สัมภาษณ์พิเศษ
ยุคนธร วิเศษโกสิน ประธาน ฟอร์ด อาเซียน และกรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย
“ฟอร์มูลา” สัมภาษณ์พิเศษ ยุคนธร วิเศษโกสิน ประธาน ฟอร์ด อาเซียน และกรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย หญิงแกร่งของไทย ที่เป็นแรงขับเคลื่อนให้ ฟอร์ด ประเทศไทย ประสบความสำเร็จ และก้าวผ่านอุปสรรคนานัปการ สู่ความท้าทายในตลาดอาเซียนฟอร์มูลา : หน้าที่ความรับผิดชอบในปัจจุบัน ? ยุคนธร : ในตำแหน่ง ประธาน ฟอร์ด อาเซียน จะรับผิดชอบการบริหาร และสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ ฟอร์ด ประเทศไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ เกาหลี และตลาดเกิดใหม่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค หรือ APEC ซึ่งเป็นตลาดเกิดใหม่ ที่มีตลาดเล็กๆ 22 ตลาด ฟอร์มูลา : เพราะเหตุใด ฟอร์ด จึงเลือกคุณเป็นประธาน ฟอร์ด อาเซียน ? ยุคนธร : น่าจะเกิดจากการเติบโตอย่างมาก ของ ฟอร์ด ประเทศไทย ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด คือ ฟอร์ด เรนเจอร์ ย้อนกลับไป 3-4 ปีก่อนหน้านี้ เรนเจอร์ มีมาร์เกทแชร์แค่ 6.5 % แต่เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย 4 เดือนแรกของปีนี้เติบโตถึง 13.6 % ถือเป็นความสำเร็จ ซึ่งก็ไม่ใช่เป็นของเราคนเดียว แต่เกิดจากทีม สินค้า นอกเหนือจาก ยอดขาย ยังมีเรื่องการสร้างเครือข่าย และความแข็งแกร่งของบแรนด์ พร้อมกันนี้ ฟอร์ด ยังทำวิจัย สำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภค อย่างสม่ำเสมอ และดัชนีที่สำคัญตัวหนึ่งจากการสำรวจดังกล่าว คือ ความชื่นชอบบแรนด์ หรือที่เรียกว่า FAVORABLE OPINION (FO) โดยเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว ฟอร์ด มีค่า FO ไม่สูงมากนัก แต่เมื่อปีที่แล้ว ฟอร์ด เรนเจอร์ มีค่า FO เทียบเท่ากับผู้เล่นรายหลักในตลาดรถพิคอัพ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความชื่นชอบและความนิยมในผลิตภัณฑ์ของ ฟอร์ด ที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก แสดงให้เห็นว่า เรนเจอร์ มีความแข็งแกร่งของบแรนด์ และลูกค้าตอบสนองบแรนด์ได้เป็นอย่างดี ถือเป็นความสำเร็จได้อย่างหนึ่ง คิดว่าผู้ใหญ่คงเห็นว่าเรามีความสามารถที่จะรับความท้าทายนี้ อีกอย่างหนึ่งเราอยู่กับ ฟอร์ด มานานพอสมควร มีความเข้าใจวัฒนธรรมองค์กร ทิศทางการเติบโตของ บริษัทฯ อีกทั้ง ฟอร์ด ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรที่เป็นคนในพื้นที่ และฟอร์ด อาเซียน มีสำนักงานอยู่ที่ประเทศไทย ฟอร์มูลา : อะไรคือความท้าทายของคุณ ? ยุคนธร : ความรับผิดชอบมากขึ้น