ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธาน บริษัท สื่อสากล จำกัด และประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39” เปิดเผยว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ในปีนี้ ต้องมองย้อนกลับไปปีที่แล้วที่จะแสดงให้เห็นถึงการเติบโตในปีนี้ โดยช่วงต้นปีที่แล้วหลายฝ่ายมองว่า ตลาดจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 10-15 % แต่เมื่อเจอกับโรคระบาด COVID-19 ระลอก 2 และ 3 โดยเฉพาะระลอก 3 ที่หนักมาก ทำให้สุดท้ายตลาดติดลบ 4 %
สำหรับปีนี้ คาดการณ์ว่า จะเติบโตเพิ่มขึ้น 10-15 % เช่นกัน แต่บางส่วนก็คาดว่าจะต่ำกว่านี้ เพราะมีปัญหาการขาดแคลนชิพ ระบบขนส่ง รวมถึงสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ แต่ถึงอย่างไรก็ยังพอมีหวัง โดยเฉพาะบริษัทนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน ที่มียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการผลักดันของภาครัฐบาล
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลตั้งเป้าว่า ปี 2035 เราจะต้องขายรถไฟฟ้าให้ได้ 50 % แต่ผมยังสงสัยว่าจะถึงไหม เพราะปัจจุบันมียอดขายเพียงแค่หลักหมื่น ขณะที่ยอดขายรวมปีละประมาณ 1 ล้านคัน ซึ่ง 50 % ต้องขายถึง 5 แสนคัน ภายในระยะเวลา 8-9 ปี เป็นเรื่องไม่ง่าย
ประกอบกับตอนนี้รัฐบาลส่งเสริมด้วยการลดภาษีเพิ่มขึ้น สำหรับบริษัทที่นำเข้ารถไฟฟ้า และมีแผนจะประกอบรถไฟฟ้าในอนาคต ทำให้บริษัทรถไฟฟ้า สามารถให้ส่วนลดแก่ลูกค้าได้มากขึ้น
“เรื่องรถไฟฟ้า ผมอยากให้ทุกคนเข้าใจตรงกันว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นรถไฟฟ้า 100 % เพราะการได้มาซึ่งไฟฟ้า มีหลายอย่างที่สกปรก เช่น เยอรมันพอได้รับเชื้อเพลิงจากรัสเซียน้อยลง ก็หันมาเผาถ่านหิน ที่มีการรณรงค์ให้เลิกใช้นานแล้ว
รถไฮบริด แม้จะยังใช้น้ำมันอยู่ แต่ก็มีการใช้พลังงานที่สูญเสียไปเปล่า ไม่ว่าจะเบรค การถอนคันเร่ง ลดความเร็ว มาแปลงเป็นพลังงานช่วย รวมถึง พลัก-อิน ไฮบริด เป็นจุดเชื่อมต่อที่สมบูรณ์ที่สุด ยังเติมน้ำมันอยู่ กลับบ้านชาร์จไฟฟ้า พอใช้พลังงานไฟฟ้าจนหมดแล้ว ก็ยังวิ่งด้วยน้ำมันต่อได้ ช่วยแก้ปัญหารถไฟฟ้า ที่หากใช้ไฟฟ้าหมดต้องหาจุดเติม ซึ่งไม่ง่ายอย่างที่คิด โดยเฉพาะเวลาเดินทางไกล ต้องเป็นนักค้นหา นักคำนวณ นักสังเกตว่า สถานีต่อไปอยู่ไหน แต่หากไปถึงแล้ว สถานีปิด เสีย หรือมีหัวจ่ายเต็ม ต้องรอชาร์จ 2 ชม. เป็นปัญหาที่จะเกิด ถ้าเรานำเอา พลัก-อิน ไฮบริด มาเป็นส่วนหนึ่งของรถไฟฟ้า เส้นทางสู่ยุคไฟฟ้าจะราบเรียบมากกว่าที่จะคิดว่าต้องเป็นรถไฟฟ้าเพียวๆ เท่านั้น เพราะตัวรถไม่มีมลพิษ แต่ต้องคิดด้วยว่าไฟฟ้าได้มาอย่างไร”
ดังนั้น ปีนี้ คาดว่าอุตสาหกรรมยานยนต์น่าจะมียอดขายใกล้ 800,000 คัน เติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 10-12 % เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่มียอดขายกว่า 700,000 คัน ถ้าปัญหาเรื่องสงคราม การขาดแคลนชิพ และโรคระบาดลดลง เปิดประเทศได้ นักท่องเที่ยวเข้ามาในระบบ คนไทยมีรายได้เพิ่มมากขึ้น
ส่วนงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39” ปีนี้ได้รับการตอบรับจากผู้ร่วมงานเป็นอย่างมาก โดยขณะนี้มีลูกค้าจองพื้นที่แสดงแล้วมากกว่า 90 % รถจักรยานยนต์มีผู้แสดงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และยังปรับพื้นที่ในบางส่วนเพื่อสร้างกิจกรรมที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
ความตั้งใจของเรา คือ ต้องการให้มีผลิตภัณฑ์ร่วมแสดง 3 ตลาด คือ รถยนต์ เรือ และเครื่องบิน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทเครื่องบิน ที่จะเข้ามาร่วมงาน ซึ่งถ้าสรุปผลจะทำให้งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39” เป็นงานแสดงที่มีครบทั้ง 3 ตลาด
ขวัญชัย กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ยอดจองรถในงานปีนี้ ตั้งเป้าเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 10 % เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว หรือคาดว่าจะมียอดจองเทียบเท่าปี 2019 ประมาณกว่า 37,000 คัน ส่วนเงินหมุนเวียนคาดว่าจะใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ประมาณ 45,000-47,000 ล้านบาท 
