บันทึกธุรกิจ(formula)
เมร์เซเดส-เบนซ์ /เดลฟาย ฯ /ฟอร์ด/เคพีเอ็น พลัส ฯ/ฮอนดา/เลนโซ่ ฯ/ยามาฮา
เมร์เซเดส-เบนซ์
เปิดตัวบริการด่วนพิเศษ เอกซ์เพรสส์เซอร์วิศ
คาร์ล ไฮนซ์ เฮกค์เฮาเซน ประธานและประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดมเลอร์ไครสเลอร์(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การเปิดบริการด่วนพิเศษแบบใหม่นี้ถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทยสำหรับตลาดรถยนต์ระดับหรู โดยมีจุดมุ่งหมายหลักคือ
การเพิ่มความรวดเร็วและประสิทธิภาพของการให้บริการแบบเบ็ดเสร็จในที่เดียว วันสตอพ (ONE STOP) ให้กับศูนย์บริการของ เมร์เซเดส-เบนซ์พร้อมทั้งมีการรับประกันคุณภาพของช่างที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี และคุณภาพของอะไหล่แท้ทุกชิ้น
ทั้งนี้เนื่องจากบริษัทมองเห็นถึงความต้องการของลูกค้า เมร์เซเดส-เบนซ์
ในการบริการและการซ่อมบำรุงที่รวดเร็ว ซึ่งในบางครั้งต้องนำรถไปซ่อมที่อู่ที่ไม่ได้มาตรฐานและไม่มีการรับประกันคุณภาพอะไหล่หรือความชำนาญของช่างใดๆ เลย จึงมองว่าบริการด่วนพิเศษเอกซ์เพรสส์เซอร์วิศ "EXPRESSSERVICE" นี้จะเป็นทางเลือกใหม่ของเจ้าของรถที่มีให้ทั้งความสะดวกรวดเร็ว และคุณภาพที่เชื่อถือได้
ซึ่งการบริการและซ่อมบำรุงแบบด่วนพิเศษจะเป็นการบริการแก่เจ้าของรถภายใน 59 นาทีสำหรับบริการทั่วไป
นอกจากนี้ยังครอบคลุมถึงการตรวจเชคฟรีสำหรับ ระบบเบรค ระบบปรับอากาศ ระบบไฟฟ้าการวิเคราะห์ปัญหาขั้นต้น และการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและน้ำมันเกียร์ เป็นต้นและยังรวมถึงรายการพิเศษสำหรับอะไหล่แท้และบริการพิเศษเพิ่มเติมอื่นๆ
สำหรับบริการ เอกซ์เพรสส์เซอร์วิศ จะเริ่มทดลองให้บริการที่ศูนย์บริการ 3 แห่งในกรุงเทพ ฯ ได้แก่ทีทีซี มอเตอร์ พัฒนาการ/เค้งหงษ์ทอง พหลโยธิน และวอง ฮอโต้โมบิล แจ้งวัฒนะและจะขยายขอบเขตการดำเนินงานในศูนย์บริการอื่นๆ ของผู้จำหน่าย เมร์เซเดส-เบนซ์ ในเขตกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดต่อไป
เดลฟาย ฯ
พัฒนาเทคโนโลยีสำหรับรถยนต์
รายงานจาก เดลฟาย คอร์พอเรชัน ฯ เปิดเผยว่า บริษัทได้แนะนำ แกนพวงมาลัยดูดกลืนแรงกระแทกซึ่งเทคโนโลยีแกนพวงมาลัยใหม่นี้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในอุบัติเหตุจากความสามารถในการดูดกลืนแรงกระแทกตามมาตรฐานที่ผู้ผลิตยานยนต์แต่ละรายกำหนดเทคโนโลยีการดูดกลืนแรงกระแทกใหม่จะใช้กลไกกระตุ้นการทำงานแบบ ไพโรเทคนิค แอคทิวเตอร์ (PYROTECHNIC ACTUATOR)
เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในขณะเกิดอุบัติเหตุสามารถปรับเปลี่ยนการทำงานให้เหมาะกับผู้ขับขี่และแรงชน
การทำงานของระบบนี้จะขึ้นอยู่กับขนาดและน้ำหนักของผู้ที่อยู่ในรถ การใช้เข็มขัดนิรภัยความเร็วและความแรงในการชน เดลฟาย ฯ ออกแบบมาเพื่อลดการบาดเจ็บจากการกระแทกโดยระดับการดูดกลืนแรงกระแทกจะถูกออกแบบให้ปรับเปลี่ยนเพื่อให้เหมาะสมกับผู้ขับขี่และความแรงในการชน แทนที่จะใช้หลักการแบบ วันไซส์ฟิทส์ออลล์ "ONE SIZE FITS ALL"ซึ่งเทคโนโลยีแกนพวงมาลัยดูดกลืนแรงกระแทกแบบใหม่นี้จะออกสู่ตลาดในปี 2548
