู่แกพกเข้าร้านอาหาร "โธ่เอ้ย มันก็ธรรมดาอีกล่ะลุง" ท่านผู้อ่านคงมองยังงั้น เป็นตำรวจชื่อปืนซะด้วย ไม่พกปืนจะให้พกไม้ตีพริกเหรอ
ที่ไม่ธรรมดาก็คือ ผู้หมู่ปืน ไปมีเรื่องกับหญิงสาวนางหนึ่ง ถึงขั้นใช้ปืนตีหัว คงแค่เฉี่ยวๆ เย็บเข็มเดียว และไม่ธรรมดาอีกอย่าง คือ โดนตำรวจจับ โดนตั้งข้อหาทำร้ายร่างกาย และข้อหาพกพาอาวุธโดยไม่ได้รับอนุญาต โดนอัยการฟ้องไปที่ศาล หลายโดนเนาะ
แหงอยู่แล้ว ผู้หมู่ปืน จ้างทนายสู้คดี ให้การปฏิเสธ ขืนโดนลงโทษ ก็โดนปลดหรือโทษทางวินัย ตามมาอีกเยอะโดน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วตัดสินยกฟ้อง สตท. ปืน ได้เฮในยกแรก มียกสอง เพราะโจทก์ต้องอุทธรณ์ตามหน้าที่ ในเมื่อศาลแรกยกฟ้อง ไม่มีทางเลี่ยง แม้ใจไม่อยากอุทธรณ์ก็ตาม
ศาลอุทธรณ์อ่านสำนวน ไม่ได้เห็นหน้าผู้หมู่ว่าหล่อไหม ดูโหดไหม
ตัดสินไปตามเนื้อผ้า ลงโทษฐานพกพาปืนไปโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน ปรับ 4 พันบาท ข้อหาทำร้ายร่างกาย เจ้าทุกข์ไม่เอาความ จ่ายค่าเสียหายแล้ว ลงโทษเท่าข้อหาปืน รวมแล้ว จำคุก 12 เดือน ปรับ 8 พัน โทษจำคุกรอการลงอาญาไว้ ๒ ปี
จำเลย คือ ผู้หมู่ปืน ต้องดิ้นรนต่อไปให้ศาลยกฟ้อง จะได้ไม่โดนเล่นงานจากต้นสังกัด ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่
ศาลฎีกาคว้าสำนวนมาส่องดูแบบสบายใจ เพราะคดีไม่ซับซ้อน แล้วชี้ขาดว่า
ข้อหาทำร้ายร่างกาย ตาม ป.อาญา มาตรา 295 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 พันบาท เมื่อศาลชั้นต้นยกฟ้องห้ามไม่ให้โจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงการที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์แล้วตัดสินลงโทษ จึงไม่ชอบ ส่วนข้อหาพกพาปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้หมู่เถียงว่า ผู้บังคับบัญชาให้ทำหน้าที่สายตรวจตำบล และเบิกปืนไปใช้ จึงมีสิทธิพกพาอาวุธปืนไปขณะปฏิบัติหน้าที่ การแวะกินอาหารร้านเกิดเหตุ มันก็ต่อเนื่องจากการปฏิบัติตามหน้าที่ จึงไม่ผิดแม้แต่นิดเดียว ต้องยกฟ้อง ศาลฎีกามองว่า แม้ปืนและกระสุนปืนที่ติดตัวไป ผู้หมู่จะเบิกมาถูกต้องตามระเบียบราชการ แต่ไม่มีเหตุอันสมควร ที่จะพกพาเข้าร้านอาหารที่เกิดเหตุ เพราะไม่ได้อยู่ในระหว่างเวลาปฏิบัติหน้าที่ราชการ แถมอยู่นอกท้องที่รับผิดชอบอีกตะหาก ผิดชัวร์
ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้ ยกฟ้องข้อหาทำร้ายสาว ส่วนข้อหาปืนไม่หลุด
ศาล อัยการไม่ได้ใจร้ายหรอก ผู้หมู่ปืน ต้องโทษตำรวจด้วยกันที่จับกุมดำเนินคดี ถ้าให้เดา คงมีปัญหากับสาวจนเบรคแตก อาละวาดพอควร จนตำรวจด้วยกันเข้ามาจัดการ เดี๋ยวยิงตูมตาม ผู้หมู่จะหนักกว่านี้ หลายโดนก็จริง แต่เชื่อว่ายังอยู่ในเครื่องแบบได้แน่ๆ เจอวินัยอีกนิดหน่อยเอง
อ้อ โชคดี มีเงินทอง ปราศจากโรคภัย และสุดยอดแห่งความปรารถนา นั่นคือ ความสุข ตลอดปีใหม่เทอญ
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8619/2552
เรื่องโดย : ณรงค์ นิติจันทร์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2558
คอลัมน์ Online : รู้ไว้ใช่ว่า
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/15767