อันดับ 2 ไม่เปลี่ยนแปลง อันดับที่ 3 คือ TOYOTA ซึ่งหล่นมาจากบแรนด์เบอร์ 1 เมื่อปีที่แล้ว
ส่วนรถยนต์บแรนด์จีน แม้ยังไม่ติดทอพ 10 ของโลก แต่น่าสนใจตรงที่ทอพ 100 มีบแรนด์จีนชั้นนำมากมายติดอันดับอยู่ ที่น่าสนใจ คือ การเติบโตอย่างก้าวกระโดด บแรนด์ BYD (บีวายดี) รั้งอันดับที่ 12 ของโลก ไต่ขึ้นมาจากลำดับที่ 19 เข้ามาไล่ติดกับ NISSAN (นิสสัน) และ AUDI (เอาดี)
ถัดไป คือ GEELY (กีลี) ติดอันดับที่ 22 ไต่ขึ้นมาจากลำดับที่ 25 ใกล้จะเบียด RENAULT (เรอโนลต์) SUBARU (ซูบารุ) และ SUZUKI (ซูซูกิ) เข้าไปทุกทีอีกบแรนด์ชั้นนำที่น่าสนใจ คือ HAVAL (ฮาวัล) รถในเครือของ GWM (กเรท วอลล์ มอเตอร์) อยู่ลำดับที่ 24 HAVAL นั้นตกลงมาจากเดิม ซึ่งอยู่อันดับที่ 20
นอกจากนี้ ยังมีรถอย่าง NIO (นีโอ), GWM, XPENG (เอกซ์เปง), LI AUTO (หลี ออโท), SONG (ซ่ง), FOTON (โฟตอน), HAN (ฮั่น) เข้ามาอยู่ในทอพ 100 ด้วย นี่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของรถยนต์บแรนด์จีนที่เติบโตเพิ่มขึ้น
ในขณะที่ ครึ่งปีหลัง 2566 ตลาดไทยน่าจะมีทิศทางที่ดี ซึ่งปี 2566 นั้นมีการประมาณตัวเลขการผลิตรถยนต์ในประเทศอยู่ที่ 1,950,000 คัน แบ่งเป็นการผลิตเพื่อการส่งออก 1,050,000 คัน และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 900,000 คัน
เป้าหมาย 900,000 คัน เป็นเป้าหมายที่ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า ก็ต้องรอลุ้นกันต่อไปว่า ความแรงของรถยนต์พลังงานใหม่จะกระตุ้นยอดขายตลาดในครึ่งปีหลังได้มากน้อยเพียงใด
ในขณะที่ระยะยาว ภาคอุตสาหกรรมของไทย คาดการณ์ว่าในปี 2573 ประเทศไทยจะมีการผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้นที่ 2.4 ล้านคัน และมีตัวเลขการผลิตรถ ZEV หรือรถพลังงานใหม่ จำนวน 725,000 คัน รัฐบาลไทยนั้น มีท่าทีชัดเจนในแง่ของการผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์เพื่อเป็นฐานผลิตยานยนต์ไฟฟ้า และชิ้นส่วนที่สำคัญของโลก เป็นศูนย์กลางสำคัญของภูมิภาค
ซึ่งมีการประกาศระเบียบต่างๆ ทั้งการสร้างแรงจูงใจ การส่งเสริม สนับสนุน เพื่อนำพาประเทศไทยในการก้าวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
ทั้งนี้ เป้าหมายการผลิตรถยนต์ที่วางไว้ระยะยาวนั้น เป็นกลยุทธ์ที่จะส่งเสริมให้ไทยมีบทบาทในการเป็นฐานการส่งออกรถยนต์พลังงานใหม่ หากดูจากการแสดงความสนใจในการลงทุนก่อนหน้านี้ มีแต่รถยนต์บแรนด์จีนเท่านั้นที่มีทิศทางตอบโจทย์นโยบายของไทย รถบแรนด์จีน ก้าวก่อนญี่ปุ่นในเรื่องยานยนต์ไฟฟ้า ดังนั้น นี่คือ จังหวะของจีนสำหรับการเริ่มต้นบทบาทใหม่ ที่สำคัญต่อภาคการส่งออกยานยนต์ของไทย แต่จะไปได้ไกล และขยายวงกว้างแค่ไหน ไปได้เหมือนที่ฝั่งญี่ปุ่นทำไว้หรือไม่ ต้องติดตามดูกันยาวๆ บทความแนะนำ

