รอบรู้เรื่องรถ
รถสปอร์ท เหมาะกับผู้ใหญ่วัยเกษียณ
ผมขออนุญาตชี้แจงสาเหตุ แต่ขอไม่แก้ไขเนื้อเรื่องเช่นเดียวกับในฉบับที่แล้วนะครับ ที่เรื่องนี้ถึงมือท่านผู้อ่านล่าไปหน่อย จึงเลยงานแสดงรถยนต์ประจำต้นปีไปหนึ่งเดือน ไม่ใช่ปัญหาครับ เพราะหมดยุคที่ต้องซื้อรถพร้อมเงื่อนไขพิเศษเฉพาะ “ในงานฯ” มาหลายปีแล้ว ทั้งๆ ที่ผมก็ยังเห็นบรรดาลูกค้าส่วนใหญ่ นิยมซื้อในงานฯ กันเหมือนเดิม ไม่ทราบแน่ว่าเพราะเหตุใด เดาว่า น่าจะให้ความรู้สึก “มัน” กว่า จากบรรยากาศที่คึกคัก ต่างกันมากกับการชม และหรือซื้อที่ตัวแทนจำหน่ายนอกงานฯใครบ้างที่ควร และใครบ้างที่ไม่ควรซื้อรถใหม่ ผมเคยให้คำแนะนำไปแล้วหลายครั้งด้วยกัน ครั้งนี้จึงขอให้คำแนะนำอย่างรวบรัด คือ ใครที่ไม่พร้อม (ด้านการเงิน เพราะปัญหาอื่นไม่ใช่เรื่องใหญ่) อย่าซื้อเป็นอันขาดครับ อย่าไปเชื่อคำยุยงจากใครทั้งนั้น เพราะเวลาเรามีปัญหา คนพวกนี้มันไม่เห็นใจ หรือคิดจะช่วยเหลือหรอก จำประโยคที่ผมจะบอกต่อไปนี้ไว้ให้ขึ้นใจครับ “มีเงินพอใช้ และเหลือเก็บออมบ้าง แต่ยังไม่มีสิ่งที่อยากได้มาก ซึ่งไม่ได้จำเป็นต้องมี” ย่อมให้ความรู้สึกดีกว่าการ “มีของที่ชอบมาก แต่แลกมาด้วยความอัตคัดขัดสน” ที่จริงคำว่า ดีกว่า ยังไม่ตรงนักนะครับ เพราะแบบแรกนั้นไม่ทำให้มีทุกข์ ส่วนอย่างหลังนี่อาจจะหนักหนาสาหัส ถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับเอาเลย ไม่คุ้มอย่างยิ่ง ถ้ายังไม่พร้อม ต้องข่มใจกดกิเลสที่มันครอบงำไว้ให้ได้ ความรู้สึกว่า “เท่” มันเป็นการทึกทัก หลอกตัวเองเท่านั้น และทำลายชีวิตจิตใจคนไทยมามากมายแล้ว เพราะความไม่รู้เท่าทัน แถมยังมีรัฐบาลทุกยุคสมัย เข้าข้างนายทุนอุตสาหกรรม สถาบันการเงิน ด้วยการยุยงส่งเสริมให้ประชาชนมีหนี้สินเกินตัวล้นพ้น แทนที่จะให้ความรู้ความเข้าใจ ในการดำรงชีพอย่างสมเหตุผล สมฐานะ แต่ในอีกมุมหนึ่ง เป็นกลุ่มผู้ที่มีความพร้อมทุกอย่าง ในการซื้อรถใหม่ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด หรือแม้จะไม่มีเหตุผลอะไรเลยก็ตาม ช่วยกันใช้เงินหน่อยครับ ให้เงินมันสะพัด เศรษฐกิจจะได้กระเตื้อง ถ้าการงานมั่นคง ทรัพย์สินก็มากมายเกินพอ เกิดเหตุฉุกเฉินระดับไหน ก็ยังไม่มีปัญหาด้านการเงิน ช่วยซื้อรถใหม่กันหน่อยนะครับ เงินที่จ่ายค่ารถไปนั้น อาจไป “ชุบชีวิต” คนที่กำลังลำบากแสนสาหัสได้หลายคนด้วยกัน