มาตรวัดตลาดรถ
20% ของรถจีน
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนพฤศจิกายน 2022/2021
ตลาดโดยรวม -4.8 %
รถยนต์นั่ง -14.8 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) +48.4 %
กระบะ 1 ตัน -5.9 %
รถเพื่อการพาณิชย์ -5.3 %
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2022/2021
ตลาดโดยรวม +14.7 %
รถยนต์นั่ง +9.3 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) +22.4 %
กระบะ 1 ตัน +17.4 %
รถเพื่อการพาณิชย์ +10.0 %
เข้าสู่เดือนที่ 2 ของปี ซึ่งเป็นช่วงที่ทุกคนในวงการรถยนต์รู้ดีว่าเป็นโลว์ซีซัน หรือนอกฤดูกาลขายของวงการยานยนต์ เพราะจากสถิติที่ผ่านมา ผู้บริโภคมักนิยมจ่ายเงินสำหรับรถใหม่ในจังหวะก่อนสิ้นปี แล้วก็นำรถมาจดทะเบียนต้นปีถัดไป เพื่อให้ได้รถจดทะเบียนปีใหม่ การเร่งซื้อจึงเกิดขึ้นช่วงปลายปีที่แล้วเสียส่วนใหญ่ รถเหล่านี้เมื่อใช้แล้ว ต้องการขายต่อเป็นรถมือสองก็ได้ราคาดี เพราะเป็นรถจดทะเบียนปีล่าสุดไม่ใช่รถปีเก่า อิทธิพลเหล่านี้ทำให้เดือนแห่งความรักเป็นเดือนที่ยอดขายรถยนต์ไม่คึกคักเท่าไร ประกอบกับเดือนกุมภาพันธ์เป็นเดือนที่มีวันทำงานน้อยที่สุด คือ 28 วัน ในปีปกติสุรทิน และ 29 วัน ในปีอธิกสุรทิน เวลาทำการของการขายก็ลดลงไป 1 วัน
ช่วงกลางของไตรมาสแรกของปีเช่นนี้ ดัชนีต่างๆ ของการซื้อ และขายยังไม่ได้ชี้ชัดมากมายนักว่าทิศทางตลาด และความต้องการนั้นเป็นไปตามภาวะอย่างไร ยังอยู่ในช่วงต้นปีแบบนี้ผมมีสิ่งหนึ่งที่อยากให้จับตามองต่อเนื่อง นั่นคือ ความเคลื่อนไหวของรถบแรนด์จีนในประเทศไทย
กลุ่มธุรกิจรถยนต์จากจีนดูคึกคักที่สุด ท่ามกลางตลาดรวมที่เติบโตเพิ่มขึ้น หากมองกลยุทธ์ของรถบแรนด์จีนในไทย ได้วางกลยุทธ์ต่างๆ มาก่อนปี 2565 ด้วยเป้าหมายต้องการสร้างส่วนแบ่งตลาดให้ได้ 20 % สำหรับผู้บริโภคชาวไทย รับรู้คุณภาพรถจีน ผ่านรถลูกผสมระหว่าง ความเป็นสากลของบแรนด์ กับความเป็นเจ้าของรถจากจีน เรากำลังพูดถึงรถบแรนด์ MG (เอมจี) ในบทบาทที่เป็นพี่ใหญ่ของรถจีนในไทย MG คือ ผู้สร้างความน่าเชื่อถือ สร้างภาพพจน์ใหม่ ให้แก่รถยนต์จากจีนแผ่นดินใหญ่ MG เป็นเหมือนหัวหมู่ทะลวงฟัน เพราะสร้างมาตรฐานใหม่ให้แก่วงการรถยนต์ไทยในสิ่งที่ค่ายรถญี่ปุ่นให้แบบจำกัด หรือไม่เคยให้มาก่อน ทำให้การเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ของผู้บริโภคชาวไทยต้องจ่ายในราคาแพง ในขณะที่จีน เสนอรถที่มีออพชัน และการออกแบบรถที่รูปร่างสวย พร้อมคุณภาพวัสดุภายในราคาที่จับต้องได้ รถจีนยังคงขาดเครือข่าย แต่จีนไม่ได้หยุดสร้างเครือข่าย เพียงแต่รอเวลาเท่านั้น การนำเทคโนโลยีแห่งอนาคตมาสู่ตลาดรถไทยเร็วกว่าเวลา ถ้าเป็นพ่อครัวก็ทำกับข้าวแบบไม่หวงเครื่อง รถจีนจึงแซ่บทุกรุ่น ทุกเมนู
