พิเศษ
สงครามออนไลน์ เขย่าตลาดรถยนต์มือสอง
ชั่วระยะเวลาไม่ถึง 8 ปี (จริงๆ คือ แค่ 2 ปีมานี้เอง) พแลทฟอร์มออนไลน์ได้เข้ามามีบทบาทในธุรกิจตลาดรถยนต์มือสองอย่างคึกคัก ผู้ประกอบการซึ่งล้วนแต่เป็นหน้าใหม่ใจถึง ต่างงัดกลยุทธ์ออกมาแข่งขันกันอย่างดุเดือด
“4 WHEELS” ถือโอกาสในวาระครบรอบ 31 ปี เชิญผู้ประกอบการกลุ่มธุรกิจซื้อ-ขายรถยนต์มือสองออนไลน์ทั้ง 6 ราย มาแสดงวิสัยทัศน์ให้พิจารณาว่า แต่ละรายสามารถตอบโจทย์การเลือกซื้อ-ขายรถ รวมทั้งสร้างความมั่นใจ และความน่าเชื่อถือให้เราได้มากน้อยเพียงใด...
CARS 24 PRO
เรื่องรถ ซื้อขายครบในที่เดียว
ปณิธชฎา โปษยานนท์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายปรับปรุงสภาพรถ CARS 24
4 WHEELS : CARS 24 มีความเป็นมาอย่างไร ?
ปณิธชฎา : เริ่มต้นที่ประเทศอินเดียเมื่อ 7 ปีที่แล้ว มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ในปี 2558 จากนั้นได้เข้าสู่ตลาด UAE และก้าวเข้าสู่ตลาดออสเตรเลีย ก่อนที่จะเข้าสู่ตลาด SOUTHEAST ASIA โดยมีไทยเป็นประเทศเเรกเมื่อปี 2564 มีเป้าหมายที่จะสร้างการเปลี่ยนเเปลง พร้อมกับมอบประสบการณ์ใหม่ๆ ให้แก่ผู้บริโภคในตลาดรถยนต์มือสอง
4 WHEELS : มีวิสัยทัศน์ในธุรกิจรถยนต์มือสองอย่างไร ?
ปณิธชฎา : เรามีวิสัยทัศน์ระยะยาวเพื่อสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน และมั่นคง ด้วยการเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องรถยนต์มือสอง ที่ให้บริการอย่างครบวงจร โดยกลุ่มลูกค้ามีความหลากหลาย ตั้งแต่รุ่นหนุ่ม/สาวที่เริ่มทำงาน คู่รัก ตลอดไปจนถึงครอบครัว เพราะเราเป็นพเเลท-ฟอร์มรถยนต์มือสองที่ครอบคลุม มีรถให้เลือกมากมาย เพื่อตอบโจทย์แก่คนทุกเพศ ทุกวัย ที่มีสไตล์ในการใช้ชีวิต
4 WHEELS : CARS 24 มีจุดเด่นอย่างไร ?
ปณิธชฎา : เราเป็นพแลทฟอร์มออนไลน์แบบครบวงจร ที่ซื้อขาย เทิร์น จบในที่เดียว และมีการใช้งานออนไลน์ที่ง่าย สะดวก และรวดเร็ว มีรถคุณภาพให้เลือกตรงตามความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม พร้อมโอนรถเป็นชื่อของ CARS 24 ก่อนแล้วจึงนำมาออกขาย มั่นใจได้ว่าเป็นรถของเราอย่างแน่นอน จึงการันตีได้ว่ารถทุกคันของ CARS 24 คุ้มค่าที่สุด ทั้งรถที่ขาย และรถที่รับซื้อ พร้อมทีมงานที่คอยดูแลตลอดการซื้อขายรถตั้งแต่ต้นจนจบ มีบริการทดลองขับฟรี
สำหรับลูกค้า สามารถเลือกให้นำรถยนต์ไปส่งถึงบ้าน หรือจะมารับรถเองที่ศูนย์บริการของ CARS 24 ก็ได้ และยังมีบริการหลังการขาย เกิดซื้อเเล้วเปลี่ยนใจ คืนรถได้ภายใน 7 วัน
4 WHEELS : มีระบบตรวจสอบ หรือคัดกรองคุณภาพของรถอย่างไร ?
ปณิธชฎา : เราตรวจสอบตั้งแต่แหล่งที่มา และการจัดหารถ รวมถึงมีการตรวจเชคสภาพรถทั้งภายใน และภายนอกจากทีมช่างผู้เชี่ยวชาญว่า ไม่เคยผ่านการชนหนัก น้ำท่วม หรือการกรอ ไมล์
4 WHEELS : พันธมิตรของ CARS 24 มีใครบ้าง ?
ปณิธชฎา : เราได้ร่วมงานกับพาร์ทเนอร์มากมายในตลาดรถยนต์มือสอง ทั้งธนาคาร และบริษัทไฟเเนนศ์ ที่พร้อมมอบข้อเสนอที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า รวมถึงคู่ค้าดีเลอร์รถยนต์มือสองมากมายในประเทศไทย ทำให้เราได้รถยนต์ที่มีคุณภาพ
4 WHEELS : อยากซื้อรถยนต์จาก CARS 24 ต้องทำอย่างไร ?
ปณิธชฎา : สามารถทำได้ง่ายๆ ใน 3 ขั้นตอน 1. เลือกรถที่คุณชอบออนไลน์ ดูรถได้เหมือนจริงแบบ 360 องศา บนเวบไซท์ หรือแอพพลิเคชันของเรา และจองทดลองขับ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ 2. ทดลองขับรถ โดยพนักงานจะติดต่อไปเพื่อยืนยันรถ เวลา และสถานที่ทดลองขับ เพียงแค่คุณเลือกศูนย์บริการ CARS 24 หรือสถานที่ที่คุณต้องการ จากพื้นที่ให้บริการที่เรากำหนดไว้ 3. ซื้อง่ายๆ กับพนักงานขาย เพียงแค่ชำระเงิน ทางเราจะช่วยจัดการเอกสารต่างๆ ดูแลทุกขั้นตอนในการจดทะเบียนรถเป็นชื่อของคุณ คุณสามารถให้เรานำรถไปส่งได้ถึงบ้าน หรือคุณจะมารับรถด้วยตนเองที่ศูนย์บริการ CARS 24 ใกล้บ้านคุณก็ได้
4 WHEELS : CARS 24 จะปรับตัวอย่างไร ถ้ารถ EV มีราคาขายถูกกว่ารถยนต์มือสอง ?
ปณิธชฎา : มองว่าระบบรองรับการใช้รถไฟฟ้าในประเทศไทยนั้น ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยเราในฐานะผู้จำหน่ายรถยนต์มือสอง จะมองหารถยนต์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และมีคุณภาพมากที่สุด รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าด้วยในอนาคต อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าลูกค้ามีทั้งคนที่ชอบรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และคนที่ยังชอบรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป ซึ่งเป็นเรื่องดีที่ทำให้ตลาดรถยนต์กว้างขึ้น
