พิเศษ(4wheels)
ย้อนตำนาน ! 6 เจเนอเรชัน MITSUBISHI TRITON ที่สุดกระบะพันธุ์แกร่ง ของคนทั้งโลก
รถกระบะ MITSUBISHI (มิตซูบิชิ) ขนาด 1 ตัน เผยโฉมเป็นครั้งแรก เมื่อปี 2521 และพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน วันนี้เรามาติดตามเส้นทางของกระบะ MITSUBISHI ว่า ตลอด 4 ทศวรรษที่ผ่านมา มีความเปลี่ยนแปลงอย่างไร
ปี 2521 เจเนอเรชันที่ 1
MITSUBISHI FORTE
กระบะ MITSUBISHI ขนาด 1 ตัน รุ่นแรกเผยโฉมในนาม FORTE (ฟอร์เต) หรือ L200 (แอล 200) โดยชื่อ FORTE มาจากภาษาอิตาเลียน แปลว่า “แข็งแกร่ง” และผ่านการทดสอบอย่างหนักในทวีปอเมริกาเหนือ ซาอุดิอาระเบีย และประเทศไทย
รถกระบะ MITSUBISHI FORTE กว่า 657,000 คัน ผลิตขึ้นที่ศูนย์การผลิตยานยนต์ในเขตโอเอะ เมืองนาโกยา ประเทศญี่ปุ่นเป็นหลัก และมีบางส่วนผลิตที่ศูนย์การผลิตแหลมฉบัง ในประเทศไทย ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปอเมริกาเหนือ ที่มักใช้รถกระบะขนาดเล็กเดินทางไปโรงเรียน หรือที่ทำงาน และไปทำกิจกรรมยามว่าง
MITSUBISHI FORTE ในญี่ปุ่นใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร ส่วนตลาดอื่นๆ มีดีเซล 2.3 ลิตร ขณะที่อเมริกาเหนือมีทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร และ 2.6 ลิตร โดยในปี 2523 MITSUBISHI FORTE ได้เพิ่มรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบพาร์ทไทม์ ที่มาพร้อมกับโซ่ราวลิ้นซับเสียง ช่วยลดเสียงดังจากการทำงานของระบบส่งกำลัง อีกทั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ นี้ได้ถูกถ่ายทอดมายังรถ MITSUBISHI รุ่นอื่นๆ เช่น PAJERO (ปาเจโร) และ DELICA (เดลีคา) ในเวลาต่อมา
ในยุคนั้น MITSUBISHI MOTORS (มิตซูบิชิ มอเตอร์ส) เป็นผู้สนับสนุนหลักของภาพยนตร์ทุกเรื่องที่ เฉินหลง หรือ JACKIE CHAN (แจคคี ชาง) แสดง โดยมีรถยนต์จากค่ายนี้เข้าฉากทุกเรื่อง และสิทธิผลมอเตอร์ฯ ผู้จำหน่ายในไทยยุคนั้น ได้นำคาแรคเตอร์ฟัดเต็มสปีดของเฉินหลงมาประกอบในโฆษณา จนคนไทยเรียกติดปากว่า “กระบะรุ่นเฉินหลง”
ปี 2529 -2538 เจเนอเรชันที่ 2
MITSUBISHI L200 CYCLONE
เมื่อหมดยุคกระบะเฉินหลง MITSUBISHI L200 เข้าสู่เจเนอเรชันที่ 2 ในนาม MITSUBISHI STRADA (สตราดา) แต่ในบ้านเราใช้ชื่อ MITSUBISHI L200 CYCLONE (แอล 200 ไซโคลน) ที่มาพร้อมดีไซจ์นทันสมัย เสริมประสิทธิภาพตามหลักอากาศพลศาสตร์ รวมถึงยกระดับรายละเอียดการออกแบบอื่นๆ เพิ่มความมั่นใจในเรื่องความทนทาน มี 2 รูปแบบ คือ แบบตอนเดียว (SINGLE CAB) และแคบตอนครึ่ง (AERO BODY) ขณะที่ตลาดญี่ปุ่น ตัวถัง 4 ประตู ใช้ชื่อ MITSUBISHI STRADA รวมทั้งมีการใช้ชื่ออื่นในภูมิภาคต่างๆ เช่น MIGHTY MAX (ไมที แมกซ์) ในอเมริกาเหนือ, TRITON (ทไรทัน) ในออสเตรเลีย รวมถึง L200 ในภูมิภาคอื่นๆ โดยในอเมริกาเหนือจำหน่ายภายใต้บแรนด์ DODGE (ดอดจ์) รุ่น RAM 50 (แรม 50)