เริ่มต้นกับ ฟอร์ด ดูแลประเทศไทยเพียงประเทศเดียว จนกระทั่งปี 2559-2560 รับหน้าที่ดูแลการตลาดและการขาย ในประเทศไทย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม แต่ปัจจุบันดูแลตลาดอาเซียน สโคพงานใหญ่ขึ้น แต่ละประเทศมีความแตกต่างและหลากหลาย เราต้องทำความเข้าใจนโยบายแต่ละประเทศ แต่ละตลาด วัฒนธรรมของคน องค์กร ลูกค้า ดีเลอร์ ของแต่ละประเทศ การบริหารหลายประเทศ หลายตลาด ที่มีความแตกต่าง บางตลาดดี บางตลาดไม่ดี ทำให้เราต้องสร้างแนวคิด และกลยุทธ์ เฉพาะแต่ละตลาด ซึ่งเป็นความท้าทายอย่างมาก ตัวอย่างเช่น ประเทศไทย อุตสาหกรรมรถยนต์เติบโตกว่า 10 % เพียงแค่ 4 เดือนแรก เติบโตเกือบ 15 % ทำให้การวางแผนกลยุทธ์ที่ซัพพอร์ทการเติบโต ก็จะเน้นไปตามทิศทางการเติบโตของตลาด ส่วนเวียดนาม มีเรื่องนโยบายของรัฐบาลเข้ามาเกี่ยวข้อง ต้องทำงานร่วมกับรัฐบาล กิจกรรมการตลาด การขาย ก็จะมีบทบาทน้อยลง แต่เน้นการทำงานภาคนโยบาย ฟิลิปปินส์ เพิ่งมีการปรับเรื่องของอัตราภาษี ปัจจุบันมีอัตราภาษีที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ราคารถสูงขึ้น ตลาดมีการหดตัว จากแผนเดิมที่คาดการณ์ไว้ว่าอุตสาหกรรมจะเติบโต 5-6 % ตอนนี้ลดลงประมาณ 12 % จึงต้องพิจารณาว่าสาเหตุที่ยอดขายตก เป็นเพราะอุตสาหกรรม หรือ พฤติกรรมของลูกค้า จำเป็นที่จะต้องวางกลยุทธ์ให้ตรงกับความต้องการของตลาด ฟอร์มูลา : การบริหารในแบบของคุณเป็นอย่างไร ? ยุคนธร : ในการทำงานคิดเสมอว่า อย่ารอให้คนอื่นมาบอกว่าจะต้องทำอะไร เคยมีคนพูดว่างานจะใหญ่แค่ไหนขึ้นอยู่กับตัวเรา กำหนดให้เล็กก็คือเล็ก กำหนดให้ใหญ่ก็คือใหญ่ เราต้องเป็นคนกำหนด และเมื่อทำงานแล้วต้องรู้จริง ทุกขั้นตอนว่าแต่ละขั้นตอนนั้นมาจากไหน เริ่มต้นอย่างไร ตัวอย่างเช่น การสั่งรถ เปิดออพชัน มีประเด็นอะไรบ้าง ซิสเตมส์ เริ่มที่จุดไหน จะออกอินวอยศ์อย่างไร จะต้องเรียนรู้ทุกขั้นตอน อีกอย่างหนึ่ง คือ ต้องกล้าตัดสินใจ ผู้บริหารบางคนต้องรู้ข้อมูล 100 % ถึงกล้าตัดสินใจ แต่บางคนรู้แค่ 70-80 % แต่ด้วยประสบการณ์ บวกกับความเชื่อมั่นก็ตัดสินใจได้ว่าจะไปต่อ หรือหยุด ฟอร์มูลา : สถานการณ์ในตลาดอาเซียนเป็นอย่างไร ? ยุคนธร : เป็นสถานการณ์ที่ท้าทาย เพราะในแต่ละประเทศมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่ควบคุมไม่ได้ ซึ่งถ้าเป็นนโยบายของภาครัฐมักจะให้เวลา ทำให้เราเตรียมวางแผนได้ โดยปกติทำงานผ่านสมาคม มีการประสานงานอย่างใกล้ชิด สามารถร่วมแสดงความคิดเห็น จึงเตรียมตัวได้ แต่ที่ท้าทายก็จะเป็นแบบเริ่มใช้นโยบายใหม่เมื่อเดือนมกราคม 2018 แต่เพิ่งประกาศเดือนตุลาคม 2017 คือ ให้เวลาน้อยมาก ฟอร์มูลา : ประเทศใดในอาเซียนที่ ฟอร์ด