สารคดี(formula)
4 ที่เที่ยวภาคเหนือสุดฟิน หนาวนี้ ต้องห้ามพลาด !
หน้าหนาว (น่าจะ) มาแล้ว (นะ) หลายคนคงอยากไปพักผ่อนต่างจังหวัดทางภาคเหนือ สัมผัสอากาศบริสุทธิ์ให้ชุ่มฉ่ำหัวใจ เพื่อเติมพลังชีวิต "ฟอร์มูลา" ขอแนะนำ 4 สถานที่ท่องเที่ยวสุดฟิน
1. บ้านห้วยห้อม (แม่ฮ่องสอน)
ห้วยห้อม เป็นชื่อหมู่บ้านเล็กๆ ท่ามกลางเขาสูงใน อ. แม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน เป็นชุมชนต้นแบบของการใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน ภูมิประเทศโอบล้อมด้วยขุนเขา มีทัศนียภาพสวยงาม และอากาศเย็นสบายตลอดปีบ้านห้วยห้อม สัมผัสความสุขแบบพอเพียง
บ้านห้วยห้อม อยู่ทางทิศตะวันออกของ อ. แม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน ชาวบ้านที่นี่เป็นชาวกะเหรี่ยงปกาเกอญอ ที่มีภาษาพูด และภาษาเขียนเป็นของตนเอง ที่เรียกว่า "สิ โร เหม่" การแต่งกายเน้นเอกลักษณ์ด้านสีสัน โดยเฉพาะสีแดง สมัยก่อนชาวบ้านห้วยห้อมนับถือผี การทำพิธีต่างๆ จึงเน้นไปทางไสยศาสตร์ทั้งหมด ต่อมามีผู้นำคริสต์ศาสนาเข้ามาเผยแพร่ ชาวบ้านจึงเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์จนถึงปัจจุบัน อาชีพหลัก คือ การปลูกข้าว เสาวรส และกาแฟพันธุ์อราบิคา รสชาติเข้มข้น นอกจากนี้ยังมีอาชีพเสริม คือ การทอผ้าจากขนแกะ รวมถึงฝ้ายจากธรรมชาติ กิจกรรมท่องเที่ยว ถ้ามาปลายปีถึงต้นปี จะเป็นการเก็บเม็ดกาแฟอราบิคา ที่ขึ้นชื่อของบ้านห้วยห้อม เป็นผลิตภัณฑ์โอทอพระดับ 5 ดาว กลิ่นหอม และรสชาติเข้มข้น การปลูกต้นกาแฟไม่ใช้สารเคมี ที่สำคัญชาวบ้านสามารถผลิตกาแฟได้เองแบบครบวงจร ตั้งแต่เพาะต้นกล้า นำไปปลูก เก็บผลผลิต จนถึงวิธีการคัดเม็ดกาแฟ ตาก คั่ว และบดเป็นกาแฟ รวมถึงบรรจุใส่หีบห่อสวยงาม บ้านห้วยห้อมยังมีการผลิต "ผ้าทอขนแกะ" ที่ได้รับการส่งเสริมจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เป็นอาชีพเสริม โดยพระราชทานพันธุ์แกะให้เลี้ยงเพื่อตัดขนมาทำผ้าทอ และโปรดฯ ให้รวมกลุ่มเป็นกลุ่มทอผ้าขนแกะของหมู่บ้าน นักท่องเที่ยวสามารถชมการสาธิตวิธีการทอ ผ้าทอมีความนุ่ม และลวดลายสวยงาม อาทิ ลายข้าวโพด และลายดอกเข็ม ผลิตภัณฑ์ทำเป็น ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ ย่าม ผ้าตัดเสื้อ และผ้าคลุมโต๊ะ นอกจากนี้ในช่วงสายๆ เขาจะปล่อยแกะออกมากินหญ้าในนาข้าว เราสามารถลงไปเล่น และถ่ายรูปกับมันได้ เป็นความสนุกแบบแปลกๆ ที่น่าสัมผัส2. ปางอุ๋ง (แม่ฮ่องสอน)
"ปางตอง 2" หรือ "ปางอุ๋ง" เป็นโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปริมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เพื่อช่วยเหลือราษฎรให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังที่ใครๆ ก็รู้จักปางอุ๋ง สวิทเซอร์แลนด์แห่งเมืองไทย