นอกจากนี้ยังแนะนำ เดลฟาย แมกซิมัม ทอร์ก เบรค (DELPHI MAXIMUM TORQUE BRAKE)เทคโนโลยีเบรคใหม่ล่าสุดที่ตั้งอยู่บนสถาปัตยกรรมจานคู่ลอยตัว พร้อมลูกปืนเดี่ยวซึ่งจะให้แรงหมุนสูงพิเศษ พร้อมประสิทธิภาพการจัดการระบบความร้อนที่ดีขึ้น ซึ่งทำให้น้ำหนักเบาลงประกอบง่ายขึ้น ลดแรงสะเทือน และให้ความนุ่มนวลมากขึ้น
แมกซิมัม ทอร์ก เบรค ใช้จานเบรคคู่ที่ลอยตัวอยู่บนเส้นผ่าศูนย์กลางด้านนอกของศูนย์กลางของระบบโดยมีลูกปืนที่ทำงานด้วยระบบไฮดรอลิคเป็นตัวส่งแรงเบรคผ่านผ้าเบรคที่ประกบอยู่ด้านนอก/ในของจานแต่ละอัน ผ้าเบรคทำหน้าที่เสียดทานทั้งสิ้น 4 ชิ้น ดังนั้นเทคโนโลยีเบรคใหม่จึงสามารถให้แรงหมุนมากขึ้นกว่าระบบจานเบรคเดี่ยวธรรมดาทั่วไป ที่มีเส้นรอบวงเท่ากันถึง 1.7 เท่าหรือให้แรงหมุนเท่ากัน ขณะที่เส้นผ่าศูนย์กลางลดลงนอกจากนี้การสึกกร่อนและประสิทธิภาพการใช้งานยังเท่ากับผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันในขณะที่สถาปัตยกรรมจานเบรคลอยตัวยังสามารถขจัดปัญหาการสึกร่อนที่ด้านข้างได้อีกด้วย
การออกแบบของจานทั้งสองยังทำให้มีพิ้นผิวระบายความเย็น 4 ด้านในตัวโดยไม่ต้องมีใบพัดหรือช่องระบายความเย็นช่วยลดปัญหาด้านความร้อนบนตัวระบบเบรคและชิ้นส่วนต่างๆที่ติดตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางของระบบได้เป็นอย่างมาก ระบบ แมกซิมัม ทอร์ก เบรคจะนำไปประกอบในรถยนต์ที่ผลิตขึ้นในปี 2549
ฟอร์ด
ตั้งศูนย์ปฏิบัติการในประเทศไทย
รายงานข่าวจาก ฟอร์ด มอเตอร์ คัมพานีเลือกประเทศไทยเป็นศูนย์บัญชาการด้านปฏิบัติการระดับภูมิภาค ด้วยการก่อตั้ง บริษัท ฟอร์ด เซอร์วิสประเทศไทย จำกัด เพื่อเป็นศูนย์ปฏิบัติการระดับภูมิภาคซึ่งมีหน้าที่หลากหลายในการสนับสนุนการดำเนินงานของ ฟอร์ด อาเซียน โอเพอเรชันส์ ฟอร์ดเอเชียแปซิฟิค มาร์เกทิง เซลส์ แอนด์ เซอร์วิศ รวมทั้ง ฟอร์ด เครดิท เอเชีย-แปซิฟิคเพื่อรองรับกลยุทธ์การขยายตลาดในเอเชีย
ศูนย์ปฏิบัติการระดับภูมิภาคของ ฟอร์ด ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)โดยเริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2546 ฟอร์ด เซอร์วิส ประเทศไทยให้การสนับสนุนด้านการดำเนินธุรกิจหลักๆ ให้กับองค์กรในเครือ โดยครอบคลุมด้านการเงินการพัฒนาธุรกิจ การจัดการทรัพยากรบุคคล การสนับสนุนและการวางแผนด้านการผลิตการวางแผนด้านวัตถุดิบและการลำเลียง ขนส่ง รวมทั้งการจัดซื้อ
การก่อตั้ง ฟอร์ด เซอร์วิส ประเทศไทยเป็นการตอบรับต่อการเชิญชวนของคณะกรรมการส่งเสิรมการลงทุน (บีโอไอ)ให้บริษัทต่างชาติมาจัดตั้งสำนักงานระดับภูมิภาคในประเทศไทยโดยมอบสิทธิพิเศษในการจัดเก็บอัตราภาษีและการผ่อนปรนกฎเกณฑ์ในการจ้างงานผู้เชี่ยวชาญต่างชาติ
