มาตรวัดตลาดรถ
เมื่อกระบะยังไม่มีอะไรใหม่ ตลาดไทยจึงซึม…รอดู
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนพฤษภาคม 2023/2022
ตลาดโดยรวม +0.5 %
รถยนต์นั่ง +29.4 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) -7.8 %
กระบะ 1 ตัน -19.2 %
รถเพื่อการพาณิชย์ +38.2 %
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2023/2022
ตลาดโดยรวม -4.9 %
รถยนต์นั่ง +6.4 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) +23.3 %
กระบะ 1 ตัน -18.2 %
รถเพื่อการพาณิชย์ +8.0 %
ในรอบ 7 เดือนที่ผ่านมา (มค.-กค. 66) ตัวเลขความต้องการรถยนต์ของไทยแบ่งตามเซกเมนท์ ชี้ให้เห็นว่า เซกเมนท์รถยนต์นั่ง เป็นตลาดเดียวที่มีเสถียรภาพของยอดขายอยู่ในแดนบวกด้วยเลข 2 หลัก ในขณะที่เซกเมนท์รถเพื่อการพาณิชย์ และรถกระบะ ต่างยังคงเคลื่อนไหวสลับกันระหว่างแดนบวกกับแดนลบ และการเติบโตของตลาด 2 เซกเมนท์นี้ ดูเหมือนจะพัวพันอยู่กับแดนลบเสียมากกว่า
สำหรับอนาคตเซกเมนท์รถยนต์นั่งเมืองไทย ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของปี ท่ามกลางปัจจัยแวดล้อมของเศรษฐกิจแบบซึมๆ ไม่ตื่นเต้นกับรัฐบาลใหม่ และมีปัจจัยลบจากภาวะเศรษฐกิจของโลก แต่ก็ยังถือว่าตลาดรถยนต์นั่งของไทยปี 2566 น่าจะสามารถเติบโตเป็นบวกได้
หากมองลึกลงไป ปัจจัยหลักที่ช่วยพยุงตลาดรถยนต์นั่งที่สำคัญมี 2 ประการ คือ การเข้าสู่ตลาดของบรรดาผู้จำหน่ายรายใหม่ ด้วยการวางจำหน่ายรถยนต์ในตลาดใหม่ นั่นคือ รถยนต์ไฟฟ้า ในไทยถือว่าเป็นตลาดเกิดใหม่ที่มีการสร้างขึ้นตามทเรนด์ของโลก ผู้ผลิตรถยนต์นั่งมีการแนะนำรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่แทบทุกเดือน ตลอด 3 ไตรมาสที่ผ่านมา
ปัจจัยที่ 2 คือ การเปลี่ยนจากรับเป็นรุกของรถยนต์น้ำมัน โดยเฉพาะการปรับปรุงพโรดัคท์ อัพเดทของบรรดาผู้จำหน่ายรถยนต์นั่งขนาดซับคอมแพคท์ ราคาประหยัด ซึ่งรถกลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มหลักของตลาด ไม่ว่าจะเป็น NISSAN ALMERA (นิสสัน อัลเมรา) TOYOTA YARIS ATIV (โตโยตา ยารีส เอทีฟ) MAZDA2 (มาซดา 2) HONDA CITY (ฮอนดา ซิที) ไมเนอร์เชนจ์ MG5 (เอมจี 5) SUZUKI SWIFT (ซูซูกิ สวิฟท์) สิ่งเหล่านี้มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ
ด้านเซกเมนท์รถกระบะ ที่ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา ถูกท้าทายมากจริงๆ แล้วสัดส่วนการขายรถกระบะไทยนั้น มีน้ำหนักพอที่จะผลักดันทิศทางของตลาดรวมได้ อย่าลืมว่าไทยเป็นเมืองหลวงของรถกระบะ 1 ตัน และมีสัดส่วนการใช้ต่อรถเก๋ง 50:50 รถกระบะเป็นตลาดใหญ่ของรถยนต์บ้านเราจริงๆ แต่ด้วยเหตุภาวะเงินเฟื้อ ของแพง น้ำมันเชื้อเพลิงราคาสูง ทั้งหมดจึงกระทบกับรถทำมาหากินอย่างกลุ่มรถกระบะหัวเดียว และรถกระบะแบบมีแคบ ในช่วงหลัง ปัจจัยเติบโตของตลาดรถยนต์รวม จึงไปขึ้นอยู่กับการขยายตัวของตลาดรถยนต์นั่งเป็นหลัก
มาลองดูทิศทางในอนาคตอันใกล้ของเทคโนโลยีรถกระบะกันว่ามีอะไรใหม่ ดูเหมือนว่า 7-8 ปีนี้ รถกระบะแทบไม่มีเทคโนโลยีอะไรใหม่มาเสริมตลาดเลย และมาถึงจุดที่รถกระบะบางยี่ห้อหยุดพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลของตัวเอง รถกระบะรุ่นใหม่ๆ ยังใช้เครื่องยนต์ดีเซล เจเนอเรชันเดิม เมื่อหลาย 10 ปีก่อน และไม่มีการปรับปรุงผลิตภัณฑ์เพื่อตลาดใหม่เหมือนตลาดรถยนต์นั่ง ส่วนหนึ่งในตลาดรถกระบะมีข้อจำกัดด้านคุณสมบัติการใช้งาน พฤติกรรมของลูกค้าเป้าหมาย ทำให้รถกระบะก็ไม่พ้นที่ต้องเจอคำถามสำคัญของยุคนี้ คือ "แบทเตอรีจะเอาชนะแกส และน้ำมันได้ไหม ?”
