ปิด "ระเบียงรถใหม่" ในเดือนที่กลิ่นอายของการเฉลิมฉลองปีใหม่จางหายไปหมดแล้วและเป็นเดือนแห่งการชื่นชุมนุมรถสปอร์ท ด้วยผลงานชิ้นใหม่ล่าสุดของยอดผู้ผลิตรถสปอร์ทเมืองผู้ดี ซึ่งเพิ่งเปิดตัวไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนของปีไก่ย่างหนังกรอบ พร้อมกับป้ายชื่อ แอสตัน มาร์ทิน วานเทจ (ASTON MARTIN VANTAGE) แต่ต้องรอจนถึงไตรมาส 2 ของปีน้องหมาไม่ร่าเริงนี่แหละ จึงจะเริ่มการส่งมอบรถให้แก่ผู้จองในอังกฤษวานเทจ (VANTAGE) เป็นชื่อที่ฝังอยู่ในสายเลือดของค่าย แอสตัน มาร์ทิน ยอดผู้ผลิตรถสปอร์ทเมืองผู้ดีใช้ชื่อนี้มานมนานเกือบ 7 ศตวรรษ คือ ใช้เป็นครั้งแรกเมื่อปี 1951 กับรถ แอสตัน มาร์ทิน ดีบี 2 (ASTON MARTIN DB2) โมเดลที่ติดตั้งเครื่องยนต์กำลังสูงเป็นพิเศษ รถในยุคหลังจากนั้นที่มีการกล่าวถึงกันอยู่บ่อยๆ คือ แอสตัน มาร์ทิน วี 8 วานเทจ (ASTON MARTIN V8 VANTAGE) รุ่นที่เป็นผลงานของ วิลเลียม ทาวน์ส์ (WILLIAM TOWNS) นักออกแบบชาวอังกฤษผู้โด่งดังซึ่งล่วงลับไปแล้ว กับรถ แอสตัน มาร์ทิน วี 8 วานเทจ เลอ มองส์ (ASTON MARTIN V8 VANTAGE LE MANS) รถโมเดลพิเศษที่ผลิตเพียง 40 คันในปี 2000 และคนรักรถสปอร์ทชื่นชอบมาก ก่อนการปรากฏตัวของรถรุ่นล่าสุดนี้ ยอดผลิตรถสปอร์ทของเมืองผู้ดีมีรถ แอสตัน มาร์ทิน วานเทจ ให้เลือกเพียง 2 โมเดล คือ รถคูเป แอสตัน มาร์ทิน วี 12 วานเทจ เอส (ASTON MARTIN V12 VANTAGE S) กับรถเปิดประทุน แอสตัน มาร์ทิน วี 12 วานเทจ เอส โรดสเตอร์ (ASTON MARTIN V12 VANTAGE S ROADSTER) ทั้งคู่ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน DOHC วี 12 สูบ 5,935 ซีซี 420 กิโลวัตต์/571 แรงม้า ส่งกำลังสู่ล้อคู่หลังผ่านระบบเกียร์ธรรมดา 7 จังหวะ หรือเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ SPORTSHIFT III ส่วนรถรุ่นใหม่นี้ เป็นรถที่ออกแบบ/พัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมดตั้งแต่พื้นรถจรดหลังคา ใช้พแลทฟอร์มที่ออกแบบขึ้นใหม่ กับใช้แชสซีส์ซึ่งมีโครงสร้างอลูมิเนียมเหมือนรถอนุกรมพี่ คือ แอสตัน มาร์ทิน ดีบี 11 (ASTON MARTIN DB11) และผู้ผลิตยืนยันว่าชิ้นส่วนร้อยละ 70 ทำขึ้นใหม่โดยเฉพาะสำหรับรถรุ่นนี้ กันสะเทือนหรือระบบรองรับหน้า เป็นระบบอิสระปีกนก 2 ชั้น ส่วนระบบรองรับหลัง ใช้มัลทิลิงค์ (MULTI-LINK) ตัวถัง 2 ประตู 2+0 ที่นั่งซึ่งทำจากอลูมิเนียมและเหล็กกล้า มีขนาดยาว 4.465 ม. กว้าง 1.942 ม. สูง 1.273 ม. และกระจายน้ำหนักลงล้อในอัตรา 50:50 