มียอดขายมากที่สุด ? ยุคนธร : ไทย รองลงมา คือ ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ฟอร์มูลา : คุณคิดว่า ฟอร์ด ประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด ? ยุคนธร : มีความสำเร็จในระดับหนึ่ง มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีส่วนแบ่งการตลาด ยอดขาย เรนเจอร์ สูงเป็นประวัติการณ์ เรนเจอร์ มีส่วนแบ่งการตลาดสูงขึ้น 3-4 ปี ซึ่งถ้ารวมยอดขายทั้งปีก็ยังถือว่าเติบโตได้ดีมาก เริ่ม 6.5 % ขยับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน 13.6 % แต่ก็ยังถือว่าไม่ได้พุ่งสูงมากนัก อย่างไรก็ตาม ยังต้องพัฒนาเพิ่มขึ้นในบางจุด เช่น เรื่องการบริการ ดีเลอร์ ซึ่ง ฟอร์ด มองว่าต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพราะการขายรถคันแรกถือได้ว่าสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่การที่จะบริการลูกค้าให้เกิดความพึงพอใจสูงสุด จะช่วยให้มีการขายรถคันที่ 2 คันที่ 3 และต่อไปอีก เป็นการสร้างบแรนด์รอยัลที ซึ่งจุดนี้ยังทำได้ไม่ดีเท่าไร คิดว่าต้องทำให้ดีขึ้นกว่านี้ สำหรับเรื่องนี้ ฟอร์ด วางทิศทางไว้ 2-3 ส่วน โดยส่วนแรกต้องกลับไปมองว่าลูกค้าต้องการอะไร ซึ่งต้องดูผลของข้อมูลจากบริษัทสำรวจหลายๆ บริษัท ลูกค้า ฟอร์ด ส่วนใหญ่ เป็นคนเคยมีรถมาแล้ว ไม่ได้เพิ่งมีรถคันแรก พอมีประสบการณ์ จะรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ความต้องการก็จะสูงกว่าคนมีรถคันแรก ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับบแรนด์อื่น อาจจะมีความต้องการไม่สูงมาก ไม่มีประสบการณ์ โดยคาแรคเตอร์ของลูกค้า ฟอร์ด จะแตกต่าง อีกส่วนหนึ่งต้องเข้าใจ และค้นหาว่าลูกค้าต้องการอะไรจากบแรนด์ ซึ่งขณะนี้ ฟอร์ด อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลว่าลูกค้าต้องการอะไรมากที่สุด หลังจากนั้นเมื่อหาเจอ ฟอร์ด ก็จะต้องกลับไปดูการทำงานของดีเลอร์ ตั้งแต่ลูกค้าเดินเข้ามาในโชว์รูม เริ่มต้นอย่างไร รปภ. เปิดประตู เชิญลูกค้า เสิร์ฟน้ำ ฟอร์ด ต้องมาดูว่าการกระทำในปัจจุบันถูกต้องอย่างที่ควรจะเป็นหรือไม่ ตรงจุดไหนลูกค้าให้ความสำคัญ จุดนี้เราต้องเน้นย้ำ โดยขณะนี้ ฟอร์ด ได้เริ่มทำแล้วบางส่วน เพราะ ฟอร์ด เชื่อว่าจุดนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญ และต้องมีการทำที่เข้มข้นต่อเนื่อง ภายในปีนี้ จะได้รูปแบบสำคัญที่ลูกค้าต้องการ คืออะไร แล้ว ฟอร์ด ก็จะนำไปเพื่อที่จะปรับปรุงทั้งโครงสร้าง เพราะเชื่อว่าอีก 2-3 ปี ต้องเห็นการเปลี่ยนแปลง ฟอร์มูลา : คุณวางเป้าหมายการทำงานครั้งนี้ไว้อย่างไร ? ยุคนธร : สำหรับเราการทำงานทุกครั้งตั้งใจทำให้ดีที่สุด