พิเศษ
SUZUKI 100th ANNIVERSARY ถักทอเส้นทาง สร้างสรรค์ไม่สิ้นสุด
SUZUKI ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ปี 1909 และพัฒนาจากผู้เชี่ยวชาญอุตสาหกรรมทอผ้าขนาดใหญ่ จนกลายเป็นผู้ผลิตยานพาหนะหลากหลายประเภท โดยเฉพาะรถยนต์ที่ทันสมัย มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเป็นที่ต้องการของลูกค้าทั่วทุกมุมโลกประวัติ 100 ปี รวมไทม์ไลน์ เหตุการณ์สำคัญ 1909 SUZUKI ก่อตั้งโดย มิจิโอะ ซูซูกิ (MICHIO SUZUKI) เจ้าของธุรกิจผลิตเครื่องทอผ้า ในเมือง MINAMI-KU, HAMAMATSU ผู้มุ่งมั่นพัฒนาสินค้าออกมาตอบสนองลูกค้าในยุคนั้น ซึ่งต้องการเครื่องจักรที่สามารถผลิตเสื้อผ้าที่มีลายแนวตั้ง และแนวนอนได้ 1920 มิจิโอะ ซูซูกิ ต้องการขยายกิจการการทอผ้าให้ใหญ่โตขึ้น จึงรวบรวมทุนทรัพย์จำนวน 500,000 เยน ก่อตั้งบริษัท SUZUKI LOOM MANUFACTURING COMPANY หรือ SUZUKI JODOSHA KOGYO (SJK) นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนคู่แข่ง เช่น เครื่องทอผ้าที่สามารถใช้ด้ายย้อม ทอผ้าหลากสี ซึ่งทำให้บริษัทกลายเป็นผู้ผลิตเครื่องทอผ้ารายใหญ่ลำดับต้นๆ ของประเทศ 1929 แม้จะประสบความสำเร็จอย่างดีในธุรกิจผลิตเครื่องทอผ้า แต่การที่ญี่ปุ่นจะก้าวสู่การเป็นประเทศที่เน้นอุตสาหกรรมหนัก และการขยายตัวยังมีอีกมาก ธุรกิจเครื่องทอผ้าอย่างเดียว คงไม่อาจทำให้บริษัทอยู่รอดได้ในระยะยาว SUZUKI จึงเริ่มมองหาธุรกิจอื่นที่น่าจะลงทุน และธุรกิจที่ว่า คือ "รถยนต์" โดยสมัยก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 2 ในสังคมญี่ปุ่น ราคาของรถยนต์ยังมีราคาแพง มีแต่คนฐานะดีเท่านั้นถึงจะมีรถยนต์ขับ มิจิโอะ ซูซูกิ จึงคิดการณ์ใหญ่ขึ้นมา 1937 มิจิโอะ ซูซูกิ สั่งซื้อรถยนต์ AUSTIN SEVEN จากอังกฤษ มาให้วิศวกร และนายช่างในโรงงาน ช่วยกันถอดชิ้นส่วนเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างรถยนต์ของตนเอง โดยมีเป้าหมายจะผลิตรถยนต์ขนาดเล็ก ที่ใครๆ ก็เป็นเจ้าของได้ 1939 พวกเขาได้ลองสร้างรถยนต์ต้นแบบออกมาสำเร็จ โดยติดตั้งเครื่องยนต์ 4 สูบ 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ซึ่งถือว่าล้ำยุคล้ำสมัย ไปไกลหลายปี แต่ความฝันที่จะผลิตรถยนต์ต้องล้มเลิก เมื่อรัฐบาลให้เหตุผลว่า รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย 1940-1945 ช่วงสงครามโลก ครั้งที่ 2 SJK เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับมอบหมายให้สนับสนุนการผลิตอาวุธยุทธภัณฑ์ ในปี 1940 SJK จึงไปสร้างโรงงาน TAKATSUKA ที่เขต KAMI-MURA, HAMANA-GUN จังหวัดชิซูโอกะ 1947 เมือง HAMAMATSU รวมถึงโรงงานของ SJK ถูกฝ่ายสัมพันธมิตรโจมตีทางอากาศจนเสียหายอย่างหนัก ทำให้ SJK ต้องย้ายสำนักงานใหญ่มาอยู่ที่โรงงาน TAKATSUKA ก่อนจะย้ายมาอยู่บนที่ตั้งปัจจุบันในเดือนพฤษภาคม ปี 1947 พร้อมผลิตเครื่องทอผ้าอัตโนมัติออกจำหน่ายอีกครั้ง 1949 ช่วงหลังสงครามโลก ครั้งที่ 2 รัฐบาลสหรัฐอเมริกาผู้นำฝ่ายสัมพันธมิตร อนุญาตให้ส่งออกฝ้ายมายังญี่ปุ่น เพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมสิ่งทอ ซึ่ง SJK ก็ได้เข้าซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหุ้น TOKYO OSAKA และ NAGOYA 1950-1951 สภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นจากสงคราม ทำให้ตลาดสิ่งทอของญี่ปุ่นพังครืนลงในปี 1951 วิกฤตการณ์ด้านการเงินเริ่มถาโถมสู่ SJK จนเกือบจะอยู่ในภาวะล้มละลาย ส่งผลให้ต้องหันไปเจาะธุรกิจอื่น ซึ่งการผลิตยานพาหนะเป็นความท้าทายที่พวกเขาอยากลอง 1952 ผลงานชิ้นแรกของ SUZUKI เป็นยานพาหนะแบบ 2 ล้อ ที่เหมือนนำจักรยานมาติดเครื่องยนต์ 2 จังหวะ ขนาด 36 ซีซี เปิดตัวเมื่อปี 1952 ในชื่อ POWER FREE (เพาเวอร์ ฟรี) ด้วยรูปทรงที่เรียบง่ายเช่นเดียวกับการใช้งาน และการดูแลรักษา ทำให้มอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก 1953 เดือนมีนาคม ปี 1953 ด้วยความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของ POWER FREE ทำให้ SUZUKI เริ่มพัฒนาเครื่องยนต์ที่ทรงพลังยิ่งขึ้น ในชื่อ "DIAMOND FREE" ขนาด 60 ซีซี 2 แรงม้า ต่อมาเดือนธันวาคม ปี 1953 ได้ผลิตรถจักรยานยนต์รุ่น COLLEDA ออกจำหน่าย ซึ่งถือเป็นรถจักยานยนต์คันแรกที่เรียกได้ว่าเป็นรถจักรยานยนต์จริงๆ โดยผลิตรุ่นแรก คือ COLLEDA CO ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้เกิดรถรุ่นต่างๆ ตามมา 1954 เดือนมิถุนายน ปี 1954 SUZUKI เปลี่ยนชื่อเป็น SUZUKI MOTOR CO., LTD. ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน 1955 SUZUKI ขยายตัวสู่ตลาดรถยนต์ ด้วยการเปิดตัวรถยนต์นั่งขนาดเล็ก รุ่น SUZULIGHT ในปี 1955 ใช้เครื่องยนต์ 2 จังหวะ 360 ซีซี และถือเป็นรถยนต์รุ่นแรกๆ ในญี่ปุ่นที่ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ระบบช่วงล่างแบบอิสระ 4 ล้อ และพวงมาลัยแบบฟันเฟือง และตัวหนอน 1958 สัญลักษณ์รูปตัว S ของ SUZUKI ที่เรียบง่าย แข็งแรง และสวยงาม ที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน เริ่มใช้เป็นครั้งแรกในเดือนตุลาคม ปี 1958 จากการออกแบบของ มาซามิจิ เทเซนิ (MASAMICHI TEZENI) 1959 เดือนกรกฎาคม ปี 1959 เจเนอเรชันต่อมาของ SUZULIGHT ก็ออกสู่ตลาด นั่นคือ SUZULIGHT VAN 360 เครื่องยนต์ 2 จังหวะ 21 แรงม้า ที่ตัวรถดูคล้ายกับรถยนต์ MINI รุ่นแรกๆ อยู่ไม่น้อย 1961 นอกจาก SUZULIGHT 360 แบบเก๋งแล้ว ในเดือนตุลาคม ปี 