4 WHEELS : ตลาดรถยนต์มือสอง ปัจจุบันเป็นอย่างไร ?
ปณิธชฎา : ตลาดรถยนต์มือสองมีการเติบโตมากขึ้น หลายๆ บริษัทเริ่มมีพเเลทฟอร์มเป็นของตัวเองให้ลูกค้าเลือก เเต่เรามองว่าจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้คนหันมาสนใจรถยนต์มือสอง นั่นคือ สถานการณ์ COVID-19 ที่ผ่านมา ทำให้ความต้องการรถยนต์มือสองมีเพิ่มมากขึ้น รวมถึงสภาพเศรษฐกิจที่ทำให้คนหันมาใช้เงินอย่างระมัดระวัง ดังนั้น คนจึงเข้าสู่ตลาดรถยนต์มือสองอย่างจริงจัง การเลือกซื้อรถยนต์มือสองกลายเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์คนในยุคใหม่
4 WHEELS : CARS 24 ให้บริการผ่านช่องทางใดบ้าง ?
ปณิธชฎา : เรามีเวบไซท์ www.car24.co.th และแอพพลิเคชัน CARS 24 รวมถึงติดตามข่าวสาร เเละพโรโมชันอื่นๆ ได้ทาง FACEBOOK, IG พร้อมให้บริการผ่านไลน์ @CAR24TH
CARRO
ผู้นำด้านการซื้อ-ขายรถยนต์มือสอง บนพแลทฟอร์มออนไลน์ “UNICORN” รายแรกของตลาดยานยนต์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อรรณพ เกษตระทัต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาร์โร (ประเทศไทย) จำกัด
4 WHEELS : เหตุใด CARRO จึงเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ?
อรรณพ : CARRO เริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศสิงคโปร์เมื่อปี 2558 หลังจากนั้นในปี 2560 ได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ด้วยทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท เพื่อเป็นจุดเชื่อมต่อสำหรับลูกค้าที่ต้องการซื้อ-ขายรถยนต์มือสอง เทคโนโลยี 360 TURNTABLE & SOUND ENGINE โดยลูกค้าสามารถเลือกชมภาพได้อย่างละเอียด ทั้งภายใน ภายนอก และฟังเสียงเครื่องยนต์ได้เสมือนเดินทางมาดูรถด้วยตัวเอง
4 WHEELS : CARRO มีจุดเด่นอะไรบ้าง ?
อรรณพ : เราต้องการให้ลูกค้าได้รับรถยนต์มือสองที่มีคุณภาพแบบไร้รอยต่อ จึงได้ทุ่มงบประมาณนำเทคโนโลยีตรวจสภาพรถยนต์อัจฉริยะ หรือ AI CAR INSPECTION ANALYSIS PLATFORM มาใช้ตรวจสภาพรถยนต์มือสอง ทั้งภายนอก ภายใน ผ่านภาพถ่ายแล้วอัพโหลดเข้าสู่ระบบ BIG DATA ของ CARRO ซึ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์มือสองในทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ โดยระบบจะสามารถประมวล และแสดงผลจุดตำหนิได้ทันที ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการวิเคราะห์สภาพรถยนต์ให้ช่างผู้เชี่ยวชาญเหมือนมีตาอัจฉริยะ ทำให้สามารถประเมินราคารถยนต์แต่ละคันได้อย่างแม่นยำ และรวดเร็วกว่าเจ้าอื่นๆ ในตลาด
สำหรับ AI CAR INSPECTION ANALYSIS PLATFORM พัฒนาขึ้นโดยทีมเทคโนโลยี และทีมวิจัยของ CARRO จากประเทศสิงคโปร์ ซึ่งประสบความสำเร็จในการเพิ่มประสิทธิภาพทั้งความแม่นยำ และความรวดเร็วในการตรวจเชคสภาพรถยนต์ได้มากกว่า 40 %
ขั้นตอนถัดไป คือ การผสานเทคโนโลยี PRICING ALGORITHM หรือเทคโนโลยีการวิเคราะห์ราคาในถังข้อมูลขนาดใหญ่ของ CARRO เพื่อให้สามารถกำหนดราคาได้อย่างรวดเร็วที่สุดในภูมิภาค นอกจากนี้ เทคโนโลยีดังกล่าวยังเป็นประโยชน์กับพาร์ทเนอร์ของ CARRO ที่จะร่วมมือในการเป็นศูนย์ตรวจเชคสภาพรถยนต์มือสองให้แก่ลูกค้าในอนาคตอีกด้วย
อีกส่วนหนึ่ง คือ การรับประกัน CARRO CERTIFIED รับประกันคุณภาพโดย CARRO 1 ปี หรือสูงสุด 30,000 กม. โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1. รับประกันเครื่องยนต์ และเกียร์ 1 ปี 2. ผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ 160 จุด 3. ยินดีคืนเงินภายใน 5 วัน หากไม่พอใจในตัวรถ 4. รับประกัน CARRO ไม่กรอไมล์ และ 5. รับประกันไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม
ส่วนระบบใหม่ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา จะมีลักษณะคล้าย M2M คือ ผู้แนะนำลูกค้าใหม่ให้ CARRO จะได้ค่าคอมมิชชัน
4 WHEELS : ศูนย์บริการมีกี่แห่ง ?
อรรณพ : ช่องทางการให้บริการที่ลูกค้าจะติดต่อ อันดับ 1 ออนไลน์ มีทั้ง WEBSITE LINE FACEBOOK IG นอกจากนี้ ยังมีศูนย์บริการลูกค้า ที่มีทั้ง CARRO CUSTOMER EXPERIENCE CENTER (CARRO CEC) และ CARRO AUTOMALL รวมถึงคลังจัดเก็บรถยนต์มือสองขนาดใหญ่รวมกว่า 11 แห่ง โดยเป็นแบบ STAND ALONE 4 แห่ง คือ ดอนเมือง สวนหลวง เกษตร-นวมินทร์ และชลบุรี และอีก 4 แห่งจะอยู่ในห้างสรรพสินค้าเทสโก โลตัส ศรีนครินทร์ บางใหญ่ บางกะปิ และพระราม 1 และมีคลังจอดรถอีก 3 แห่ง คือ ดอนเมือง สวนหลวง และเกษตร-นวมินทร์
CARRO CEC เป็นความร่วมมือกับ เทสโก โลตัส พันธมิตรของ CARRO โดยเน้นรูปแบบการให้บริการแบบนวัตกรรมทันสมัย เพื่อสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้า ผ่าน DIGITAL DEVICES ชมรถทุกรุ่นผ่านพแลทฟอร์ม ไม่จำเป็นต้องเข้าโชว์รูม ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าตั้งแต่ต้นจนจบ เริ่มจากการชมรถยนต์ การนัดหมายเพื่อทดลองขับ การซื้อ-ขายรถยนต์ การบริการสินเชื่อ และการประกันรถยนต์อย่างครบวงจร ณ เทสโก โลตัสใกล้บ้าน
CARRO AUTOMALL ใช้เทคโนโลยี และนำเสนอการบริการแบบครบครัน โดยสร้างสรรค์จากแนวคิดที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (CUSTOMER CENTRIC) เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการซื้อ-ขายรถยนต์มือสองให้แก่ลูกค้า ด้วยการเชื่อมต่อ ECOSYSTEM ของ CARRO แบบไร้รอยต่อ (SEAMLESS) อีกทั้งยังตอบสนองความต้อง การของลูกค้าที่ต้องการตรวจสอบรถยนต์จริงด้วยตัวเอง พร้อมให้บริการลูกค้าตั้งแต่ต้นจนจบ