ปางอุ๋ง เป็นคำภาษาเหนือ แปลว่า "ที่พักริมอ่างน้ำ" ประกอบด้วยอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนเขาสูง รอบๆ อ่าง มีต้นสนที่ปลูกเรียงรายกันอย่างสวยงาม พื้นที่เกือบทุกมุมจึงมีบรรยากาศชวนโรแมนทิค จนได้รับขนานนามว่า "สวิทเซอร์แลนด์แห่งเมืองไทย" บรรยากาศในยามเช้า จะมีไอหมอกจางๆ ลอยเหนือผืนน้ำ มีหงษ์สีดำ/ขาวมากมาย ซึ่งทางโครงการฯ เลี้ยงไว้ เล่นน้ำแหวกว่ายชูคออย่างมีความสุข กิจกรรมหลัก คือ การนั่งแพชมทัศนียภาพรอบๆ อ่างเก็บน้ำ และถ่ายรูป จากปางอุ๋ง ขึ้นเหนือไปอีกนิด จะพบกับหมู่บ้านรักไทย ซึ่งเป็นหมู่บ้านสุดท้ายก่อนสิ้นสุดชายแดนไทย-เมียนมาร์ ซึ่งเป็นชุมชนชาวจีนที่อพยพหนีภัยมาในช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครอง ซึ่งเป็นระบบคอมมิวนิสต์ ภายในหมู่บ้านยังคงสืบทอดประเพณีดั้งเดิม ทั้งภาษาพูด และภาษาเขียน บ้านแต่ละหลังมีลักษณะแปลกตา ทำจากดินเหนียวผสมฟางข้าว บริเวณหมู่บ้านมีทะเลสาบที่สวยงาม รายล้อมด้วยที่พักหลากหลายสไตล์ อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ด้านหน้าหมู่บ้านมีร้านอาหารยูนาน รสชาติดี ให้เลือกชิมมากมาย แถมขึ้นชื่อเรื่องการปลูกชา ใครชอบดื่มชา สามารถเลือกซื้อชาพันธุ์ดีได้ และมีจำหน่ายในหมู่บ้าน เส้นทางสายโรแมนทิคแห่งใหม่ ทางหลวง 1095 บริเวณทางเข้าปางอุ๋ง มีสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ นั่นคือ "สะพานซูตองเป้" คำว่า ซูตองเป้ เป็นภาษาไทยใหญ่ แปลว่า ความสำเร็จ เป็นสะพานที่สานจากไม้ไผ่ด้วยแรงศรัทธาของชาวบ้านกุงไม้สัก มีความยาวถึง 500 ม. วัตถุประสงค์เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ และชาวบ้านที่อยู่อีกฟากฝั่งของแม่น้ำสะงาได้ใช้สัญจรไป/มา เสาไม้แต่ละต้นได้มาจากเสาบ้านเก่าที่ชาวบ้านบริจาค จึงทำให้บางจุดสูงบ้าง ต่ำบ้าง ทัศนียภาพโดยรอบเป็นท้องทุ่งนา ท่ามกลางอากาศสดชื่น3. แม่แจ่ม (เชียงใหม่)
แม่แจ่ม คือ ชื่ออำเภอเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางขุนเขาด้านหลังดอยอินทนนท์ ในจังหวัดเชียงใหม่ มีวัฒนธรรมที่งดงาม จากหลายเชื้อชาติ ผู้คนที่ยิ้มแย้ม และวิถีชีวิตแบบเรียบง่ายไร้การปรุงแต่งนาข้าวขั้นบันได เอกลักษณ์แม่แจ่ม
อาชีพของคนในพื้นที่ ส่วนใหญ่ทำการเกษตร ปลูกข้าว ทำไร่ ทำนา และด้วยสภาพพื้นที่เป็นที่ราบสูง จึงต้องทำการปลูกนาข้าว แบบขั้นบันได จนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่คนต่างถิ่นจดจำได้ดี นาข้าวขั้นบันไดบริเวณใกล้ๆ ตัว อ. แม่แจ่ม มี 3 แห่ง คือ บ้านแม่ปาน บ้านกองกาน และบ้านป่าปงเปียง ซึ่งแต่ละแห่งจะมีความสวยงามที่แตกต่างกัน ชาวบ้านนับถือศาสนาพุทธ วัดวาอารามต่างๆ ไว้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี เช่น "วัดพุทธเอ้น" หรือชื่อเดิมว่าวัดศรีสุทธาวาสเอิ้นมงกฎ เป็นวัดที่มีโบสถ์เก่าแก่อยู่กลางน้ำ และที่สำคัญยังมีน้ำไหลตลอดเวลา ชาวบ้านนิยมนำน้ำมาดื่มกิน "วัดกองกาน" อยู่ห่างจากวัดพุทธเอ้น 2 กม. เป็นวัดสำคัญของอ. แม่แจ่ม เนื่องจากมีพระเจ้าตนหลวง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองประดิษฐาน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ชาวบ้านแม่แจ่มจะมาสรงน้ำองค์พระเป็นประจำทุกปี