ด้านขุมพลัง เมืองไทยจำหน่ายเพียงขนาดเดียว นั่นคือ เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร 84 แรงม้า ตามมาด้วยพลังเทอร์โบ 2.5 ลิตร 98 แรงม้า พร้อมออพชันพวงมาลัยเพาเวอร์ เบาะนั่งสปอร์ทแบบแยกในรุ่นทอพตอนเดียว โดยปี 2532 โมเดล CYCLONE เป็นยุคเริ่มต้นการส่งออกจากฐานผลิตเมืองไทย ไปยังโปรตุเกสเป็นครั้งแรก และส่งออกไปตุรกีกับยุโรป ในปี 2535
รถกระบะ MITSUBISHI เจเนอเรชันที่ 2 นี้ มีจำนวนผลิตกว่า 1,146,000 คัน จากศูนย์การผลิตยานยนต์ในเขตโอเอะ เมืองนาโกยา ประเทศญี่ปุ่น และศูนย์การผลิตยานยนต์แหลมฉบัง ประเทศไทย
ปี 2538 เจเนอเรชันที่ 3
NEW MITSUBISHI STRADA
STRADA ถูกเปลี่ยนโฉมให้มีความโฉบเฉี่ยวมากขึ้น ดีไซจ์นใหม่หมดทั้งภายนอก และภายใน ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการใช้งานรถกระบะในชีวิตประจำวันแทนรถซีดาน ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.5 ลิตร และ 2.8 ลิตร พร้อมนวัตกรรมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เทคโนโลยี “EASY SELECT 4WD” มีให้เลือก 3 รูปแบบตัวถัง ตอนเดียว (SINGLE CAB), แคบตอนครึ่ง (MEGA CAB) และ 4 ประตู (DOUBLE CAB)
NEW MITSUBISHI STRADA เปิดตัวในประเทศไทยเป็นครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน 2538 ผลิตจากศูนย์การผลิตยานยนต์แหลมฉบัง ประเทศไทย ส่งออกไปขายทั้งในทวีปยุโรป โอเชียเนีย ละตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ยอดผลิตรวมทั้งสิ้นกว่า 1,046,000 คัน
ปี 2548 เจเนอเรชันที่ 4
MITSUBISHI TRITON
MITSUBISHI TRITON มาพร้อมดีไซจ์นแปลกตาตรงรอยต่อระหว่างแคบกับกระบะ แยกเป็นส่วนหัว/ท้ายชัดเจน อีกทั้งยังมีห้องโดยสารกว้างขวางที่สุดในบรรดารถกระบะระดับเดียวกัน เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล ที่พัฒนาขึ้นใหม่ขนาด 2.5 ลิตร และ 3.2 ลิตร ให้พละกำลัง และสมรรถนะมากกว่าเดิม อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำ ช่วยลดไอเสีย และเสียงรบกวนจากเครื่องยนต์
ตัวถังมี 3 รุ่น SINGLE CAB, CLUB CAB และ DOUBLE CAB ระบบขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อ และ 4 ล้อ EASY SELECT 4WD และ SUPER SELECT 4WD โดยกระบะเจเนอเรชันที่ 4 ภายใต้ชื่อ TRITON ผลิตรวมทั้งสิ้นกว่า 1,423,000 คัน ส่งออกไปยัง 150 ประเทศทั่วโลก
MITSUBISHI TRITON พัฒนาตาม 3 แนวคิดสำคัญ เพื่อบุกตลาดกระบะโลก ได้แก่ 1. พัฒนาสมรรถนะให้เหนือกว่าระดับมาตรฐาน ทั้งด้านความประหยัด ความแข็งแกร่ง และความทนทาน 2. มอบคุณภาพระดับมาตรฐานสูงสุดเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้บแรนด์ MITSUBISHI ในระดับโลก 3. ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ที่ไม่เพียงเฉพาะการใช้งานในเชิงพาณิชย์ โดยกระบะเจเนอเรชันที่ 4 ภายใต้ชื่อ TRITON ผลิตขึ้นรวมทั้งสิ้นกว่า 1,423,000 คัน ส่งออกไปยัง 150 ประเทศทั่วโลก
