“IMC สื่อสากล” เตรียมเปิด พิพิธภัณฑ์คนรักรถ AUTO RENDEZVOUS MUSEUM-BANGKOK ที่จัดแสดงรถยนต์ 7 ประเภท ตามที่สมาพันธ์รถโบราณสากล (FEDERATION INTERNATIONALE DES VEHICULES ANCIENS: FIVA) กำหนด ภายใต้การสนับสนุนของสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นสมาชิกสมาพันธ์ฯ ประกอบด้วยรถรุ่นบรรพบุรุษ (ANCESTOR CARS) รถที่ผลิตจนถึง ปี 1904 รถรุ่นผ่านศึก (VETERAN CARS) รถที่ผลิต ระหว่าง ปี 1905-1918 รถโบราณ (VINTAGE CARS) รถที่ผลิตระหว่าง ปี 1919-1930 รถก่อนสงคราม (PRE WAR CARS) รถที่ผลิตระหว่าง ปี 1931-1945 รถหลังสงคราม (POST WAR CARS) รถที่ผลิตระหว่าง ปี 1946-1960 รถคลาสสิค (CLASSIC CARS) รถที่ผลิตระหว่าง ปี 1961-1970 รถคลาสสิคร่วมสมัย (MODERN CLASSIC CARS) รถที่ผลิตตั้งแต่ปี 1971 และมีอายุไม่ต่ำกว่า 30 ปี พร้อมกันนี้ พิพิธภัณฑ์ได้จัดให้มีหุ่นยนต์คอยต้อนรับสำหรับผู้มาเยือน โดยหุ่นยนต์ สามารถอธิบายประเภทรถที่จัดแสดง บรรยายจุดเด่นของรถแต่ละคัน รวมถึงตอบโต้กับผู้ชมได้อีกด้วย สำหรับรถที่จัดแสดงให้ชมในพิพิธภัณฑ์ ได้แก่ รถรุ่นบรรพบุรุษ “BLACK’ HIGH WHEELER ผลิตในปี 1904 เป็นยานยนต์สมัยแรกสุดของสหรัฐอเมริกา เครื่องยนต์วางกลางลำ แบบ 2 สูบนอน ความจุ 852 ซีซี ให้กำลัง 18 แรงม้า ฐานล้อกว้าง 75 นิ้ว ขับเคลื่อนล้อหลังด้วยโซ่ ใช้ล้อรถม้าขอบบางขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลาง 36 นิ้ว คาดแถบยางตัน รถรุ่นผ่านศึก OVERLAND MODEL 40 ROADSTER ผลิตในปี 1910 เป็นผลงานของผู้สร้างรถแข่งแพคคาร์ด จาก อินเดียนา โพลิส เมืองแห่งรถแข่งของสหรัฐอเมริกา ซึ่งฝีมือการประกอบ ละเอียด แม่นยำ กว่าช่างแห่งเมืองดีทรอยท์ พร้อมริเริ่มใช้โลหะผสมผลิตเครื่องยนต์ที่มีความจุ 4,188 ซีซี รถโบราณ AUSTIN SEVEN รถจากประเทศอังกฤษ ผลิตในปี 1929 กำลัง 7 แรงม้า ความจุ 747 ซีซี ผลิตด้วยเหล็กเหนียว และอลูมิเนียมแผ่น ประกอบบนโครงไม้แอช เบาพิเศษ จึงมีน้ำหนักเพียง 465 กก. เป็นทั้งรถใช้ในชีวิตประจำวัน รถขนส่งสินค้า และรถแข่งของชาวอังกฤษ ยุคหลังสงครามโลก ครั้งที่ 1 รถรุ่นก่อนสงครามโลก MG TA ผลิตในปี 1936 โดย MG หรือ MORRIS GARAGE แห่งเมืองอบิงดัน ประเทศอังกฤษ มีจำนวนน้อยเพียง 3,003 คัน ตัวถังเป็นโลหะ ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 1,250 ซีซี ให้กำลังจริง 54 แรงม้า ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 