เมื่อเร็วๆ นี้ มีข่าวที่น่าตกใจว่า รถหรูนำเข้าจากต่างประเทศหายไปจากคลังสินค้าทัณฑ์บนของกรมศุลกากร หลายร้อยคัน !ก่อนจะพูดถึงรายละเอียด ผมขอทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อนว่า คลังสินค้าทัณฑ์บนนั้น หมายถึง สถานที่เก็บสินค้านำเข้าที่ยังไม่เสียภาษี เช่น รถยนต์หรู ที่ผู้แทนจำหน่ายนำเข้ามาเพื่อแสดงในงาน มอเตอร์ ฯ ทั้งหลาย เป็นต้น สินค้าเหล่านี้ ถ้าจะจำหน่ายต้องชำระภาษีศุลกากรให้เรียบร้อย ถ้าไม่จำหน่าย จะสามารถเก็บไว้ในคลังได้ไม่เกิน 2 ปี คลังสินค้าทัณฑ์บน ไม่ได้มีเฉพาะในกรมศุลกากรเท่านั้น แต่กระจายอยู่ทั่วประเทศ มากมายหลายสิบแห่ง โดยคลังที่ใช้เก็บสินค้าประเภทรถยนต์มีอยู่ 5-6 แห่ง ในฐานะผู้จัดงาน มหกรรมยานยนต์ ซึ่งผู้จำหน่ายแทบทุกเจ้าต้องนำเข้ารถมาแสดง ผมจึงพอรู้ที่มาที่ไปของกรณีรถหายจากคลังสินค้าทัณฑ์บน เพียงแต่ไม่นึกว่าจำนวนจะมากมายขนาดนี้ ที่แน่ๆ คือ รถเหล่านั้นไม่ได้ถูกขโมย เหมือนรถชาวบ้านทั่วไป แต่ถูกผู้แทนจำหน่ายที่นำเข้ามานั่นแหละ เอารถที่อ้างว่าใช้แสดงไปจำหน่ายให้ลูกค้าโดยไม่เสียภาษี ซึ่งถ้าเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่รู้เห็นเป็นใจด้วย จะไม่สามารถทำได้เลย เพราะกฎระเบียบในการนำรถเข้าและออกจากคลังสินค้าทัณฑ์บนมีอยู่อย่างชัดเจน เอาละ...แม้เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่จะไม่ได้ร่วมทุจริต แต่แค่ปล่อยปละละเลย ไม่ปฏิบัติตามระเบียบอย่างเคร่งครัด ก็กลายเป็นช่องว่างให้ผู้นำเข้าฉวยโอกาสกระทำผิดได้ ผมอยากเปรียบเทียบเหตุการณ์นี้กับการย้ายบ้านในประเทศเยอรมนี คนที่นั่นเวลาจะเปลี่ยนที่อยู่ ต้องมีใบยืนยันการย้ายออกจากบ้านเก่า มาใช้ประกอบการขอย้ายเข้าบ้านใหม่เสมอ ฉะนั้น คน ของเขาจึงไม่มีการหายไประหว่างทาง ซึ่งต่างจาก คน ของเรา ที่สามารถไปอยู่ทีไหนก็ได้ โดยที่ ชื่อ ยังอาศัยอยู่ในบ้านเดิม ฉะนั้น ถ้าการเคลื่อนย้าย รถ ในคลังสินค้าทัณฑ์บนบ้านเราใช้ระบบเดียวกับการย้าย คน ในเยอรมนี รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่ที่ซื่อตรงแบบคนเยอรมัน ปัญหารถหรูหายระหว่างทาง ก็จะไม่เกิดขึ้น สำหรับกรณีปัจจุบัน ผมเชื่อท่านอธิบดีกรมศุลกากรคนใหม่ทราบดีว่า จริงๆ แล้ว รถเหล่านั้นไม่ได้หายไปไหน แต่การจะไปไล่เบี้ยเอากับคนที่ซื้อไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็ดูไม่ค่อยเป็นธรรมสักเท่าไร ถ้าเขาซื้อและจดทะเบียนอย่างถูกต้อง คนที่สมควรโดนเต็มๆ คือ ผู้นำเข้ากับเจ้าหน้าที่ของท่าน และถ้ายังเกิดซ้ำซากอีก ท่านเองนั่นแหละที่ต้องรับผิดชอบ !
บทความแนะนำ