MITSUBISHI TRITON ได้รับการยอมรับด้านความแข็งแกร่ง และสมรรถนะของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยมีบทพิสูจน์จากการเข้าร่วมแข่งขันในรายการ DAKAR RALLY (ดาการ์ แรลลี) รวมถึงรายการต่างๆ ทั่วโลก
ปี 2557 เจเนอเรชันที่ 5
MITSUBISHI TRITON
MITSUBISHI TRITON ปรับโฉมยกระดับขึ้นไปอีกขั้น ในด้านความอเนกประสงค์ ความทนทาน ขับขี่ง่าย สะดวกสบาย เปี่ยมด้วยอารมณ์สปอร์ท สมฉายา "กระบะพันธุ์เข้ม แรงจัด ประหยัดจริง" มีทั้งรุ่น SINGLE CAB, CLUB CAB และ DOUBLE CAB เครื่องยนต์ MIVEC คลีนเทอร์โบดีเซล ขนาด 2.4 ลิตร พัฒนาใหม่ ระบบส่งกำลังแบบธรรมดา 6 จังหวะ และอัตโนมัติ 5 จังหวะ พร้อมโหมดการขับขี่แบบสปอร์ท เป็นครั้งแรกในรถกระบะ MITSUBISHI
ระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยระบบ EASY SELECT 4WD ประกอบด้วย 3 โหมดการขับขี่ ได้แก่ โหมดขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง (2H) โหมดขับเคลื่อน 4 ล้อความเร็วสูง (4H) และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อความเร็วต่ำ (4L) เพื่อสร้างแรงฉุดที่เหมาะสมกับสภาพถนนต่างๆ
ปี 2566 เจเนอเรชันที่ 6
ALL-NEW MITSUBISHI TRITON +
สิ้นสุดการรอคอย! MITSUBISHI MOTORS เปิดตัวกระบะเจเนอเรชันที่ 6 ที่ประเทศไทยเป็นแห่งแรกในโลก เรียกได้ว่าเป็นกระบะรุ่นใหม่แห่งอนาคต พลิกโฉมทุกมิติ ที่ออกแบบใหม่ทั้งคันในรอบ 9 ปี เครื่องยนต์ใหม่ "ไฮเพอร์ เพาเวอร์" เทอร์โบ 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่สุดของพละกำลัง เพื่อการตอบสนองอย่างเต็มสมมรรถนะ
ตัวถังใหม่ ใหญ่ขึ้น และแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม ด้านหน้าโดดเด่นด้วยดีไซจ์โฉบเฉี่ยว พร้อมห้องโดยสารภายในกว้างขวาง และตกแต่งอย่างมีสไตล์ รองรับการใช้งานที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ
ช่วงล่างใหม่ มอบการขับขี่ที่นุ่มนวล และการควบคุมรถที่ดีเยี่ยม พร้อมด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และระบบควบคุมการขับขี่ที่ได้รับการพัฒนาให้เหนือชั้นมากยิ่งขึ้น ตอบโจทย์การขับขี่บนสภาพถนนทุกรูปแบบ ยกระดับความปลอดภัย ความสะดวกสบายสุดพรีเมียม เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่การใช้งานแบบรถส่วนตัว และการใช้งานเชิงพาณิชย์
มีตัวถังให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ตัวถัง DOUBLE CAB มาพร้อมเบาะ 2 แถว มอบทั้งความสะดวกสบายแบบรถเอสยูวี และความอเนกประสงค์แบบรถกระบะ ตัวถัง SINGLE CAB (ตอนเดียว) มีเบาะคู่หน้า และตัวถัง MEGA CAB (ตอนครึ่ง) มีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง ช่วยให้ ปรับเอนเบาะคู่หน้าได้สะดวกขึ้น
เรื่องโดย : กองบรรณาธิการบทความสารคดี 4wheels
ภาพโดย : อินเตอร์เนท, บริษัทผู้ผลิต
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2566
คอลัมน์ Online : พิเศษ(4wheels)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/463100