ถ้าเห็นด้วย ก็เลือกประเภท และระดับราคากันตามใจชอบได้เลย แต่ยังมีปัญหาอยู่บ้างถ้าเป็นรถสปอร์ท ที่ยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนกันมากพอสมควร ว่าใครบ้างที่ควรซื้อรถประเภทนี้มาใช้ หรือจะให้ตรงจุดกว่านี้ ก็ต้องเปลี่ยนคำถามเป็น ใครบ้างที่ไม่สมควรใช้ สังคมไทยเราเต็มไปด้วยอคติ และการเชื่อถือเสียงเล่าลือ สำหรับผู้อ่านที่อายุยังไม่มาก และไม่ทันได้เห็นสิ่งที่แปลกประหลาดอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง ผมขอเล่าเพียงบางเรื่องพอให้จินตนาการได้นะครับ สมัย 60 ปีที่ผ่านมา และย้อนลงไปก่อนหน้านั้นอีก ในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา และกลุ่มประเทศแถบยุโรปตะวันตก เริ่มรู้โทษของรังสีอุลทราไวโอเลทในแสงแดด (ที่ตาของเราไม่สามารถมองเห็นได้) ที่มีต่อดวงตาของมนุษย์ จึงผลิตเลนส์แว่นตาที่สามารถกรองรังสีนี้ได้ แถมด้วยการย้อมสีเพื่อกรองแสงที่ตามนุษย์มองเห็นได้ เพื่อช่วยให้ “สบายตา” ขึ้น มาใส่กรอบแว่นตาแทนเลนส์สายตา ที่พวกเราเรียกกันว่าแว่นกันแดดนี่แหละครับ เชื่อหรือไม่ครับ ว่าในสมัยนั้น คนรุ่นผมไม่สามารถสวมแว่นประเภทนี้ได้ แค่เดินตามถนนก็มีความเสี่ยงสูงมาก ที่จะถูกทำร้ายร่างกาย เพราะความ “หมั่นไส้” ปนอิจฉา หาว่าทำตัวเหมือนพวก “ฝรั่ง” แม้แต่สามี และภรรยาที่เดินไปไหนด้วยกันในที่สาธารณะ ก็ยังไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะจับมือกัน ไม่ต้องพูดถึงการโอบไหล่ โอบเอวกันอย่างสมัยนี้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดา และเป็นธรรมชาติด้วย ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะจะถูกรุมประณามด้วยสายตา หรือถึงขั้นชี้นิ้วชวนกันดูด้วยความเห็นด้านลบ ผมเล่ามาเพียงแค่สองตัวอย่างนี้ก็พอนะครับ จะได้เข้าใจอคติอันโง่เขลาทำนองเดียวกันนี้ ต่อการเห็นผู้สูงวัย ขับรถสปอร์ท ที่ผมกำลังจะชี้ชวนให้ซื้อมาขับกันอยู่ในตอนนี้นี่แหละครับ รถสปอร์ทชั้นดีนั้นสร้างยาก ทั้งตัวถัง เครื่องยนต์ ช่วงล่าง ระบบเบรค ล้วนต้องมีความพิเศษกว่ารถทั่วไป ต้นทุน และราคาขายจึงต้องสูง อาจสูงถึงสองหรือหลายเท่าของรถเก๋งปกติ ไม่ใช่เรื่องแปลกครับ ส่วนประโยชน์ใช้สอยนั้นอยู่ในทิศตรงกันข้าม เช่น จุผู้โดยสารได้น้อยกว่า สะเทือนกว่า ข้ามสิ่งกีดขวางบนถนนได้ยากกว่า