4 WHEELS : CARRO มีพันธมิตรทางธุรกิจรายใดบ้าง ?
อรรณพ : การมีพันธมิตรทางธุรกิจที่หลากหลาย นับว่าเป็นข้อดีที่ช่วยสนับสนุนการทำงานในทุกส่วน ซึ่ง CARRO มีพันธมิตรจำนวนมากที่ให้การสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็น บริษัท จีนี่ ฟินเทค จำกัด (GENIE) บริษัทในเครือที่เป็นพันธมิตรด้านสินเชื่อ และการประกันภัย ที่มาช่วยอำนวยความสะดวกด้านการเงิน และประกันภัย เพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการเป็นเจ้าของรถยนต์มือสองที่มีคุณภาพ โดยไม่ต้องมีภาระทางการเงินมากเกินไป นอกจากนี้ ยังมีธนาคารเกียรตินาคิน, กสิกรไทย, กรุงศรี, TTB, ICBC และ CITI
4 WHEELS : CARRO มองตลาดรถยนต์ EV อย่างไร จะมีผลกระทบมากน้อยเพียงใด ?
อรรณพ : EV เป็นรถยนต์อนาคตที่จะต้องได้รับความนิยมอย่างแน่นอน ในฐานะคนกลาง เราเตรียมพร้อมอยู่แล้ว เมื่อสินค้าเปลี่ยน เราพร้อม แต่อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูความพร้อมของภาครัฐเป็นส่วนประกอบด้วยว่า จะเริ่มเมื่อไร ซึ่งปัจจุบัน ภาครัฐสนับสนุนเรื่องภาษีนำเข้า เพื่อให้มีการผลิตเพิ่มขึ้น แต่เมื่อถึงเวลานั้นคงต้องดูภาษีอีกครั้งหนึ่งว่าจะเป็นอย่างไร ส่งผลกระทบ กับรถ EV หรือไม่ รถใหม่ รถยนต์มือสอง มีผล กระทบอย่างไร อีกส่วนหนึ่งเป็นในเรื่องสถานีชาร์จรถยนต์ EV ต้องมีความพร้อมด้วย ภาครัฐจะซัพพอร์ทอย่างไร 2 ปัจจัยนี้มีผลอย่างมาก
4 WHEELS : CARRO มองตลาดรถยนต์ มือสองในอนาคตเป็นอย่างไร ?
อรรณพ : ตลาดรถยนต์มือสองในปัจจุบันมีความแข็งแกร่งมากเมื่อเทียบกับรถใหม่ การแพร่ระบาดของ COVID-19 กระตุ้นตลาดรถยนต์มือสองอย่างมาก และคาดว่าในอนาคตจะเติบโตต่อเนื่อง อีกส่วนหนึ่งรถยนต์ใหม่มีปัญหาเรื่องการผลิตที่ยังเจอปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วนอยู่ และยังรับผลกระทบจากเศรษฐกิจ ดอกเบี้ย สงคราม ทำให้มองว่ารถยนต์มือสองเติบโตแน่นอน โดยในปี 2565 คาดว่าตลาดจะเติบโตประมาณ 3-5 % เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ลูกค้าที่ต้องการขายรถยนต์มือสองกับ CARRO รวมถึงรับบริการ และความสะดวกสบายในการซื้อ-ขายรถยนต์มือสองแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นเข้าชมรถยนต์ นัดหมายเพื่อทดลองขับ หรือบริการสินเชื่อ และการประกันรถยนต์ ฯลฯ สามารถติดต่อได้ที่ https://th.carro.co หรือมาที่ CARRO AUTOMALL สาขาดอนเมือง และศูนย์บริการลูกค้า CARRO CUSTOMER EXPERIENCE CENTER (CARRO CEC) ทุกสาขา ทั้งสาขาเกษตร-นวมินทร์ โครงการ MOTOR SQUARE สาขาเทสโก โลตัส บางกะปิ สาขาเทสโก โลตัส ศรีนครินทร์ สาขาเทสโก โลตัส พระราม 1 หรือสาขาเทสโก โลตัส บางใหญ่ หรือที่ COCKPIT ที่ร่วมรายการ ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
CARSOME
พร้อมสร้าง CARSOME ด้วยบริการ ความน่าเชื่อถือ ความโปร่งใส และทางเลือกที่หลากหลาย มอบความเชื่อมั่นด้านคุณภาพ และความอุ่นใจให้แก่ผู้บริโภค
ศิวภูมิ เลิศสรรค์ศรัญย์ กรรมการผู้จัดการ CARSOME ประเทศไทย
4 WHEELS : CARSOME มองตลาดประเทศไทยอย่างไร จึงได้เข้ามาลงทุน ?
ศิวภูมิ : CARSOME เปิดตัวครั้งแรกที่ประเทศมาเลเซียในปี 2558 เพื่อเสนอทางเลือกในการซื้อ-ขายรถยนต์มือสอง โดยมุ่งแก้ปัญหา สร้างความน่าเชื่อถือ มีความโปร่งใส เปิดในประเทศไทย อย่างเป็นทางการเมื่อปี 2562 เพราะมองว่าตลาดรถยนต์มือสองในประเทศไทยมีความน่าสนใจ