ในบ้านเรา หากจับทิศทางของผู้นำรถกระบะ 3 ค่าย ได้แก่ TOYOTA, FORD (ฟอร์ด) และ ISUZU (อีซูซุ) 2 บแรนด์แรกเป็นรถกระบะที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงระดับสากล ส่วน ISUZU มีอิทธิพลมากในระดับประเทศ ซึ่งทั้ง FORD และ ISUZU ก็มีแผนระยะยาวในการวิจัยรถกระบะ EV
แต่ไม่ว่ามุมไหนของโลก ต่างจับจ้องกลยุทธ์ EV ระดับโลกของ TOYOTA ในฐานะค่ายรถเบอร์ 1 แต่กลยุทธ์ EV ของ TOYOTA ก็ล้าหลังมาก เพราะรถของ TOYOTA ส่วนใหญ่เป็นรถพึ่งพาน้ำมัน สำหรับทิศทางของรถกระบะ TOYOTA นั้นชัดเจนว่า มีการนำเสนอรถกระบะต้นแบบทั้ง IMV-0 (ไอเอมวี-ซีโร) และ HILUX (ไฮลักซ์) EV ที่ประธาน อากิโกะ โตโยดะ บินมารูดม่านเปิดตัวให้เราเห็นโฉมหน้าในไทยเป็นครั้งแรก
แต่การผลิตจริงยังไม่มีรายละเอียดออกมา อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าระหว่างที่รอรถกระบะไฟฟ้า เราจะได้เห็น HILUX MHEV ออกสู่ตลาดก่อน โดยเป็นรถกระบะไฮบริด เครื่องยนต์ 1GD-FTV พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 48 โวลท์
HILUX MHEV คือ รถกระบะแบบ MILD HYBRID สำหรับระบบ MILD HYBRID (MHEV) นั้นเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้า โดย 2 แหล่งพลังงานจะไม่สามารถทำงานแยกจากกันได้ มอเตอร์ไฟฟ้าระบบ MILD HYBRID จะมีขนาดเล็ก และทำหน้าที่เสริมกำลังขับเคลื่อนให้แก่เครื่องยนต์เท่านั้น
HILUX MHEV น่าจะเผยโฉมให้เราเห็นได้ไม่เกินไตรมาส 2 ปี 2567 และหากเครื่องยนต์ดีเซล 1GD-FTV ไฮบริด พัฒนาได้แล้ว ก็จะถูกส่งไปใช้ในบรรดารถตู้ TOYOTA HIACE (โตโยตา ไฮเอท) หรือ COMMUTER (คอมมิวเตอร์) ด้วย
ความเคลื่อนไหวด้านอื่นๆ ของตลาดรถกระบะที่น่าสนใจอีกค่าย คือ หลังจาก MITSUBISHI (มิตซูบิชิ) เปิดตัวรถกระบะ TRITON (ทไรทัน) โฉมใหม่ MITSUBISHI จะเพิ่มเติมรถกระบะเครื่องยนต์ไฮบริดมาด้วยหรือไม่ แน่นอนว่าอาจเป็นไปได้ที่ TRITON จะใช้แนวทางเดียวกับ TOYOTA คือ ออกรถกระบะไฮบริดมาก่อน ก่อนที่จะเอาภาพดรออิงของ TRITON EV บนกำแพงมาพิจารณาว่าจะเอาอย่างไรดี ? ระหว่างทำเอง ต้นทุนสูง หรือรอฝั่ง NISSAN NAVARA (นิสสัน นาวารา) ออกเทคโนโลยีรถกระบะไฟฟ้ามาก่อน ตลาดรถกระบะไทยหากเคลื่อนไหวตามที่เล่ามา ถึงเวลานั้นตลาดก็จะกลับมาคึกคักอย่างน่าสนใจเลยทีเดียว เรามารอดูพร้อมๆ กัน
เรื่องโดย : จอมยุทธ
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2566
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/460436