สมพงษ์ วนาภา เลขาธิการ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กล่าวว่าการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติงานระดับภูมิภาคของ ฟอร์ด การก่อตั้งศูนย์ในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า ฟอร์ด
มีความมั่นใจอย่างสูงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทรัพยากรท้องถิ่นและศักยภาพของประเทศไทยซึ่งหวังว่าการลงทุนเพิ่มเติมของ ฟอร์ด และผู้ผลิตรถยนต์ต่างชาติรายอื่นๆจะทำให้ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ยิ่งขึ้น
เคพีเอ็น พลัส ฯ
จับมือ 2 พันธมิตร
ณัฐวุฒิ เภาโบรมย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคพีเอ็น พลัส จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้เปิดตัวเคพีเอ็น พลัส ธุรกิจแฟรนไชส์ร้านค้าปลีกและค้าส่งอะไหล่รถจักรยานยนต์ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ที่สนใจจะร่วมธุรกิจ โดยปัจจุบันได้เซ็นสัญญาเพื่อเปิดแฟรนไชส์ไปแล้ว30 ราย และคาดว่าจะขยายเพิ่มอีก 100 สาขา ในปี 2547 ซึ่งแต่ละสาขาจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2.2ล้านบาท
นอกจากได้รับการตอบรับอย่างดีแล้ว เคพีเอ็น พลัส ฯ ยังได้พันธมิตรใหม่ทางธุรกิจอีก 2 รายที่จะมาช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจก้าวหน้าและมีความมั่นคงยิ่งขึ้น คือ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME BANK)
จะมาให้การสนับสนุนด้านสินเชื่อแก่ผู้สนใจประกอบธุรกิจกับเคพีเอ็น พลัส ฯ
ซึ่งเป็นการสร้างความแข็งแกร่งด้านเงินลงทุนและด้านเงินสดหมุนเวียนในการประกอบกิจการซึ่งเอื้อประโยชน์แก่บุคคลทั่วไปที่สนใจจะทำธุรกิจเป็นของตนเอง
พันธมิตรอีกรายหนึ่ง คือ บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
จะมาให้การสนับสนุนแก่ลูกค้าและร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ในการซื้อสินค้าอะไหล่และอุปกรณ์ตกแต่งที่ร้าน เคพีเอ็น พลัส ฯ โดยชำระผ่านบัตรอิออนได้และมีระยะเวลาปลอดการชำระเงินนานสูงสุดถึง 52วัน โดยปราศจากดอกเบี้ย ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าให้สามารถซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้นและให้กลุ่มลูกค้าที่เป็นสมาชิกของเคพีเอ็น พลัส ฯ จะได้รับสิทธิประโยชน์มากมายทั้งการผ่อนชำระปลอดดอกเบี้ยเป็นระยะเวลาหนึ่งและส่วนลดพิเศษ
ฮอนดา
ตั้งเป้าส่งออก 4.7 หมื่นล้านบาท
ซาโตชิ โตชิดะ ประธานกรรมการบริหาร และซีอีโอ บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่าขณะนี้ฐานการผลิตรถยนต์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ ฮอนดา ได้เสร็จสมบูรณ์แล้วโดยมีโรงงานผลิตรถยนต์ในประเทศอินโดนีเซีย/มาเลเซีย/ฟิลิปปินส์ และไทย ภายใต้กลยุทธ์ ผลิตโดยฮอนดา มาตรฐานเดียวทั่วโลก
นโยบายการผลิตของ ฮอนดาจะให้แต่ละประเทศผลิตรถยนต์ในรุ่นที่สอดคล้องกับความต้องการของประเทศนั้นๆและจะมีการขยายกำลังการผลิตตามความต้องการของประเทศส่วนการเลือกประเทศที่จะผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ จำเป็นต้องดูความต้องการของลูกค้าในประเทศนั้นๆแล้วจะมีการผลิตเพื่อการส่งออกอีกส่วนหนึ่ง