4 WHEELS : จุดเด่นของ CARSOME ประเทศไทย คืออะไร ?
ศิวภูมิ : CARSOME มุ่งมั่นที่จะยกระดับประสบการณ์การซื้อ-ขายรถยนต์มือสอง โดยการสร้างความน่าเชื่อถือให้ผู้บริโภค ด้วยการตรวจเชคสภาพรถยนต์ 175 จุด พร้อมปรับสภาพรถให้ได้มาตรฐานก่อนส่งมอบให้ลูกค้า และคัดเลือกรถยนต์อย่างเข้มงวด ให้ราคายุติธรรม มีความโปร่งใส ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง หรือค่าธรรมเนียมใดๆ และทุกกระบวนการตรวจเชคไม่มีค่าใช้จ่าย บริการนัดหมายผ่านช่องทางออนไลน์ พร้อมบริการเสริมมากมาย ตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จสิ้นกระบวนการ อีกทั้งมีรถยนต์ให้เลือกจำนวนมาก ขณะนี้มีอยู่ในระบบมากกว่า 800 คัน โดยลูกค้าสามารถเข้าใช้งานเวบไซท์ได้ไม่ยุ่งยาก เพื่อจองเวลา และนัดหมายทางออนไลน์สำหรับการขอตรวจเชคสภาพรถยนต์ ดูตัวอย่างรถยนต์ที่มีให้เลือกอย่างจุใจ ด้วยมุมมองแบบ 360 องศา ดำเนินการซื้อโดยไม่ต้องจัดการเรื่องเอกสาร รวมถึงบริการต่างๆ มีความแตกต่าง พร้อมรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน รวมถึงการันตีคุณภาพ 1 ปี HOT LINE 24 ชั่วโมง
นอกจากการบริการแบบออนไลน์แล้ว CAR SOME ยังมีศูนย์บริการครบวงจร CARSOME EXPERIENCE CENTER ที่จะช่วยให้การซื้อ-ขายรถ ยนต์มือสองเป็นเรื่องง่าย ด้วยความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญของ CARSOME โดยผู้ที่ต้องการขายสามารถนำรถเข้ามาที่ศูนย์พื่อตรวจสภาพ พร้อมประเมินราคา และขายรถได้ทันที ส่วนผู้ต้องการซื้อสามารถเลือกชมรถยนต์มือสองของ CARSOME ที่มีให้เลือกมากมาย พร้อมนัดหมายทดลองขับ หรือขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญของ CARSOME โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ปัจจุบันเปิดให้บริการ 5 สาขา ได้แก่ พหล โยธิน, บางใหญ่, บางบอน, ศรีนครินทร์ และรังสิต โดยเปิดให้บริการ 7 วัน
นอกจากนี้ ยังมี INSPECTION CENTER 1 แห่ง ที่พระราม 9 และยังมีจุดบริการเพิ่มเติมที่ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ FIT AUTO อีก 5 สาขา ได้แก่ ลาดพร้าว 71, สุขสวัสดิ์, สนามเป้า, พหลโยธิน กม. 25 และศรีนครินทร์-บางเมือง
ล่าสุด CARSOME เปิดศูนย์ปรับสภาพ และซ่อมบำรุงรถยนต์มือสอง (CARSOME CERTIFIED LAB) แห่งแรกในประเทศไทย เพื่อยกระดับมาตรฐานใหม่ให้วงการรถยนต์มือสอง สามารถปรับสภาพ และซ่อมบำรุงได้สูงสุดถึง 3,000 คัน/เดือน นับเป็นศูนย์ปรับสภาพรถยนต์มือสองที่ใหญ่ที่สุดในไทย
CARSOME CERTIFIED LAB ตรวจเชค และปรับสภาพรถยนต์ครบทุกขั้นตอน ตั้งแต่ซ่อมบำรุงทั่วไป เครื่องยนต์ การทำสีรถ ไปจนถึงการเก็บรายละเอียด เพื่อให้ลูกค้าได้รับรถยนต์มือสองคุณภาพดีที่สุด ครอบคลุมทุกส่วนของตัวรถ ทั้งด้านนอก และด้านใน เครื่องยนต์ ระบบเกียร์ ระบบกันสะเทือน พวงมาลัย และระบบอีเลคทรอนิคส์ โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคที่มีทักษะ และประสบการณ์สูงคอยดูแลในแต่ละขั้นตอนตามมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก
4 WHEELS : คุณมองว่าตลาดรถยนต์มือสองในประเทศไทยเป็นอย่างไร ?
ศิวภูมิ : เมื่อดูจากตลาดรถยนต์มือสองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลาดรถยนต์มือสองในไทยมีเสน่ห์มาก อย่างที่ 2 ผู้เล่นแต่ละคนเก่งมาก คนที่ได้ประโยชน์ คือ ลูกค้า ทำให้ตลาดโตเร็ว มุมมองของลูกค้าเมื่อ 5-10 ปีที่แล้ว ถ้าซื้อรถมือสองจะต้องแบกค่าบำรุงรักษา ปัจจุบันลูกค้ามีความมั่นใจในคุณภาพรถยนต์มือสองมากขึ้น และขณะนี้ หากจะซื้อรถยนต์สักคัน รถยนต์มือสองราคาถูกกว่า ส่วนเรื่องความสวยงามไม่ต่างกันมาก ทำให้ผมมองว่าตลาดรถยนต์มือสองจะต้องเติบโตอย่างแน่นอน และจะเติบโตเร็วกว่ารถใหม่ด้วย
4 WHEELS : รถ EV จะส่งผลกระทบกับตลาดรถยนต์มือสองหรือไม่ ?
ศิวภูมิ : ผมมองว่าตลาดรถ EV มี 3 ปัจจัยที่จะทำให้เกิดขึ้นได้ ปัจจัยแรก ประสิทธิภาพ ถ้าพูดถึงในอดีต สู้รถเครื่องยนต์สันดาปไม่ได้ แต่ตอนนี้ประสิทธิภาพได้ 100 % ทั้งเรื่องอัตราเร่ง ความจุแบทเตอรี ปัจจัยที่ 2 รถ EV ที่ซื้อมาแล้วจะต้องชาร์จที่ไหน ชาร์จเร็วแค่ไหน และต้องเซอร์วิศที่ไหน ผมว่าเรื่องนี้ยังไม่ 100 % แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีทิศทางที่ดี เพราะปัจจุบัน ภาคเอกชนมีแนว ทางการขยายสถานีบริการมากขึ้น และปัจจัยที่ 3 ราคา และการเข้าถึงได้
ทุกวันนี้ตลาดรถ EV ยังเล็กมาก คาดว่าปีนี้ รถ EV น่าจะมียอดขายอยู่ที่ประมาณ 10,000 คัน แต่ถ้าหลายฝ่ายช่วยกันแก้ปัญหา ตลาดรถ EV น่าจะเติบโตอย่างแน่นอน
4 WHEELS : คุณคิดว่าจะมีพแลทฟอร์มรถยนต์มือสองเข้ามาเพิ่มในตลาดอีกหรือไม่ ?
ศิวภูมิ : น่าจะเป็นไปได้ยากมาก ถ้าจะเข้ามาแบบ CARSOME เพราะตอนนี้เราเป็นพแลทฟอร์มที่ใหญ่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จำนวนรถยนต์ในพแลทฟอร์ม 4 ประเทศ มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และไทย รวมกันประมาณ 16,000 คัน/เดือน พแลทฟอร์มรถยนต์มือสองจะต้องมีต้นทุน นอกจากต้นทุน ยังต้องมีความมั่นใจที่จะเข้ามาลงทุน ซึ่งอาจจะเจ็บตัว จึงยากจะมีผู้เล่นที่เป็นพแลทฟอร์มเหมือน CARSOME แต่จริงๆ แล้ว CARSOME ไม่ได้มองคู่แข่ง ไม่ได้เน้นว่าจะเป็นใคร แต่สิ่งที่ CARSOME เน้น คือ ลูกค้า เพราะ CARSOME มีจุดยืนว่า สิ่งที่เราทำทุกวัน คือ การส่งมอบมาตรฐานการซื้อ-ขายรถที่ดีขึ้นให้แก่ลูกค้า
JUSTCAR
พแลทฟอร์มซื้อ-ขายรถยนต์มือสองที่เป็นธุรกิจของคนไทย 100 %
ษรัญพัฒน์ ทวีสิทธาพล ผู้บริหาร และผู้ก่อตั้ง บริษัท จัสท์ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด
4 WHEELS : จัสท์ คาร์ (ประเทศไทย)ฯ เกิดขึ้นได้อย่างไร ?
ษรัญพัฒน์ : เนื่องจากอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยเติบโตเพิ่มขึ้น ปริมาณรถยนต์ในประเทศมีถึง 17 ล้านคัน นับเป็นมูลค่าถึง 1.4 แสนล้านบาท บริษัทฯ จึงมองว่าหากนำเสนอพแลทฟอร์มที่เหมาะสมกับตลาด และต้องการส่วนแบ่งเพียง 1 % ก็จะมีรายได้ถึง 1,400 ล้านบาท อีกทั้งผู้ซื้อ และผู้ขาย จะได้รับประโยชน์สูงสุดทั้ง 2 ฝ่าย ทำให้ จัสท์ คาร์ฯ ตัดสินใจเข้าสู่ตลาดรถยนต์มือสองเมื่อ 3 ปีก่อน ด้วยทุนจดทะเบียน 38 ล้านบาท
จัสท์ คาร์ มีการทำตลาดที่แตกต่างจากคู่แข่งในตลาดมาก โดยเน้นการสร้างพแลทฟอร์มใหม่ เป็นตัวกลางในการซื้อ-ขาย ที่ให้บริการด้วยความรวดเร็ว สะดวกสบาย ปลอดภัย และน่าเชื่อถือ
4 WHEELS : แนวคิดของพแลทฟอร์ม คืออะไร ?
ษรัญพัฒน์ : จัสท์ คาร์ เป็นธุรกิจที่เริ่มต้นจากการคิดแก้ปัญหาให้แก่ผู้ซื้อ-ขายรถในปัจจุบัน จึงมีการออกแบบให้พแลทฟอร์มสามารถใช้งานง่าย สะดวกสบาย และนำเทคโน- โลยีมาช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ พร้อมสามารถแข่งขันกับคู่แข่งในธุรกิจรถยนต์มือสองได้ โดยชูอัตลักษณ์ทางการตลาดที่โดดเด่นอย่างชัดเจน คือ บริการขายรถด่วนภายใน 3 ชั่วโมง
4 WHEELS : จุดเด่นของ จัสท์ คาร์ คืออะไร ?
ษรัญพัฒน์ : นอกจากการทำธุรกิจที่แตกต่างแล้ว ยังมีบริการที่หลากหลาย และครอบคลุม เช่น จัสท์ โลน บริการสินเชื่อรถยนต์ครบวงจร จัดไฟแนนศ์ รีไฟแนนศ์ โดยไม่เชค CREDIT BUREAU BLACKLIST และสลิพเงินเดือน เน้นบริการด้วยความยืดหยุ่น ตามสโลแกน “ใครไม่ให้ จัสท์ โลนให้” อีกทั้งในอนาคตจะมีบริการรูปแบบใหม่เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับลูกค้าที่หลากหลาย อาทิ จัสท์ โบรเคอร์ บริการด้านประกัน จัสท์ แลนด์ สินเชื่อที่ดินครบวงจร เป็นต้น พร้อมบริการที่หลากหลาย ได้มาตรฐานรวดเร็ว ปลอดภัย โปร่งใส และสะดวกสบายในรูปแบบ ONE STOP SERVICE
นอกจากนี้ ยังเปิดศูนย์บริการ จัสท์ คาร์ ในห้างสรรพสินค้า ปัจจุบันมีทั้งหมด 5 สาขา ปีนี้มีแผนขยายเพิ่มเป็น 20 สาขา และ 100 สาขาในอนาคต การมีศูนย์บริการเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ผู้ซื้อ ผู้ขาย ได้รับประโยชน์สูงสุดทั้ง 2 ฝ่าย เพราะ จัสท์ คาร์ มีช่างที่จะตรวจสอบรายละเอียดของรถ เมื่อ 2 ฝ่ายตกลงซื้อ-ขาย เราจะเป็นตัวกลางที่ทำให้การซื้อ-ขายง่ายขึ้น พร้อมให้การรับประกัน 1 ปี 30,000 กม.
นอกจากศูนย์บริการแล้ว ลูกค้าสามารถติดต่อ จัสท์ คาร์ ผ่านช่องทางต่างๆ ได้อีก คือ www.justcar.co.th, www.justloan.loan FACE BOOK: Just Car Thailand/เงินด่วนทันใจ Justloanfc LINE ID: @justcar/@justloan โทร. 0-2114-3928 (ตลอด 24 ชม.)
ปัจจุบัน จัสท์ คาร์ มีลูกค้าซื้อ-ขายในพแลทฟอร์มแล้วมากกว่า 5,000 คัน เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 5 คัน/วัน รวมถึงการขยายไปสู่การซื้อ-ขายบิกไบค์ ที่ขณะนี้มีเราทำอยู่เพียงเจ้าเดียวในตลาด
4 WHEELS : คุณวางเป้าหมายของ จัสท์ คาร์ และจัสท์ โลน ไว้อย่างไร ?
ษรัญพัฒน์ : ปีนี้เราจะขยายสาขา จัสท์ คาร์ และจัสท์ โลน 20 สาขา ในพื้นที่กรุงเทพฯ และเขตปริมณฑล จากนั้นจะขยายไปตามหัวเมือง จังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ รวมถึงจะปรับปรุง และพัฒนาสินเชื่อให้หลากหลาย รองรับลูกค้าทุกประเภท
นอกจากนี้ จะทุ่มงบสื่อสารการตลาด และประชาสัมพันธ์ ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ พร้อมสื่อ ณ จุดขาย เช่น ป้ายบิลล์บอร์ดในห้างสรรพสินค้า บิกซี เทสโก โลตัส แจ้งว่ามีสาขา จัสท์ คาร์ และจัสท์ โลน อยู่ที่นี่ หรือใช้สื่อออนไลน์โฆษณาไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ในอนาคต เป้าหมายหลักของเรา คือ การเป็นผู้นำด้านธุรกิจซื้อ-ขายรถยนต์มือสองผ่าน พแลทฟอร์มออนไลน์ของไทย และเป็นพแลทฟอร์มการให้บริการสินเชื่อที่ครบครันที่สุด เน้นให้บริการแก่ลูกค้าอย่างเป็นธรรม สะดวก รวดเร็ว มีความยืดหยุ่นสูง โดยเป้าหมายสูงสุด คือ การนำ จัสท์ คาร์ และจัสท์ โลน เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ภายในไม่เกิน 3 ปี