เพื่อความเป็นสิริมงคล นอกจากนี้ยังมี "วัดป่าแดด" ที่มีภาพจิตรกรรมฝาผนังอายุกว่า 100 ปี สภาพค่อนข้างสมบูรณ์ให้ชื่นชม ส่วนใครที่อยากชอพพิงสินค้าพื้นเมือง ที่นี่มี "ผ้าทอตีนจก" หรือ "ซิ่นตีนจก" ให้เลือกซื้อได้จากชาวบ้านโดยตรง เพราะที่ ต. ท่าผา จะมีหมู่บ้านทอผ้าซิ่นตีนจกมากกว่า 150 หลังคาเรือน แต่ละหลังจะมีเครื่องทอผ้าอยู่ใต้ถุนเรือน นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปดูวิธีการทอผ้า และถ้าชอบซื้อได้เลย สินค้าที่ขึ้นชื่ออีกอย่าง คือ "ปิ่นปักผมทองเหลืองโบราณ" มีหลายขนาดให้เลือกซื้อ ราคาเริ่มต้นที่ 100 บาทเท่านั้น4. บ่อเกลือ (น่าน)
บ่อเกลือ เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดน่าน มีชื่อเสียงด้านการผลิตเกลือภูเขาที่ไม่มีที่ใดเหมือน เนื่องจากเป็นบ่อน้ำเกลือที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ท่ามกลางหุบเขาแห่งเดียวในโลก แถมที่นี่ยังมีภูมิประเทศที่สวยงาม และอากาศเย็นสบายตลอดปีบ่อเกลือโบราณ เกลือภูเขาหนึ่งเดียวในโลก
บ่อเกลือสินเธาว์ (เกลือที่ได้จากดินเค็ม) แห่งนี้ เป็นบ่อเกลือบนเขาแห่งเดียวในโลก ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 800 ปี ชาวบ้านยังคงสืบทอดภูมิปัญญาชาวบ้านการทำเกลือโบราณเอาไว้ด้วยวิธีการ "ต้ม" โดยจะตักน้ำเกลือจากบ่อมาพักไว้ในภาชนะขนาดใหญ่ หลังจากนั้นนำน้ำที่ได้มาต้มในกระทะประมาณ 4-5 ชม. ให้น้ำค่อยๆ ระเหยไปจนน้ำเกลือตกผลึก จากนั้นนำไม้พายมาตักเกลือใส่ตะกร้าที่แขวนไว้เหนือกระทะเพื่อให้สะเด็ดน้ำ จนน้ำในกระทะใกล้แห้ง จากนั้นจึงตักน้ำเกลือจากบ่อมาใส่ลงไปใหม่ ทำแบบนี้ซ้ำวนไปมาเรื่อยๆ ทั้งวันทั้งคืน พอได้เม็ดเกลือ ก็นำมาใส่ถุงขาย แต่เนื่องจากเป็นเกลือสินเธาว์ จึงไม่มีสารไอโอดีนเหมือนกับเกลือสุมทร จึงต้องเติมสารไอโอดีนเสียก่อนถึงจะบริโภคได้ ถัดจาก อ. บ่อเกลือ ประมาณ 20 กม. จะพบกับศูนย์ภูฟ้าพัฒนา เนื่องในพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สถานที่แห่งนี้มีหลายสิ่งให้ท่องเที่ยว และได้ศึกษาหาความรู้ อาทิ เส้นทางศึกษาธรรมชาติที่สามารถเดินชมไร่กาแฟ ร้านค้าสวัสดิการ ที่นำสินค้าจากฝีมือชาวบ้านมาจัดจำหน่าย ศูนย์วัฒนธรรมภูฟ้า เราจะเห็นวิถีชีวิตของชนเผ่ามละบลิ ที่เหลืออยู่เพียงแห่งเดียวในประเทศไทย และที่ไม่ควรพลาด คือ พระตำหนักภูฟ้าที่สวยงาม ซึ่งเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเทพฯ ขณะเสด็จมาทรงงานในพื้นที่จังหวัดน่านเป็นประจำทุกปี นอกจากนี้ ยังมี น้ำตกสะปัน น้ำตกขนาดกลางสูง 3 ชั้น ที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ร่มรื่น อุดมสมบูรณ์ ตลอดสองข้างทางมีต้นไม้ที่มีมอสส์ และตะไคร่น้ำขึ้นโดยทั่วไป ถ้ามาเที่ยวในช่วงฤดูหนาวจะพบต้นลิ้นมังกร สีชมพูบานสะพรั่งABOUT THE AUTHOR
วิธวินท์ ไตรพิศ
ภาพโดย : ฝ่ายภาพนิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2561
คอลัมน์ Online : สารคดี(formula)