
ปกติแล้ว แบทเตอรีแบบกึ่งแห้ง ควรตรวจเชคเป็นประจำว่าระดับน้ำกลั่นพร่องไปมากน้อยแค่ไหน ส่วนแบทเตอรีที่ต้องเติมน้ำกลั่น ควรตรวจเชคเดือนละ 1 ครั้ง โดยจะมีอายุการใช้งานเฉลี่ยไม่เกิน 2-3 ปี ขณะที่แบทเตอรี ชนิดแห้งซึ่งมีราคาแพงกว่านั้น ต้องคอยสังเกตระดับประจุไฟที่เหลืออยู่ด้วยว่าได้เวลาเปลี่ยนแล้วหรือยัง
ให้สังเกตสีของน้ำมันเครื่องว่าเป็นอย่างไร ข้นดำเกินไปหรือไม่ และถึงระยะที่ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องหรือยัง ปกติการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องจะอยู่ที่ระยะเวลา 6 เดือน แต่ถ้าเป็นรถที่ใช้งานเป็นประจำควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเมื่อวิ่งไปได้ระยะทาง 10,000 กม. แม้ว่ายังวิ่งไม่ครบ 6 เดือนก็ตาม เพราะน้ำมันเครื่องที่ข้นหนืด จะส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

ก่อนจะออกเดินทาง อย่าลืมเชคว่าไฟภายในตัวรถ และนอกรถ ยังคงให้ความสว่างตามปกติ และใช้งานได้ทุกดวง
ตรวจดูระดับน้ำหล่อเย็นในถังพัก ขณะเครื่องเย็น ระดับน้ำหล่อเย็นควรอยู่ระหว่างขีดระดับเต็ม (FULL) กับระดับต่ำ (LOW)
เป็นสิ่งที่ควรมีติดรถไว้เลย เพราะเราไม่มีทางรู้ว่าอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นตอนไหน เช่น ประแจ ไขควง สายพ่วงแบทเตอรี สเปรย์ปะยาง ไฟฉาย ถังดับเพลิงในรถ ค้อนนิรภัยสำหรับทุบกระจก แม่แรง น้ำมันรถ/น้ำมันเครื่องสำรอง ยางอะไหล่ เป็นต้น
ก่อนออกเดินทางไกล ต้องวางแผนการเดินทางว่าใช้เส้นทางไหน ใช้เวลาเดินทางเท่าไร ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และที่สำคัญ ขับขี่ด้วยความไม่ประมาท และเตรียมที่ชาร์จสำรองสำหรับโทรศัพท์มือถือ และเบอร์ฉุกเฉินติดไว้ด้วย เผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน จะได้ติดต่อขอความช่วยเหลือจากหน่วยงาน หรือคนใกล้ชิดได้
1. ศึกษาเส้นทางที่จะไป เลือกเส้นทางที่ปลอดภัย ถนนสายหลักจะมีจุดเสี่ยงน้อยกว่าถนนสายรอง ควรเลือกช่วงเวลาเดินทางในตอนกลางวันเพราะมีความเสี่ยงน้อยกว่า และเผื่อเวลาในการเดินทางให้มากพอ
2. แวะจอดพักเข้าห้องน้ำ ทานกาแฟ ผ่อนคลายอิริยาบถ ทุกๆ 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันความเหนื่อยล้าของคนขับ พร้อมตรวจสอบสภาพรถไปด้วย โดยการเดินรอบๆ รถหาสิ่งผิดปกติ
3. ในช่วงเทศกาลอาจเจอพวกเมาแล้วขับ ให้สังเกตพฤติกรรมของรถคันอื่นที่ขับผิดปกติ เพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ
การดูแลรถหลังกลับจากเดินทางไกล เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะรถอาจเสื่อมสภาพ หรือสึกหรอมากกว่าปกติ เนื่องจากผ่านการใช้งานบนถนนหลายรูปแบบ ดังนั้น มาดูสิ่งที่ต้องตรวจเชค ว่ามีอะไรบ้าง
บทความแนะนำ