4 WHEELS : การสร้างบแรนด์ทำอย่างไร ?
ษรัญพัฒน์ : เราใช้แนวคิด “เรื่องรถ เรื่องง่าย” ให้บริการขายรถด่วน ภายใน 3 ชั่วโมง คือ เมื่อลูกค้าอยากได้เงินซื้อรถคันใหม่ ทำอย่างไรที่จะขายคันเก่าได้เร็วที่สุด จะไปขายเทนท์ก็ถูกกดราคา บริษัทฯ จึงสร้างพแลทฟอร์มที่รวมดีเลอร์ เทนท์รถมือสอง ทั่วประเทศ มีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบรถ ถ่ายรูปรถนำขึ้นพแลทฟอร์ม ตั้งราคาขาย และให้แต่ละเจ้ามาประมูลราคา ภายในเวลา 3 ชั่วโมงแล้วซื้อ-ขายกัน ตามราคาที่ผู้ขายพอใจ โดยบริษัทฯ จะเข้าไปจัดการให้หลังจากตกลงราคากันแล้ว
4 WHEELS : การบริการที่โดดเด่น และแตกต่าง ?
ษรัญพัฒน์ : เราแตกต่างตรงที่ ไม่ตีราคารถ แต่เราจะให้ผู้ขายกำหนดราคาที่อยากได้ แล้วหาผู้ซื้อมาให้ ซึ่งผู้ขายก็จะได้ขายในราคาที่อยากขาย หรือใกล้เคียงมากที่สุด ส่วนผู้ซื้อก็จะได้รับความมั่นใจในคุณภาพรถที่ผ่านการตรวจเชคสภาพตามมาตรฐานของเรา ในราคาที่เหมาะสม
4 WHEELS : คุณมองทิศทางตลาดรถยนต์มือสองอย่างไร ?
ษรัญพัฒน์ : ปัจจุบันปริมาณการซื้อ-ขายในตลาดรถยนต์มือสองมีประมาณ 1.3 ล้านคัน เติบโตขึ้นราว 20 % เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อรถยนต์มือสองเพิ่มมากขึ้น เพราะคุณสมบัติใกล้เคียงกับรถใหม่ในราคาที่ต่ำกว่า รวมถึงมีบริการด้านสินเชื่อรถยนต์มือสองให้เลือกหลากหลาย ภายใต้เงื่อนไขที่ผ่อนปรน ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น อีกทั้งยังมีผู้ประกอบการรายใหม่ในตลาดเพิ่มมากขึ้น ทั้งผู้ประกอบการในประเทศ และดีเลอร์ที่ลงทุนจากต่างประเทศ
4 WHEELS : คุณมองรถ EV อย่างไร มีผล กระทบกับรถยนต์มือสองมากน้อยเพียงใด ?
ษรัญพัฒน์ : แม้กระแสความสนใจรถยนต์ไฟฟ้าจะทำให้ตลาดรถยนต์ใหม่ในไทยคึกคัก แต่ไม่กระทบตลาดรถยนต์มือสอง อีกทั้งในช่วง COVID-19 ที่ผ่านมา ยังเป็นตัวกระตุ้นตัวเลขยอดขายรถมือสองให้พุ่งขึ้นสวนทางเศรษฐกิจ ทำให้กลุ่มธุรกิจซื้อ-ขายรถยนต์มือสองมองเห็นโอกาสเติบโต ประกาศเร่งขยายธุรกิจ ทั้งการซื้อ-ขาย, ประกัน, สินเชื่อ ซึ่ง จัสท์ คาร์ ก็มีบริการครบครัน เพื่อรองรับอุตสาหกรรมยานยนต์ที่จะเติบโตขึ้นในอนาคต ที่เราเชื่อว่ารถมือสองจะยังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค
KAIDEE
พแลทฟอร์มซื้อ-ขายรถมือหนึ่ง และมือสอง อันดับหนึ่งของเมืองไทย
โฮเซน ราฟัตเนจาด ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ KAIDEE AUTO
4 WHEELS : KAIDEE AUTO เริ่มต้นทำธุรกิจรถมือสองเมื่อไร ?
โฮเซน : KAIDEE ก่อตั้งขึ้นในปี 2554 เปิดให้บริการทั้งในรูปแบบเวบไซท์ และแอพพลิเคชัน โดยมี KAIDEE AUTO เป็นส่วนหนึ่งของบแรนด์ จนกระทั่งในปี 2563 ที่ KAIDEE ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ EMPG บริษัทพแลทฟอร์มมาร์เกท พเลศชั้นนำระดับโลก นำสู่การปรับเปลี่ยน KAIDEE AUTO ไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยเพิ่มศักยภาพในการเป็นผู้ให้บริการด้านโซลูชันแบบครบวงจรแก่ค่ายรถยนต์มือหนึ่ง และเป็นแหล่งซื้อ-ขายรถยนต์มือสองทุกรุ่น ทุกบแรนด์ ทุกประเภท มีให้เลือกทั้งรถยนต์ รถกระบะ และรถครอบครัว ในราคาที่จับต้องได้
เรามีรถยนต์ให้เลือกทั้งจากเจ้าของรถเอง และตัวแทนจำหน่ายจากทั่วประเทศ ส่วนใครที่อยากเปลี่ยนรถ ก็สามารถนำรถคันเก่ามาโพสต์ขายกับเราได้ นอกจากนี้ เรายังรวบรวมรีวิวรถยนต์แต่ละรุ่น ให้เป็นข้อมูลในการเลือกซื้ออีกด้วย
4 WHEELS : ทำไมต้องเลือก KAIDEE AUTO ?
โฮเซน : KAIDEE AUTO เป็นพแลทฟอร์มออนไลน์ที่ทำหน้าที่เสมือนคนกลางในการเชื่อมต่อผู้ขายรถยนต์มือสอง กับผู้ซื้อทั่วประเทศ สิ่งที่ทำให้เราแตกต่าง และครองความเป็นผู้นำ คือ การที่เราเป็นพันธมิตรกับผู้ประกอบการ OEM รถใหม่จากทุกค่าย และผู้ประกอบการธุรกิจรถยนต์มือสองกว่า 1,500 รายทั่วประเทศ ทำให้ KAIDEE AUTO ตอบโจทย์ผู้ใช้งานทั้งในแง่จำนวนรถที่มีให้เลือกถึงกว่า 30,000 คัน ไม่ว่าลูกค้าจะอยู่ภาคไหน ก็สามารถเลือกซื้อรถจากผู้ขายในพื้นที่ที่เป็นพันธมิตรกับ KAIDEE AUTO ได้ ทำให้ผู้ซื้อมั่นใจได้ว่าจะได้รับความสะดวกสบายผ่าน KAIDEE AUTO
4 WHEELS : พันธมิตรของ KAIDEE AUTO ?
โฮเซน : KAIDEE AUTO เป็นพันธมิตรกับสถาบันการเงินชั้นนำ รวมถึงสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว และผู้จำหน่ายรถยนต์มือสองทั่วประเทศ ทำให้ลูกค้าของเราสามารถเลือกใช้บริการหลังการขายที่หลากหลายได้จากการซื้อรถยนต์มือสองกับผู้ขายบน KAIDEE AUTO
