เมื่อเจอสะพานไม้ หรือท่อนซุง ต้องแน่ใจว่า มันมั่นคงแข็งแรง และกว้างพอที่รถของเราจะข้ามไปได้ โดยเดินสำรวจ ประเมินสภาพท่อนซุง ดูความกว้างของท่อนซุง และระยะห่างของท่อนซุงให้พอดีกับล้อทั้ง 2 ฝั่ง รวมถึงดูพื้นผิวหน้าสัมผัสของท่อนซุง ที่มักจะมีตะไคร่ และโคลนติดอยู่ อาจทำให้รถลื่นไถลได้ ถ้ามั่นใจว่าผ่านได้ ก็ลุยเลย
2. รอบเครื่องต้องสม่ำเสมอ
เลื่อนตำแหน่งเกียร์ไปที่ 4L เข้าเกียร์ 1 แล้วเคลื่อนรถผ่านสะพานให้ช้าที่สุด ใช้รอบเครื่องสม่ำเสมอ ไม่เบรค หรือเร่งกะทันหัน เพราะจะทำให้รถเสียการทรงตัว แต่งทิศทางพวงมาลัย ให้ล้ออยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องตามผู้บอกไลน์ ตัวรถอยู่ตรงกลางสะพาน
3. ใช้สัญญาณมือ
เป็นอีกวิธีที่ปลอดภัยมากที่สุด คือ ให้คนช่วยบอกไลน์ โดยยืนหน้ารถ และให้สัญญาณมือเพื่อกำหนดตำแหน่ง และทิศทางของล้อทั้ง 4 ข้าง เช่น เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา เดินหน้า หยุดรถ หากเป็นเวลากลางคืนให้เปิดไฟหรี่ เพื่อไม่ให้ไฟแยงตาคนบอกไลน์ ส่วนคนบอกไลน์ต้องใช้ไฟฉาย ส่องดูที่ล้อทั้ง 4 ข้างด้วย
4. ไปคนเดียว ยึดแนวล้อขวา
ถ้าไปคนเดียว ให้นำรถไปจ่อที่ท่อนซุง ให้ล้อตรงกับท่อนซุงโดยยึดแนวล้อด้านขวาเป็นหลัก เพราะจะสามารถชะโงกออกมาเล็งตำแหน่งของล้อ และบังคับทิศทางพวงมาลัยไปพร้อมๆ กันได้ แล้วค่อยๆ ขับข้ามไป
5. อย่าลืมล้อหลัง
ถ้าเส้นทางข้างหน้าเมื่อข้ามสะพานซุงไป มีการหักเลี้ยว ผู้ขับจะต้องไม่ลืมล้อหลัง เพราะถ้าขับข้ามไปแล้วหักพวงมาลัยทันที ล้อหลังจะตกท่อนซุง ดังนั้น ต้องให้ล้อหลังผ่านพ้นท่อนซุงมาก่อน จึงค่อยหักเลี้ยว
หากต้องขับข้ามสะพานซุงเป็นหมู่คณะ ให้ไปทีละคัน โดยให้ล้อหลังรถคันหน้าขึ้นไปก่อน แล้วจึงขับตาม เพื่อป้องกันท่อนซุงหัก และคนขับยังมองเห็นทางข้างหน้าได้ชัดเจน อีกทั้งหากเกิดอุบัติเหตุ รถที่ยังไม่ได้ข้ามก็สามารถช่วยเหลือรถที่เกิดเหตุได้ 