บรรทุกสัมภาระได้น้อยกว่า ขับระยะทางไกลแล้วเหนื่อยล้ากว่า (ไม่ทุกรุ่นนะครับ ถ้าเป็นพวกราคาสูง อาจจะตรงกันข้ามเลยก็ได้) ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว ทำไมจึงมีคนจำนวนมากทั่วทั้งโลก ใฝ่ฝันที่จะได้เป็นเจ้าของมันอย่างน้อยสักคัน หรือสักครั้งหนึ่ง ก็เพราะพวกมันมักจะสวยงามเป็นพิเศษ ดึงดูดความสนใจของผู้ที่เห็น เครื่องยนต์แรง เสียงเพราะ เกาะถนนทรงตัวดี ให้ความรู้สึกมั่นใจเมื่อเบรค และเลี้ยว หากประมวลคุณสมบัติทั้งหมดแล้ว เราก็จะได้คำตอบอย่างไม่เป็นทางการว่า มันไม่ควรถูกใช้เป็นรถคันแรก คันเดียว หรือรถที่ใช้งานประจำวัน และเหมาะกับผู้ที่มีเงินส่วนหนึ่งเหลือพอ ที่จะซื้ออะไรเพื่อความพึงพอใจส่วนตัว โดยไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลใดมารองรับ หรือสนับสนุนทั้งสิ้น ถ้าไม่ใช่ข้อยกเว้นเป็นพิเศษ เช่น เกิดมาในครอบครัวที่มั่งคั่ง หรือประสบความสำเร็จทางธุรกิจอย่างรวดเร็วในยุคนี้ ที่เทคโนโลยีหลายอย่างเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมมนุษย์ได้เกือบทั้งโลก ก็จะต้องเป็นคนที่สูงวัยพอสมควร มีรายได้สูงมาเป็นเวลานานพอที่จะเหลือเงินสะสมไว้เป็นจำนวนมาก หมดภาระทางการเงินทุกอย่าง ลูกก็เติบโตหาเลี้ยงชีพกันเองได้แล้ว ที่เหมาะจะซื้อรถประเภทนี้มาขับ จะด้วยความชอบมาตั้งแต่วัยเด็กหรือไม่ก็ตาม เราจึงเห็นรถสปอร์ทในประเทศพัฒนาแล้ว ถูกใช้โดยผู้สูงวัยเกือบทั้งสิ้น ที่ผมเจาะจงคำว่า “ประเทศพัฒนาแล้ว” ก็เพราะผู้คนในประเทศเหล่านี้ เขาดำเนินชีวิตกันอย่างเหมาะสมกับฐานะครับ จะมีนอกลู่นอกทางไปบ้าง ก็น้อยมากจริงๆ ซึ่งถือเป็นข้อยกเว้น แต่ในประเทศที่กำลังพัฒนาแต่หาอนาคตที่ดีไม่เจออย่างของเรา มันกลับผิดเพี้ยนไปหมดครับ คือ คนที่ไม่สมควรมี เช่น พวกที่ไม่เคยทำงานอะไรเป็นเรื่องเป็นราว เงินของตนเองก็ไม่เคยเก็บออมได้เลย กลับมีรถพวกนี้ขับฉวัดเฉวียนกันเกลื่อนเมือง มันมาจากความด้อยสติปัญญาของพ่อแม่ครับ ซึ่งผมไม่ขอออกความเห็น เพราะไม่เชื่อว่าจะได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา แต่ที่อยากให้คำแนะนำ คือ กลุ่ม “ของจริง” ที่มีความพร้อม ซึ่งก็คือผู้สูงวัย ที่มีความพร้อมทุกด้าน แต่กลับไม่ได้ใช้รถที่ชอบ ซึ่งผมขอแบ่งเองอย่างหยาบ แบบไม่เป็นทางการได้สองกลุ่มดังนี้ กลุ่มแรก