4 WHEELS : KAIDEE AUTO มีระบบตรวจสอบ และคัดกรองคุณภาพรถอย่างไร ?
โฮเซน : KAIDEE AUTO มีบริการ KAIDEE CERTIFIED ตรวจสภาพรถยนต์มือสองโดยช่างผู้เชี่ยวชาญกว่า 200 จุด ทำให้ลูกค้ามั่นใจว่ารถยนต์มือสองที่ได้รับการรับรองจาก KAIDEE CERTIFIED มีคุณภาพอย่างแน่นอน
4 WHEELS : KAIDEE AUTO ได้อะไรจากลูกค้าที่ต้องการขายรถยนต์มือสอง ?
โฮเซน : KAIDEE AUTO เป็นผู้ให้บริการพแลทฟอร์มออนไลน์ เรามีแพคเกจที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้งาน ตั้งแต่การลงประกาศขายได้ฟรี ไม่คิดค่าใช้จ่าย ไปจนถึงแพคเกจพรีเมียมแบบมีค่าใช้จ่าย ที่มีฟีเจอร์ช่วยเพิ่มโอกาสทางการขายให้มากขึ้น
4 WHEELS : ความพึงพอใจของลูกค้าที่มาใช้บริการ ?
โฮเซน : KAIDEE AUTO เป็นส่วนหนึ่งของ www.kaidee.com มีจำนวนผู้ใช้งาน 14 ล้านคน/เดือน และเฉพาะในส่วนของ KAIDEE AUTO เรามีผู้ใช้งานถึง 4.5 ล้านคน ใช้เวลาบนพแลทฟอร์มเฉลี่ยมากกว่า 7 นาที/การเข้าเยี่ยมชมแต่ละครั้ง และเข้าแอพพลิเคชันของเราเฉลี่ยถึงเดือนละ 5 ครั้ง ซึ่งค่อนข้างดีมากสำหรับธุรกิจประเภทนี้ แสดงถึงความไว้วางใจ และความพึงพอใจที่ผู้ใช้งานมีต่อ KAIDEE AUTO
4 WHEELS : KAIDEE AUTO มองตลาดรถ EV อย่างไร ?
โฮเซน : ในเวบไซท์ของเรา จะมีกลุ่มรถประเภท EV หมายความว่า KAIDEE AUTO ให้ความสำคัญกับกลุ่มรถประเภทนี้อยู่แล้ว โดยในส่วนรถยนต์มือหนึ่งเราได้เป็นพันธมิตรกับผู้ประกอบการ OEM บแรนด์ต่างๆ ที่เป็นผู้นำในเรื่องของรถ EV ซึ่งถือได้ว่า KAIDEE AUTO เป็นผู้นำในการสนับสนุน EV ทั้งพแลทฟอร์มรถยนต์มือสอง และรถยนต์มือหนึ่ง
4 WHEELS : อนาคตตลาดรถมือสอง ในระยะยาวจะเป็นอย่างไร ?
โฮเซน : หลายประเทศเริ่มมองเห็นมูลค่าของรถยนต์มือสองเพิ่มขึ้น และมีการใช้ตลาดรถยนต์มือสองสำหรับการลงทุน ซึ่งคนที่จะเปลี่ยนรถยนต์มือสองเป็นรถมือหนึ่งนั้นจะน้อยลง โดยจะเป็นการเปลี่ยนจากรถยนต์มือสองในสเปคเริ่มต้น เป็นรถยนต์มือสองที่มีสเปคสูงขึ้นมากกว่า
4 WHEELS : ปัจจุบันมีการให้บริการผ่าน พแลทฟอร์มใดบ้าง ?
โฮเซน : KAIDEE AUTO ให้บริการผ่านเวบไซท์ www.rod.kaidee.com รวมถึงแอพพลิเคชัน นอกจากนี้ ผู้ใช้งานยังสามารถติดตามข่าวสาร ดีลพิเศษ และกิจกรรมต่างๆ ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย อาทิ KAIDEE AUTO FACEBOOK, KAIDEE AUTO YOUTUBE, IG และ TIKTOK
MOTORIST
พแลทฟอร์มซื้อ-ขายรถยนต์มือสองออนไลน์ ที่กำลังได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้รถ
ธัญลักษณ์ คำกัมพล ผู้จัดการทั่วไป MOTORIST
4 WHEELS : ในสิงคโปร์ MOTORIST เริ่ม ทำธุรกิจรถมือสองออนไลน์ในปีใด และเหตุใดจึงขยายสาขาสู่ไทย ?
ธัญลักษณ์ : MOTORIST ที่สิงคโปร์ เป็น กลุ่มทุนสตาร์ทอัพที่เติบโตเร็วมาก และประสบความสำเร็จสูงสุด นับตั้งแต่ปี 2558 ตอนนี้เป็นแอพพลิเคชันที่ครองอันดับ 1 ในสิงคโปร์ เราเล็งเห็นศักยภาพของประเทศไทยในตลาดรถยนต์ มือสองออนไลน์ว่าต้องเติบโตแน่ๆ ก่อนหน้านี้ เราไปเปิดที่มาเลเซีย และไทย เป็นประเทศที่ 3 ในช่วงต้นปี 2565
MOTORIST ในสิงคโปร์ จะมีทั้งหมด 37 ฟีเจอร์ แต่ในประเทศไทยเราเริ่มทดลองฟีเจอร์สำหรับคนที่ต้องการขายรถก่อน โดยตอนนี้เปิดให้บริการผ่านเวบไซท์ พอปลายปีจะเพิ่มรูปแบบการให้บริการผ่านแอพพลิเคชัน
4 WHEELS : แผนการตลาด และกลุ่มลูกค้า คือใคร ?
ธัญลักษณ์ : กลุ่มผู้ใช้รถ เป็นกลุ่มที่ต้องการดาวน์โหลด และใช้แอพพลิเคชันสำหรับคนใช้รถ ซึ่งคนใช้รถมีกิจกรรมอะไรบ้าง ก็ตามวงจรชีวิตทั้งหมดเลย เช่น ซื้อรถ ขายรถ บำรุงรักษา ทำประกัน เอารถไปเติมน้ำมัน ต่อภาษี หรือสื่อสารกับผู้ใช้รถเหมือนกัน เรามีฟีเจอร์หลักมากมาย และปลายปีนี้จะแนะนำ 6 ฟีเจอร์สำหรับคนไทย
4 WHEELS : MOTORIST มีจุดเด่นต่างจากพแลทฟอร์มอื่นๆ อย่างไร ?
ธัญลักษณ์ : MOTORIST เป็นพาร์ทเนอร์กับเทนท์รถ และผู้ซื้อจำนวนมาก ถ้าผู้บริโภคต้องการขายรถ นำรถมาตีราคา โดยได้ราคาสูงสุด แต่ถ้าเอาไปขายหลายพแลทฟอร์ม ซึ่งบางที่จะเป็นออนไลน์ดีเลอร์ จะเป็นคนตีราคา รับราคาเข้า ก็เหมือนกับว่า ให้บางเจ้ารับตีราคาเท่านั้นเอง แต่ MOTORIST มีโอกาสเปรียบเทียบกับหลายๆ เจ้า
