SUBARU FORESTER (ซูบารุ ฟอเรสเตอร์) เอสยูวีสไตล์ครอสส์โอเวอร์ เปิดตัวครั้งแรกในปี 1997 ส่วนรุ่นใหม่ล่าสุดซึ่งเป็นเจเนอเรชันที่ 6 มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานมหกรรมยานยนต์ลอสแองเจลิส ครั้งล่าสุด โดยมีให้เลือก 5 รุ่นย่อย ได้แก่ BASE, PREMIUM, SPORT, LIMITED และ TOURING เตรียมส่งมอบถึงมือลูกค้าในช่วงกลางปี 2024
SUBARU FORESTER ใหม่ ได้รับการพัฒนาขึ้นบน SUBARU GLOBAL PLATFORM ที่เพิ่มความแข็งแกร่งของโครงสร้างขึ้นอีก 10 % ส่งผลให้มีประสิทธิภาพการขับขี่ดียิ่งขึ้น ขนาด และมิติตัวถังมีความยาว และกว้างขึ้นกว่ารุ่นเดิมเล็กน้อย ส่งผลให้มีพื้นที่ในห้องโดยสารกว้างขวางขึ้น ระยะต่ำสุดของใต้ท้องรถ 220 มม.
รูปลักษณ์ภายนอก มีการปรับเปลี่ยนจากรุ่นเดิมโดยสิ้นเชิง ด้านหน้าแลดูสปอร์ทด้วยการออกแบบให้กระจังหน้ากลมกลืนไปกับชุดไฟหน้าแบบ LED โดยได้รับการตกแต่งด้วยสีดำ ทำให้ดูคมเข้ม และดุดันมากขึ้น เส้นสายด้านข้างดูสวยงามสไตล์รถลุย โป่งซุ้มล้อ และแผงกันกระแทกบริเวณส่วนล่างตกแต่งด้วยสีสไตล์ทูโทน ส่วนล้ออัลลอยมีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 17-19 นิ้ว
SUBARU FORESTER ใหม่ เป็นรถรุ่นแรกของ SUBARU ที่ได้รับการติดตั้งประตูบานท้ายไฟฟ้าแบบ HANDS-FREE POWER REAR GATE ที่เราสามารถสอดเท้าเข้าไปบริเวณใต้กันชนเพื่อสั่งการเปิดประตูด้านท้าย นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ ลงในทุกรุ่นย่อย ได้แก่ ระบบไฟหน้าแบบเลี้ยวตามองศาการหมุนพวงมาลัย, ระบบเปิดไฟสูงโดยอัตโนมัติ และระบบแจ้งเตือนแรงดันลมยาง แสดงค่าลมยางในแต่ละล้อ ฯลฯ
ระบบพวงมาลัยผ่อนแรงด้วยไฟฟ้าแบบใหม่ DUAL-PINION นำมาจากสปอร์ทซีดาน WRX (ดับเบิลยูอาร์เอกซ์) เบาะนั่งออกแบบให้สามารถรองรับสรีระได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังพัฒนาให้เสียงรบกวนจากภายนอกลดลงจากรุ่นก่อน โดยเพิ่มวัสดุซับเสียงทั้งภายใน และภายนอกห้องโดยสาร ซึ่งวิศวกรของ SUBARU ระบุว่า สามารถลดเสียงรบกวนจากหลังคาลงได้มากถึง 39 % คอนโซลหน้าติดตั้งหน้าจอสัมผัส SUBARU STARLINK ขนาด 11.6 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ APPLE CAR PLAY และ ANDROID AUTO แบบไร้สาย ขณะที่รุ่นเริ่มต้น (BASE) จะได้หน้าจอ SUBARU STARLINK ขนาด 7 นิ้ว เบาะนั่งด้านหลังพับได้แบบ 60:40 เมื่อพับลงจะมีพื้นที่บรรทุกถึง 74 ลูกบาศก์ฟุต
ขุมพลังมีให้เลือกทั้งแบบเบนซิน 2.5 ลิตร และ 2.0 ลิตร ไฮบริด เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ แบบบอกเซอร์ ความจุ 2.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 24.6 กก.-ม. ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ LINEARTRONIC CVT ที่สามารถเปลี่ยนอัตราทดได้ 8 จังหวะจากแป้นแพดเดิล ชิฟท์ที่พวงมาลัย อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในเมือง/นอกเมืองอยู่ที่ 9.2/11.7 กม./ลิตร
ส่วนขุมพลังแบบไฮบริด หรือ E-BOXER ซึ่งนำเทคโนโลยีจาก TOYOTA (โตโยตา) เข้ามาใช้กับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ บอกเซอร์ ขนาด 2.0 ลิตร DIRECT INJECTION ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 19.8 กก.-ม. ทำงานร่วมกับระบบ E-BOXER มอเตอร์แบบ PERMANENT MAGNET AC SYNCHRONOUS ให้กำลังสูงสุด 16.7 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 6.7 กก.-ม. ใช้แบทเตอรีแบบลิเธียม-ไอออน ขนาด 13.5 กิโลวัตต์/ชม. เกียร์อัตโนมัติแบบ LINEAR TRONIC CVT ระหว่างการขับเคลื่อนมีการเปลี่ยนการทำงานระหว่างระบบน้ำมันเชื้อเพลิง และมอเตอร์ไฟฟ้าทำได้อย่างนุ่มนวล ราบรื่น สามารถทำความเร็ว 40.2 กม. โดยใช้พลังงานจากแบทเตอรีเพียงอย่างเดียว ถือว่าเป็นระบบไฮบริดที่สมบูรณ์แบบทีเดียว
โดยทั้ง 2 ขุมกำลัง มาพร้อมระบบกระจายแรงบิด ACTIVE TORQUE VECTORING และระบบ SI-DRIVE เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ SYMMETRICAL ALL-WHEEL DRIVE
SUBARU FORESTER ใหม่ ถือว่าเป็นครอสส์โอเวอร์ที่น่าใช้ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้ความอเนกประสงค์ในการใช้งานได้ในทุกๆ วัน แถมยังติดตั้งระบบไฮบริดเสริมเข้ามา เพื่อเน้นความประหยัดเชื้อเพลิง และเพิ่มสมรรถนะ คงต้องลุ้นว่าในเมืองไทยเมื่อไหร่จะนำเข้ารถใหม่รุ่นนี้มาจำหน่าย แฟนดาวลูกไก่อดใจรอ น่าจะมีโอกาสได้ชมรถตัวจริง
คุณรู้หรือไม่ ?
SUBARU FORESTER ใหม่ ติดตั้งระบบ EMERGENCY STOP ASSIST ที่ช่วยหยุดรถอย่างปลอดภัย พร้อมเปิดไฟฉุกเฉิน และปลดลอคประตูอัตโนมัติ หากพบว่าผู้ขับขี่ไม่มีการตอบสนองขณะใช้งานระบบ ADVANCED ADAPTIVE CRUISE CONTROL