เรียกตามสำนวนในสื่อสังคมยุคนี้ ว่า “สายขี้เหนียว” คือ ชอบ อยากได้ อยากมี อยากขับ แต่ไม่อยากจ่ายเงิน ซึ่งก็มีแตกพวกออกไปได้อีก คือ พวกกลัวเงินที่มีอยู่มันลดจำนวนลงไป เพราะถึงมีเหลืออยู่มากพอ แต่รายได้ใหม่ไม่ค่อยเข้ามาแล้ว กับอีกพวก ที่ถึงจะมีรายได้เพิ่มพูนขึ้นต่อเนื่อง แต่ก็ยังแบ่งมาซื้อรถที่ชอบไม่ลงอยู่ดี เพราะกลัวความเพิ่มพูนของเงิน มันสะดุด หรือลดอัตราลง กลุ่มแรกทั้งสองพวกนี้ ผมไม่คาดหวังว่าการอธิบายของผม จะไปเปลี่ยนแปลงความคิดของพวกเขาได้ แต่ก็ไม่ถึงกับทุกคนนะครับ เพราะอาจจะมีอยู่บางคนที่เคยชินกับความคิดเดิมๆ มาตลอด จนไม่กล้าแม้แต่จะลองคิดแบบอื่นดูบ้าง ถ้าหากพอมีอยู่สักคนสองคน เดี๋ยวได้อ่านคำแนะนำของผมต่อกลุ่มที่สองแล้ว อาจจะเปลี่ยนใจเห็นด้วยขึ้นมาก็ได้นะครับ และกลุ่มที่ว่านี้ก็คือคนที่ทั้งพร้อมทั้งชอบ และไม่ตระหนี่ถี่เหนียวด้วย แต่บังเอิญถูกครอบงำด้วยความเชื่อ จากการทึกทักเอาเองของคนหมู่มากในสังคมไทย ว่าคนหนุ่มสาวเท่านั้นที่เหมาะสมกับการใช้รถสปอร์ท มันคืออคติที่หาสาระอะไรไม่ได้เลยจริงๆ เท่าที่ผมพยายามหาสาเหตุมาเป็นเวลาหลายสิบปี พบว่าเกือบทั้งหมดมาจากความริษยาล้วนๆ ครับ เพราะฉะนั้นถ้าชอบจริงและพร้อมทุกด้าน อย่ายอมให้ความคิดด้านลบของผู้อื่น มาบงการชีวิตเราเป็นอันขาด ลุกขึ้นมาทำสิ่งที่ชอบที่ควร เลือกรถรุ่นที่ชอบแล้วไปลองขับเลยครับ พยายามซื้อรถที่พร้อมขายอยู่แล้ว ผมไม่แนะนำให้สั่งรถใหม่ ที่อาจต้องรอหลายเดือนหรือเกือบปี เพราะจะนานจนหมดสนุกไปเสียก่อน (เอาไว้ทำกับคันถัดไปครับ) และถ้าเกิดเสียดายเงินชั่ววูบขึ้นมาจนอยากจะเปลี่ยนใจ ท่องประโยคนี้ไว้ในใจให้คล่องเลยครับ “ถึง ไม่ซื้อรถสปอร์ทมาขับเล่น ก็เอาเงินนี้ไปใช้ในภพหน้าหรือชาติหน้าไม่ได้อยู่ดี” คำแนะนำที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนี้ ไม่มีส่วนใดที่เจาะจงสำหรับผู้ชายเลย “รถสปอร์ทถูกสร้างมาให้ผู้ชายใช้” ก็เป็นอคติอีกอย่างหนึ่งของคนไทย ที่ต้องช่วยกันกำจัดให้หมดสิ้นไป ลุกขึ้นมาเลยครับ ไม่ต้องกลัวว่าใครที่ริษยา มันจะตั้งฉายาต่อท้ายว่า “ป้า” อะไรให้เรา
เรื่องโดย : เจษฎา ตัณฑเศรษฐี
ภาพโดย : อินเตอร์เนท
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2564
คอลัมน์ Online : รอบรู้เรื่องรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/363766