4 WHEELS : MOTORIST แตกต่างจากเทนท์รถอย่างไร ?
ธัญลักษณ์ : เรานำเทนท์รถเข้ามาประมูล โดยเสนอราคาหลายๆ ที่แล้วนำราคาสูงสุดให้ผู้ขายพิจารณา เราไม่ใช่เทนท์รถ เราเป็นพาร์ทเนอร์
4 WHEELS : MOTORIST มีบริการด้านใดบ้าง ?
ธัญลักษณ์ : ตอนนี้เป็นช่องทางขายรถอย่างเดียว ส่วนปลายปีจะเป็นทั้งไฟแนนศ์ แลกเปลี่ยน ซื้อ-ขายรถ ประกันรถ และมีบริการเสริม อื่นๆ เช่น รายงานสภาพการจราจร ผ่านกล้องวงจรปิด และให้ข้อมูลที่สำคัญ เช่น ราคาน้ำมันปั๊มต่างๆ ล้างรถ ศูนย์บริการ ฯลฯ
4 WHEELS : พันธมิตรมีใครบ้าง ?
ธัญลักษณ์ : ส่วนใหญ่เป็นเทนท์รถ ลีซิง สถาบันการเงิน เช่น สินเชื่อด้านรถยนต์ ประกันภัย ศูนย์คาร์แคร์ คาร์วอช ปั๊มน้ำมัน ฯลฯ ส่วนในปีถัดๆ ไปก็จะทยอยเพิ่มบริการด้านอื่นตามมา
4 WHEELS : มีเจ้าของรถเข้ามาใช้บริการซื้อ-ขายรถมากน้อยแค่ไหน ?
ธัญลักษณ์ : เฉพาะฟีเจอร์ที่ขายรถ เราได้รับการตอบรับอบอุ่นมาก หากเทียบปริมาณต่อวันประมาณ 100 คัน เพียงแต่ราคาอาจยังไม่โดน และที่จบการซื้อ-ขายได้ ประมาณ 100-200 กว่าคัน/เดือน
4 WHEELS : เงื่อนไขการรับประกันรถ และความพึงพอใจเป็นอย่างไร ?
ธัญลักษณ์ : การรับรถ การตรวจสภาพรถ ทางดีเลอร์ หรือพาร์ทเนอร์ของเรา จะเป็นคนตรวจสภาพรถยนต์ด้วยตนเอง เขาจะได้มั่นใจเรื่องคุณภาพรถ ส่วนการซื้อ-ขายทั้งสองฝ่าย ตกลงกันเองได้ ดีเลอร์ หรือพาร์ทเนอร์แต่ละราย จะมีหลักการตรวจสภาพรถแตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่จะตรวจสอบคล้ายๆ กัน เช่น ตรวจภายนอก, ภายใน, เครื่องยนต์ และช่วงล่าง ส่วนหน้าที่ของเรา คือ จับคู่คนที่ถูกใจกัน ให้มาเจอกัน ดังนั้นหลักเกณฑ์จะแตกต่างกันไปในแต่ละที่ ดีเลอร์บางรายดูเยอะ ผู้ขายบางรายสภาพรถอาจไม่ดี แต่เป็นรถเฉพาะ ซึ่งดีเลอร์เอาไปทำเพิ่มนิดหน่อย ก็สามารถขายต่อได้ หลักเกณฑ์ไม่ตายตัว ตอนนี้เรามีดีเลอร์ประมาณ 500 กว่าราย กำลังขยายงานไปภาคอีสาน
4 WHEELS : MOTORIST ได้อะไรจากลูกค้าที่เข้ามาขายรถ ?
ธัญลักษณ์ : เราขายรถผ่านฟีเจอร์ คิดค่าบริการจากดีเลอร์ ไม่ได้คิดค่าใช้จ่ายกับลูกค้าที่เป็นผู้ขาย แต่เราพยายามให้ลูกค้าโหลดแอพพลิเคชันของเรามากกว่า
4 WHEELS : เราสามารถซื้อรถผ่าน MOTORIST ได้หรือไม่ ?
ธัญลักษณ์ : เราเป็นคนกลาง มีพาร์ทเนอร์ที่เป็นเทนท์รถ และโชว์รูมรถใหม่ เราส่งต่อไปที่โชว์รูมรถใหม่ได้ ถ้ามีผู้สนใจอยากขายรถเก่า แล้วออกรถใหม่ป้ายแดง เบื้องต้นเราดีลกับโชว์รูมรถญี่ปุ่น, ยุโรป, จีน กว่า 15 ยี่ห้อ ครอบคลุมทุกเซกเมนท์ที่เป็นรถใหม่ป้ายแดง
4 WHEELS : มองตลาดรถไฟฟ้า หรือ EV อย่างไร ?
ธัญลักษณ์ : คิดว่าตลาดรถ EV ของจีน หรือประเทศอื่นเขาทำราคาในตลาดรถได้ค่อนข้างดี ส่วนจะมีผลกระทบต่อตลาดรถยนต์มือสองไหม ตอนนี้ยังไม่แน่ใจ
4 WHEELS : พแลทฟอร์มรถยนต์มือสองออนไลน์ จะส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์ มือสองหรือไม่ ?
ธัญลักษณ์ : ส่วนตัวมีความกังวลเล็กน้อย เพราะว่าออนไลน์พแลทฟอร์มหลายตัวที่เข้ามาเป็นดีเลอร์รายใหญ่ และทำการตลาดเอง เชื่อว่าจะมีผลกระทบต่อเทนท์รถขนาดเล็กในบ้านเรา แต่ว่าตลาดรถยนต์มือสองจะอยู่ต่อไปได้อีกหลายปี อย่างต่ำ 5 ปี ตลาดยังโตได้อีก เมื่อเทียบตัวเลขสถานการณ์ซื้อ/ขายรถใหม่ที่เป็นอยู่ สำหรับ MOTORIST เราเป็นเหมือนพาร์ทเนอร์ของดีเลอร์ โดยให้โอกาสดีเลอร์ทุกราย และเป็นอีกช่องทางให้พวกเขาอย่างแท้จริง
4 WHEELS : ในการร่วมงาน MOTOR EXPO 2022 ตั้งเป้าไว้อย่างไร ?
ธัญลักษณ์ : งานนี้มีผู้ชมงาน รวมถึงยอดจำหน่ายรถในงานจำนวนมาก เราจึงหวังจะประชาสัมพันธ์เวบไซท์ และแอพพลิเคชัน โดยตั้งเป้าว่า จะมีผู้ใช้รถดาวน์โหลดแอพพลิเคชันประมาณ 5,000 คน และคิดว่าน่าจะมีคนเข้ามาซื้อ-ขายรถด้วย
ABOUT THE AUTHOR
ก
กองบรรณาธิการบทความสารคดี 4wheels
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2565
คอลัมน์ Online : พิเศษ(4wheels)