1961 SUZUKI ได้ออกรถกระบะเพื่อการพาณิชย์ ที่ใช้เครื่องยนต์เดียวกัน คือ SUZULIGHT CARRY เครื่องยนต์ 2 สูบ 2 จังหวะ 359 ซีซี 1963 เดือนมีนาคม ปี 1963 SUZUKI เปลี่ยนโฉมใหม่รถรุ่น FRONTE เป็น SUZULIGHT FRONTE SEDAN 360 โดยปรับบั้นท้ายให้ใกล้เคียงกับรถซีดานมากขึ้น พร้อมเปลี่ยนชุดกระจังหน้า และไฟเลี้ยวใหม่ ให้ดูกว้างขึ้น วางเครื่องยนต์ 2 จังหวะ 21 แรงม้า 1965 FRONTE 800 รหัสรุ่น C10 เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 1965 ถือเป็นรุ่นที่วางรากฐานในการพัฒนารถยนต์นั่งส่วนบุคคล พิกัดใหญ่กว่ากลุ่ม KEI-JIDOSHA หรือ K-CAR (รถขนาดเล็ก) 1967 พัฒนาการสำคัญของ SUZUKI ในตลาดรถเล็ก ได้แก่ SUZUKI FRONTE 360 รหัสรุ่น LC10 รถยนต์ 4 ล้อรุ่นแรก ที่ใช้ยี่ห้อ SUZUKI แทน SUZULIGHT และเป็นเจเนอเรชันที่ 2 ของ FRONTE ออกแบบตัวถังใหม่ ใช้เครื่องยนต์แบบ 3 สูบ 2 จังหวะ 356 ซีซี 1968 ในปี 1968 SUZUKI FRONTE SS ถูกผลิตออกมาเพื่อตอบโต้กระแสความแรง ของบรรดารถยนต์ขนาดเล็กในตลาด K-CAR สร้างขึ้นบนพื้นฐานของ FRONTE LC10 แต่นำเครื่องยนต์ ของ FRONTE LC10 มาเพิ่มกำลังเป็น 36 แรงม้า รถต้นแบบถูกส่งไปทดสอบความทนทานถึงประเทศอิตาลี โดยวิ่งบนทางหลวง AUTOSTRADA DE SOLE จากเมืองมิลาน ผ่านกรุงโรม ไปจบที่เมืองเนเปิล ระยะทางรวม 750 กม. ใช้ความเร็วเฉลี่ย 122.44 กม./ชม. ผู้ขับ 1 ใน 2 คน ที่ทำสถิติดังกล่าว คือ เซอร์ สเตอร์ลิง มอสส์ (SIR STIRLING MOSS) นักแข่งชื่อก้องโลกชาวอังกฤษ อีกคนหนึ่งเป็นชาวญี่ปุ่นชื่อ มิสึโอะ อิโต (MITSUO ITOH) 1970 SUZUKI ร่วมมือกับ YUASA BATTERY ผลิต SUZUKI CARRY ELECTRIC VAN เพื่อใช้เป็นรถรับ/ส่งผู้เข้าชมงาน EXPO ’70 ที่นครโอซากา บนพื้นฐานของรถบรรทุกเล็ก SUZUKI CARRY รุ่น L40V วางเครื่องยนต์ 2 สูบ 2 จังหวะ 359 ซีซี เส้นสายภายนอกออกแบบโดย โจร์เกตโต จูจาโร (GIORGETTO GIUGIARO) นักออกแบบรถยนต์ชื่อดัง SUZUKI ทำสัญญาซื้อลิขสิทธิ์การพัฒนา และการผลิตเครื่องยนต์โรตารี จาก AUDI NSU AUTO UNION แห่งเยอรมนี ที่ถือสิทธิ์โดยตรงจาก เฟลิกซ์ วังเคล (FELIX WANKEL) ผู้ประดิษฐ์เครื่องยนต์โรตารี เปิดตัวรถยนต์รุ่นตำนาน SUZUKI JIMNY LJ10 เครื่องยนต์ 2 จังหวะ 2 สูบ 359 ซีซี 25 แรงม้า ต้นตำรับรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ตัวถังแข็งแรง ทนทาน น้ำหนักเบา สามารถขับในเส้นทางทุรกันดาร 1971 SUZUKI FRONTE COUPE ออกสู่ตลาดครั้งแรกเมื่อเดือนกันยายน ปี 1971 โดยจุดเด่นของรถคันนี้ คือ เป็นการร่วมงานกันอีกครั้งระหว่าง SUZUKI กับ โจร์เกตโต จูจาโร และขายกันจนถึงปี 1976 1979 รถยนต์รุ่นสำคัญอีกรุ่นหนึ่งในประวัติศาสตร์ของ SUZUKI มีชื่อว่า SUZUKI ALTO