หน้าตาและรูปทรงองค์เอวบ่งบอกได้อย่างดีถึงแนวทางการออกแบบรถอีกหลายรุ่นที่ค่ายนี้จะทำขายในอนาคต นิตยสารรถยนต์ชั้นนำฉบับหนึ่งของเมืองผู้ดี คือ ออโทคาร์ (AUTOCAR) รายงานคำพูดของ แซม โฮลเกท (SAM HOLGATE) ผู้ออกแบบรถรุ่นใหม่นี้ว่า "ทีมออกแบบพยายามใส่อะไรๆ เข้าไป เพื่อแสดงให้เห็นในบุคลิกของรถแต่ละแบบซึ่งแตกต่างกัน เราตั้งใจให้ วานเทจ เป็นรถนักล่า เป็นรถที่คุณอยากเข้าไปนั่ง แล้วขับไล่กวดรถอย่าง ลัมโบร์กินี อูรากัน หรือ โพร์เช 911" เป็นรถขับล้อหลังด้วยพลังของเครื่องยนต์บลอคเดียวกันกับรถเปิดประทุน แอสตัน มาร์ทิน ดีบี 11 โวลันเต (ASTON MARTIN DB11 VOLANTE) ที่เพิ่งผ่านตาไป คือ เครื่องยนต์ทวินเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 8 สูบ 3,982 ซีซี 375 กิโลวัตต์/510 แรงม้า 685 นิวตัน-เมตร/69.9 กก.-ม. ของสำนัก เอเอมจี (AMG) และส่งกำลังสู่ล้อคู่หลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะของ ZF ส่วนผู้ถนัดใช้เกียร์ธรรมดาต้องรอหน่อยเพราะจะมีในปีหมานี่แหละ ยอดผู้ผลิตรถสปอร์ทเมืองผู้ดียืนยันว่า รถรุ่นนี้พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะสำหรับเครื่องยนต์ วี 8 สูบ แต่ก็จะใช้เครื่องยนต์ วี 12 สูบ ด้วยเช่นกันในระยะต่อไป รวมทั้งบอกด้วยว่าไม่มีแผนจะใช้ระบบขับไฮบริด ทั้งชนิดต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟแบทเตอรีและไม่ต้อง หากต้องการรถไฮบริดก็ต้องรอรถรุ่นหน้า ก็คงเป็นดั่งคำประกาศของค่ายนี้เมื่อไม่นานมานี้นี่แหละที่บอกว่า ตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป รถทุกรุ่นทุกแบบที่ผลิตขายจะไม่มีแต่เพียงเครื่องยนต์สันดาปภายในเท่านั้น แต่จะมีระบบขับด้วยพลังไฟฟ้าให้เลือกด้วย ตัวเลขความเร็วตามข้อมูลของผู้ผลิต รถคูเปหุ่นงามซึ่งมีน้ำหนักตัวเปล่า 1,530 กก. รุ่นนี้ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ในเวลาแค่ 3.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 314 กม./ชม. ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยคาดว่าอยู่ที่ระดับ 10.5 ลิตร/100 กม. หรือประมาณ 9.5 กม./ลิตร และอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ก็คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 245 กรัม/กม. โดยเฉลี่ย ค่าตัวของรถที่ซื้อขายในอังกฤษ เริ่มต้นที่ 120,900 ปอนด์ หรือเท่ากับประมาณ 5.44 ล้านบาทไทย เมื่อคิดอัตราแลกเปลี่ยน เงินอังกฤษ 1 ปอนด์ แลกได้ด้วยเงินไทย 45 บาทถ้วน และไม่มีเงินทอน