140 กม./ชม. ซึ่งจัดว่าเร็วมากในยุคนั้น MG TB พัฒนาจากรุ่น TA ออกมาในช่วงก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 2 แต่จำหน่ายได้เพียง 4 เดือน ก็ต้องปิดสายการผลิตเพื่อเข้าสู่สงคราม จึงมีรถจากโรงงานสู่ตลาดเพียง 379 คัน ทำให้มันทรงคุณค่า และหาได้ยากยิ่งในปัจจุบัน LANCIA APRILIA ผลิตในปี 1939 ความพิเศษอยู่ที่มันเป็นหนึ่งในรถชุดแรกๆ ของโลกที่ใช้อุโมงค์ลมช่วยในการออกแบบ เหมือนการออกแบบเครื่องบิน รวมทั้งเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของ วินเซนโซ ลันชา ผู้ก่อตั้งบริษัทผลิตรถที่เก่าแก่อันดับ 2 ของอิตาลี รองจาก FIAT รถรุ่นหลังสงครามโลก LANCHESTER LD10 รถจากเกาะอังกฤษ ล้ำสมัยกว่ารถตลาดขนาดเดียวกันทั้งหมด ด้วยระบบส่งกำลังกึ่งอัตโนมัติ WILSON PRESELECTOR ไร้คันเหยียบคลัทช์ พร้อมระบบรองรับแบบคอยล์สปริง JAGUAR MARK V SALOON ผลิตในปี 1951 ใช้เครื่องยนต์ ความจุ 2,663 ซีซี เป็น JAGUAR รุ่นใหญ่แบบแรก ที่ออกมาหลังโรงงานในเมืองโคเวนทรี ประเทศอังกฤษ พ้นภาวะจากสงครามโลก ครั้งที่ 2 ได้ชื่อรุ่นว่า “ลำดับ 5” เนื่องจากเป็นรถต้นแบบคันที่ 5 ในกระบวนการพัฒนา BMW 503 COUPE ผลิตในปี 1956 เป็นรถสปอร์ทต้นตระกูลของ SERIES 6 และ 8 สไตล์ HARDTOP COUPE 2+2 ที่นั่ง ไม่มีเสากลาง เริ่มใช้มาตรวัดขนาดยักษ์ 2 วง ต้นแบบของ “หน้าปัดแบบ BMW” และเครื่องยนต์ วี 8 สูบ 3,168 ซีซี หล่อจากอลูมิเนียม ทั้งเสื้อสูบ และฝาสูบ ต่างจากเครื่องยนต์ วี 8 ทั่วไปที่มักใช้เสื้อสูบเป็นเหล็ก รถคลาสสิค TRIUMPH TR3A ROADSTER สปอร์ทขนาดเล็ก รูปร่างตามพิมพ์นิยมของรถแข่งในยุค 50 กระจกบังลมหน้าแบบรถแข่ง พับลงราบ และถอดออกได้ เครื่องยนต์ 4 สูบ OHV นำสมัย ให้กำลังถึง 100 แรงม้า เหนือกว่ารถอังกฤษ 4 สูบทุกยี่ห้อ และเป็นรถตลาดของอังกฤษแบบแรก ที่ใช้ระบบเบรคล้อหน้าแบบจาน รถคลาสสิคร่วมสมัย ALFA ROMEO 2000 GTV ผลิตในปี 1971 เป็น ALFA ROMEO รุ่น GIULIA แบบ 2 ประตู ที่มีหลายชื่อในหุ่นเดียวกัน ตั้งแต่ SPRINT, VELOCE และสุดท้าย GTV ผลงานออกแบบช่วงวัยหนุ่มของ โจร์เกตโต จูจาโร แห่งสำนัก แบร์โตเน ได้แรงบันดาลใจจาก ผลกล้วยหอม คงความนิยมยาวนาน ด้วยความสวย กะทัดรัด ขับสนุก เครื่องแรง และเสียงไพเราะ พิพิธภัณฑ์คนรักรถ AUTO RENDEZVOUS MUSEUM-BANGKOK คาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการภายในปีนี้
บทความแนะนำ