เปิดตัวในเดือนพฤษภาคม ปี 1979 ราคาเพียง 470,000 เยนเท่านั้น ผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นให้ความสนใจล้นหลาม เพิ่มความนิยมให้รถยนต์ประเภท K-CAR แบบก้าวกระโดด 1981 SUZUKI JIMNY เจเนอเรชันที่ 2 รุ่น SJ30 เปิดตัวครั้งแรก วางเครื่องยนต์ LJ50 เหมือนรถรุ่นก่อน แต่ตัวถังมีขนาดใหญ่ขึ้น และเป็นต้นกำเนิดตระกูล CARIBIAN ในบ้านเรา 1982 รถ ATV คันแรกของ SUZUKI ออกสู่ตลาด สามารถขับได้บนพื้นผิวที่หลากหลาย รวมถึงโคลนเนินเขา และทะเลทราย SUZUKI เปิดตัวรถ 4x4 สายพันธุ์ใหม่ นั่นคือ SJ410 เป็นต้นตระกูลของ SJ ซีรีส์ ตัวรถกว้างขว้าง ทันสมัย ดึงจุดเด่น และแก้ไขจุดด้อยของ LJ ซีรีส์ ที่ผลิตก่อนหน้านี้ ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ 970 ซีซี 45 แรงม้า 1983 SUZUKI CULTUS รุ่นแรก เปิดตัวเมื่อปี 1983 ทำตลาดถึงปี 1988 และเข้ามาขายในบ้านเราช่วงปี 1986 เป็นรุ่น 5 ประตู ในชื่อ SUZUKI SA413 ส่วนรุ่นที่ 2 เปิดตัวเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 1988 ช่วงแรกมีทั้งตัวถังแฮทช์แบค 3 กับ 5 ประตู ก่อนที่ตัวถังซีดาน 4 ประตู ในชื่อ ESTEEM จะตามมาในปี 1990 SUZUKI มองเห็นตลาดสำหรับรุ่น SJ410 และ SJ413 โดยออกแบบใหม่ ขยายฐานล้อออกไป 13.5 นิ้ว และขยายความยาวของตัวรถอีก 23 นิ้ว มีหลายรุ่นให้เลือก ตั้งแต่รุ่นเปิดประทุน ที่มีทั้งแบบ 4 ที่นั่ง และ 6 ที่นั่ง ไปจนถึงรุ่นหลังคาแข็ง 1988 เดือนพฤษภาคม ปี 1988 เปิดตัวรถขับเคลื่อน 4 ล้อรุ่นใหม่ SUZUKI VITARA ซึ่งตระกูล VITARA มีชื่อทำตลาดเฉพาะญี่ปุ่นว่า ESCUDO และเริ่มส่งออกสู่ตลาดยุโรป ภายใต้ชื่อ SUZUKI VITARA ส่วนในสหรัฐอเมริกา จะมีทั้งชื่อ VITARA สำหรับทำตลาดเอง และชื่อ GEO TRACKER 1989 SIDEKICK รถ 3 ประตู หลังคาอ่อน เผยโฉมครั้งแรกในปี 1989 ผลิตที่โรงงานในแคนาดา เกิดจากความร่วมมือกันระหว่าง SUZUKI และ GM CAMI ใช้เครื่องยนต์ 1.3 ลิตร ก่อนที่จะอัพเกรดเพิ่มประสิทธิภาพเป็นเครื่องยนต์หัวฉีด TBI 1.6 ลิตร 8 วาล์ว 80 แรงม้า สำหรับแฟนๆ ในเอเชีย SIDEKICK รู้จักในอีกชื่อหนึ่ง คือ ESCUDO ส่วนในตลาดยุโรป และออสเตรเลีย รู้จักกันในชื่อ VITARA SUZUKI ส่งออกรุ่น FRONTE ไปยังตลาดต่างๆ ในปี 1968 ทำให้กิจการผลิตรถยนต์ของ SUZUKI ขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาเพียง 21 ปี ในการเพิ่มจำนวนการผลิตเป็น 10 ล้านคัน ในปี 1989 1991 สปอร์ทเปิดประทุน 2 ที่นั่ง ในตำนานของ SUZUKI เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม ปี 1991 ภายใต้ชื่อ SUZUKI CAPPUCCINO โดยเลือกใช้ชื่อเหมือนกาแฟ สื่อให้เห็นถึงแนวเส้นตัวถังที่โค้งมน ลื่นไหล และลงตัว วางเครื่องยนต์ 3 สูบ 657 