แต่สำหรับครั้งนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ยังต้องเรียนรู้อีกมาก ยังมีโอกาสที่จะทำได้ดีกว่านี้ ยังไม่ 100 % เพราะถ้าเป็นตลาดเมืองไทย ถือว่าปัจจุบันประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง เพราะบริหารงานมาระยะหนึ่งทำให้เรียนรู้เรื่องต่างๆ ได้มากพอสมควร แต่ถ้าเป็นในต่างประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ลาว เมียนมาร์ และกัมพูชา เป็นตลาดที่กำลังจะเติบโต เราต้องเรียนรู้เพิ่มมากขึ้น ตลาดแต่ละประเทศ มีความแตกต่างกันคนละแบบ และไม่มีตลาดไหนง่าย เช่น เวียดนาม เนื่องจากเป็นความท้าทายเรื่องนโยบายภาครัฐ การบริหารงานจะเหนือการควบคุม เป็นความยากอีกรูปแบบหนึ่ง แต่ก็ยังดีที่การทำงานเป็นความร่วมมือกันกับสมาคมผู้ค้ารถของเวียดนาม ที่ชื่อว่า วามา (VAMA) โดยเป็นความยากเชิงนโยบาย การวางแผน ว่ามีการจัดสรรรถอย่างไร ถ้ามีนโยบายมาในรูปแบบต่างๆ ต้องปรับแผนหรือไม่อย่างไร ให้เข้ากับนโยบายและสถานการณ์ในขณะนั้น ส่วนความยากของเมืองไทย คือ เราต้องการที่จะเติบโตเพิ่มขึ้นอีก ความยากก็จะอยู่ที่การวางแผนการตลาด กิจกรรมการตลาดการสร้างบแรนด์ให้แข็งแกร่งขึ้น เพราะเราถือว่ายังเป็นบแรนด์เล็ก เมื่อเปรียบเทียบกับหลายๆ บแรนด์ยังสู้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราต้องวางแผนว่าจะทำอย่างไร สร้างบแรนด์ให้แข็งแกร่ง สร้างรากฐาน วางพื้นฐานให้แน่นหนามากขึ้น ฟอร์มูลา : ฟอร์ด มีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับรถพลังงานไฟฟ้า ? ยุคนธร : เป็นเรื่องที่ดีเพราะถือว่าได้มีการ เตรียมความพร้อมในอนาคต สำหรับ ฟอร์ด ก็มีการเตรียมความพร้อมอยู่ตลอดเวลา ฟอร์ด มองว่า เป็นสิ่งที่ดีที่ภาครัฐออกมาพูดเรื่องนี้ ในส่วนของ ฟอร์ด ไม่ว่าจะเป็นนโยบายอะไร ฟอร์ด ก็จะทำการศึกษา และประเมินผลอยู่ตลอดเวลา และต้องดูความต้องการของตลาดว่ามีมากน้อยเพียงใด ซึ่งหากตลาดปัจจุบันยังมีความต้องการไม่มาก ฟอร์มูลา : มีแผนลงทุนเพิ่มหรือไม่ ? ยุคนธร : ปีนี้ยังไม่มีแผน เพราะเพิ่งลงทุน 2 โครงการ ขยายการผลิต ที่โรงงาน ฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริง (FTM) 285 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และอีก 1 โครงการ คือ ลงทุน 100 ล้านบาท เปิดศูนย์กระจายอะไหล่แห่งใหม่ ซึ่งการลงทุนของ ฟอร์ด เป็นการลงทุนเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
ABOUT THE AUTHOR
นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : เกรียงศักดิ์ ปันสมนิตยสาร 399 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2561
คอลัมน์ Online : สัมภาษณ์พิเศษ(4wheels)