ก้าวสำคัญของ “อีซูซุ”

2 สัปดาห์สุดท้ายของปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาที่ค่ายรถต่างๆ จัดงานแถลงข่าว และกิจกรรมทดสอบรถพร้อมๆ กันหลายงาน เรียกว่า งานซ้อนงาน สร้างงาน สร้างอาชีพกันอย่างคึกคักจริงๆ และหนึ่งในงานที่กล่าวมานี้ มีงานใหญ่ระดับโลก มาแถลงข่าวในเมืองไทยด้วย

แน่นอนครับ ผมหมายถึงงานแถลงข่าว “นโยบายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของอีซูซุ” ผ่านโซลูชันอันหลากหลายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ การพัฒนาพลังงานสะอาดรูปแบบใหม่ รวมถึงระบบการจัดการ และกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ ของ ISUZU (อีซูซุ) ที่คำนึงถึงความต้องการที่แตกต่างกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ และประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ใช้รถ

ประเด็นสำคัญที่ผู้บริหารระดับสูงของ ISUZU ทั้งจากบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่น และประเทศไทย กล่าวไว้พอจะสรุปประเด็นชัดๆ ได้ว่า ISUZU ได้ประกาศเป้าหมายว่าจะ “สร้างเสริมการขับเคลื่อนอย่างสร้างสรรค์ของโลก” และมุ่งมั่นว่าจะสร้างคุณค่าผลิตภัณฑ์ไว้ 3 ประเด็น คือ ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม, ความเป็นมิตรแก่ผู้ใช้รถ และความน่าเชื่อถือ และความต่อเนื่องในการดำเนินงาน  ซึ่งทั้ง 3 ประเด็นนี้ ผมเชื่อว่า ISUZU ทำได้แน่นอน ลองดูการตลาดในเมืองไทยสิครับ เราเห็นกันจะๆ ว่า ISUZU มีแฟนพันธุ์แท้มากมายขนาดไหน ดูจากยอดจำหน่ายรถกระบะในแต่ละปี ดูจากราคาขายต่อของรถ และดูการให้บริการหลังการขายที่ลูกค้าผู้ใช้รถเข้ามาใช้บริการ แบบอู่นอกได้กินยาก !

สิ่งที่เห็นได้ชัดจากการประกาศแผนธุรกิจครั้งนี้ ISUZU กำลังเดินหน้าด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และโซลูชันแบบครบวงจรเพื่อนำเสนอ “โซลูชันอันหลากหลายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ MULTI-PATHWAYS TO CARBON NEUTRALITY” เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้าทั่วโลก แผนงานด้านสิ่งแวดล้อมปี 2573 กำหนดเป้าหมายชัดเจนว่า จะมุ่งนำเสนอรถ EV ประเภทต่างๆ ทั้งรถบรรทุกขนาดกลาง และขนาดใหญ่, รถกระบะ และรถบัสโดยสาร ภายในปี 2573 หรืออีก 6 ปีข้างหน้า  

สำหรับประเทศไทย ชัดเจนแล้วว่า ISUZU พร้อมที่จะผลิตรถกระบะ EV เพื่อส่งออก โดยเริ่มจากประเทศนอร์เวย์ ประเทศโซนยุโรป ในปี 2568 และจะทยอยเปิดตัวในประเทศอื่นๆ ทั่วโลกตามลำดับความสำคัญ ตามแผนที่ว่านี้ ISUZU ทุ่มเงินกว่า 240,000 ล้านบาท เพื่อปฏิรูปทางดิจิทอลเกี่ยวกับความเป็นกลางทางคาร์บอน และลอจิสติคส์รวมถึงสร้างศูนย์พัฒนา และทดสอบรถ EV ภายใต้ชื่อ “THE EARTH LAB” ภายในปี 2568 

และไฮไลท์เด่นของงาน คือ การนำรถกระบะ EV ต้นแบบ ISUZU D-MAX EV CONCEPT (อีซูซุ ดี-แมกซ์ อีวี คอนเซพท์) มาจัดแสดงครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทย พร้อมกับนำเสนอทางเลือกพลังงานที่ชัดเจนผ่านรถกระบะ ISUZU D-MAX HI-LANDER MHEV (อีซูซุ ดี-แมกซ์ ไฮ-แลนเดอร์ เอมเอชอีวี), รถบรรทุก ISUZU ELF EV (อีซูซุ เอลฟ์ อีวี) และ ISUZU ELF FCEV (อีซูซุ เอลฟ์ เอฟซีอีวี) ที่ใช้พลังงานเซลส์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน...รถทั้ง 4 คันสร้างความฮือฮาให้แก่กลุ่มนักข่าว และผู้ใช้รถ ISUZU 

นอกจากนี้ ยังมีบอกเล่าถึงแผนความร่วมมือต่างๆ กับภาครัฐของไทย และโครงการความร่วมมือระหว่างบริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด บริษัท มิตซูบิชิคอร์ปอเรชั่น (ประเทศญี่ปุ่น) และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ในการทดสอบรถบรรทุกไฟฟ้า ISUZU วิ่งใช้งานจริง อีกทั้งยังมีการทดสอบใช้ HVO น้ำมันไบโอดีเซล เจเนอเรชันใหม่ที่ผลิตจากน้ำมันพืชใช้แล้ว และอื่นๆ 

เรียกว่างานนี้ ISUZU แสดงเจตนารมณ์เกี่ยวกับรถ EV ชัดเจน และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่รีบเร่งตามกระแสที่เป็นอยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ปัจจุบัน 

สำหรับผู้บริโภคชาวไทย ที่สนใจ และต้องการใช้รถ EV ไม่ต้องรอครับ ถ้าคุณมีความพร้อม อยากใช้ก่อน อยากประหยัดก่อน ตัดสินใจได้เลย แต่ถ้าคุณไม่รีบร้อน ใช้รถ EV ผมเชื่อว่าคุณจะประหยัดกว่า และมีทางเลือกด้านพลังงานมากกว่า ประมาณว่า “ใช้ก่อน ประหยัดก่อน แต่ใช้ทีหลัง ประหยัดกว่า” 

และบอกชัดๆ อีกทีว่า รถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน หรือ ICE ไม่มีวันสูญหายตายจาก ตราบที่โลกยังมีพลังงานหลากหลายให้เลือกใช้งาน ไม่เชื่อลองติดตามดูครับ !