ซีซี 4 จังหวะ CAPPUCCINO ผลิตทั้งสิ้น 27,656 คัน จนถึงเดือนสิงหาคม ปี 1998 1993 SUZUKI WAGON R ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ในฐานะรถขนาดเล็กที่ออกแบบได้สวยงามลงตัว และมีสมรรถนะการใช้งานดีเยี่ยม การันตีด้วยรางวัล RJC NEW CAR OF THE YEAR 1993 2001 SUZUKI MR-WAGON เคยเป็นรถต้นแบบ ในงานมหกรรมยานยนต์โตเกียว 1999 เริ่มออกจำหน่ายในญี่ปุ่น เดือนธันวาคม ปี 2001 มีรูปลักษณ์แบบ MONO-FORM ภายในเน้นความอเนกประสงค์ 2003 SUZUKI เป็นเจ้าพ่อตัวจริงในตลาดรถยนต์ KEICAR พิสูจน์ด้วยการครองตำแหน่งบริษัทที่มียอดขายรถยนต์ประเภทนี้ต่อปีสูงสุดในญี่ปุ่น 30 ปีติดต่อกัน (1973-2003) 2004 เปิดตัว SUZUKI SWIFT รุ่นแรก ที่งานมหกรรมยานยนต์ปารีส 2004 โดยมีเครื่องยนต์ 2 ขนาด คือ 1.3 ลิตร 92 แรงม้า (ไม่มีขายในไทย) และ 1.5 ลิตร 102 แรงม้า (มีขายในไทย) ตัวถัง 3 ประตู และ 5 ประตู ในญี่ปุ่นมีเฉพาะรุ่น 5 ประตู ส่วน 3 ประตู มีขายในเยอรมนี คู่กับ 5 ประตู 2005 เปิดตัว SUZUKI SWIFT SPORT เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร 123 แรงม้า แต่งสปอร์ท ส่วนในไทยก็เปิดตัวรุ่นเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร โดยบริษัท ซูซูกิ ออโตโมบิล แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ในงาน MOTOR EXPO 2009 2006 SUZUKI CERVO โฉมใหม่ แฮทช์แบค 5 ประตู ทรงสูง รูปลักษณ์สวยล้ำสมัย ภายในเรียบง่าย เน้นประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก เครื่องยนต์ 660 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 54 แรงม้า 2008 นับจากปี 1990 เป็นต้นมา SUZUKI มียอดการผลิตรถยนต์ต่อปีเกิน 1 ล้านคัน ก่อนจะเพิ่มเป็น 2 ล้านคัน ในปี 2005 และในปี 2002 ก็ฉลองยอดผลิตสะสมครบ 30 ล้านคัน และ 40 ล้านคัน ในปี 2008 2009 เดือนเมษายน ปี 2009 SUZUKI เปิด SUZUKI PLAZA ที่เมือง HAMAMATSU เพื่อจัดแสดงรถยนต์ SUZUKI ในช่วงตลอดทศวรรษที่ผ่านมา พร้อมเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของ SUZUKI ตั้งแต่สมัยแรกเริ่ม 2010 SUZUKI มียอดขายสะสมในประเทศญี่ปุ่น 20 ล้านคัน พร้อมการฉลองครบรอบ 40 ปีของ JIMNY รถขับเคลื่อน 4 ล้อขนาดเล็ก 2011-2012 เปิดตัวรถยนต์นั่งขนาดเล็ก SUZUKI ALTO ECO โฉมใหม่ เครื่องยนต์ 3 สูบ 660 ซีซี รหัส R06A ที่ควบมากับเทคโนโลยีระบบ START-STOP ประหยัด และขับง่าย ด้วยระบบเกียร์ CVT ที่ปรับปรุงใหม่ เพื่อส่งกำลังไปขับเคลื่อนล้อหน้า
















ABOUT THE AUTHOR
ก
กองบรรณาธิการ 4wheels
ภาพโดย : อินเตอร์เนทนิตยสาร 417 ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2563
คอลัมน์ Online : พิเศษ(4wheels)