MG ถือเป็นเครื่องจักรโจมตีรถญี่ปุ่น โดยมีเป้าหมายเป็นการกรุยทางให้เพื่อนร่วมชาติ แน่นอนแม้ไม่ได้สำเร็จทุกเซกเมนท์ แต่ก็บ่งบอกเพื่อนร่วมชาติว่า ญี่ปุ่นมีจุดด้อยจุดอ่อนตรงไหนบ้าง ถือเป็นการทดสอบญี่ปุ่นเป็นอย่างดี
ผลการทำตลาดนี้ถูกส่งต่อไปยังภาพลักษณ์ของบแรนด์จีน สามารถนำไปต่อยอด นำมาซึ่งการไหลบ่าของรถหน้าใหม่ ไม่ว่าจะเป็น GWM (กเรท วอลล์ มอเตอร์) BYD (บีวายดี) NETA (เนทา) VOLT EV (โวลท์ อีวี) DFSK (ดีเอฟเอสเค) หรือที่กำลังแต่งตัวอย่าง SERES (เซเรส) CHANGAN (ฉางอัน) GEELY (กีลี) และ CHERY (เชอรี) รวมถึงรถเพื่อการพาณิชย์อย่าง MAXUS (แมกซัส) กับ CP FOTON (ซีพี โฟตอน) และนี่คือบางส่วนจากผู้ผลิตรถบแรนด์จีน 33 บแรนด์ชั้นนำเท่านั้น เป้าหมายจีน คือ ยึด 20 % ให้ได้ ตีญี่ปุ่นให้แตก
ในขณะที่ญี่ปุ่นก็เคลื่อนไหวรับมือการเปิดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า BZ4X (บีเซด 4 เอกซ์) ของ TOYOTA (โตโยตา) เมื่อปลายปีที่แล้ว บ่งบอกถึงการไหวตัวของฝั่งญี่ปุ่น TOYOTA นั้นเป็นหัวเรือใหญ่ ในฐานะเบอร์ 1 ของโลก และเบอร์ 1 ของเมืองไทย เมื่อไรที่ค่ายนี้เคลื่อนไหว ใครๆ ก็ต้องจับตามอง TOYOTA สร้างความประหลาดใจให้วงการรถยนต์ในงานครบรอบ 60 ปี TOYOTA ในประเทศไทย ด้วยการส่งรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ 2 รุ่นรวด มาอวดโฉมในงาน มีทั้งกระบะ REVO (รีโว) และกระบะอเนกประสงค์รุ่นใหม่ หน้าตาใหม่ เป็นการเบรคกระแสรถจีนไปในที รวมถึงส่งสารมายังปักกิ่ง ว่าเซกเมนท์นี้ของข้าใครอย่าแตะ แนวร่วมของ TOYOTA ไม่ว่าจะเป็น MAZDA (มาซดา) SUBARU (ซูบารุ) และ SUZUKI (ซูซูกิ) ก็เคลื่อนไปพร้อมๆ กัน MAZDA ดำเนินการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าของตัวเองอย่างแข็งขัน ในเร็วๆ นี้คงได้เห็นส่วน SUBARU คงขายรถยนต์ไฟฟ้าที่พัฒนาจากพแลทฟอร์มเดียวกันกับ TOYOTA BZ4X ในเร็วๆ นี้ ในขณะที่ SUZUKI เจ้าตลาดรถเล็กราคาประหยัดก็เริ่มเขียนประวัติศาสตร์ใหม่ของตัวเองในตลาดไทย ด้วยการเริ่มขายรถเครื่องยนต์ไฮบริด (HYBRID ELECTRIC VEHICLE) ในไทยเป็นครั้งแรก เมื่อปลายปีที่ผ่านมา
การรวมกลุ่มกันของบรรดาผู้ค้า และผู้ผลิตรถยนต์จีนในไทย ในนามสมาคมผู้ผลิตยานยนต์จีน เป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวเพื่อให้รถจีนมีพลังอำนาจต่อรองมากขึ้น และเพื่อบรรลุเป้าหมาย การสร้างฐานผลิตสำรองนอกแผ่นดินใหญ่ ศึกช้างชนช้างกำลังเกิดขึ้น โดยมีไทยเป็นเวที สำหรับพี่ไทยจะได้ประโยชน์ขึ้นอยู่กับคนที่กำหนด และกำกับนโยบาย คิดกันลึกๆ ดูกันให้รอบคอบ มิฉะนั้นหญ้าแพรกที่แหลกลาญ คือ เรานั่นเอง
เรื่องโดย : จอมยุทธ
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2566
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/438959