ปัจจุบันฐานการผลิตในแต่ละประเทศมีการผลิตรถยนต์แต่ละรุ่นดังนี้ ประเทศไทย ผลิตแอคคอร์ด/ซีอาร์-วี/ซีวิค/ซิที และ แจซซ์ อินโดนีเซีย ผลิต ซีอาร์-วี/ซีวิค และสตรีม ฟิลิปปินส์ ผลิต ซีอาร์-วี และซีวิค มาเลเซีย ผลิต แอคคอร์ด/ซีอาร์-วี/ซีวิค และซิทีสำหรับไทยนั้น ฮอนดาได้ขยายกำลังการผลิตรถจักรยานยนต์ในบริษัท ไทยฮอนด้าแมนูแฟคเจอริ่งจำกัด จาก 1 ล้านคัน เป็น 1.4 ล้านคัน และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ จาก 1.1 ล้านคันเป็น 1.3 ล้านคันบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เพิ่มจาก 70,000 คันเป็น 120,000 คัน
ส่วนผลการดำเนินงานของ ฮอนดา ในประเทศไทยนั้น ยอดขายรถจักรยานยนต์มี 1.272 ล้านคันเพิ่มขึ้น 27 % รถยนต์ 69,000 คัน เพิ่มขึ้น 27 % เครื่องยนต์อเนกประสงค์ในตลาดทั่วโลกคาดว่าจะทำยอดจำหน่ายที่ 4.98 ล้านเครื่อง ส่วนการส่งออกผลิตภัณฑ์ ฮอนดา จากประเทศมีการขยายตัวเพิ่ม 108 % คิดเป็นมูลค่าการส่งออกถึง 37,700 ล้านบาท ในปีนี้เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มียอดจำหน่าย 18,000 ล้านบาท
สำหรับเป้ายอดขายในปี 2547 ฮอนดา ตั้งเป้ารถจักรยานยนต์ไว้ที่ 1.3 ล้านคัน รถยนต์ 78,000 คันและตั้งเป้าการส่งออกไว้ที่ 47,500 ล้านบาท
ซาโตชิ กล่าวต่อว่า ฮอนดา กำหนดกลยุทธ์การดำเนินงานในปี 2547 ไว้ 4 ประการ คือ 1.การพัฒนาบุคลากร โดย ฮอนดา เตรียมลงทุน 850 ล้านบาทในการสร้างสำนักงานและขยายการดำเนินงานของบริษัท ฮอนด้า อาร์ แอนด์ดี เซาท์อีสท์ เอเชีย
จำกัด ในประเทศไทย เพื่อใช้เป็นศูนย์รวมของการพัฒนารถจักรยานยนต์ในภูมิภาคเอเชียรวมทั้งลงทุน 317 ล้านบาท ในการก่อตั้งศูนย์ฝึกอบรมทางด้านเทคนิคขึ้นในประเทศไทยคาดว่าจะดำเนินการได้ประมาณเดือนพฤษภาคม
2. การเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน 3.ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และ 4
การสร้างความปลอดภัยให้กับทุกชีวิตบนท้องถนน
เลนโซ่ ฯ
เปิดธุรกิจฟีล์มกรองแสง
ชัยวัฒน์ จิรปรีดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เลนโซ่ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด เปิดเผยว่า การเปิดตัวธุรกิจฟีล์มกรองแสง ยี่ห้อ ซันสกรีน จากประเทศสหรัฐอเมริกา มีสาเหตุมาจากอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยดูจากยอดขายรวมในปี 2546 เกินกว่า 5 แสนคันและคาดว่าในปี 2547 นี้จะมีอัตราการเติบโตกว่า 20 % หรือคิดเป็นประมาณ 6 แสนคัน
สำหรับฟีล์มติดรถยนต์ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ใช้รถทุกคน โดยเฉพาะเมืองไทยเป็นเมืองร้อนการติดฟีล์มกรองแสงจะช่วยลดความร้อนได้ดี ซันสกรีน เป็นฟีล์มคุณภาพสูง เกรดเอ ผสมเนี้อโลหะป้องกันรังสียูวี 99 % ลดความร้อนได้สูง ป้องกันรอยขีดข่วนทุกรุ่น รับประกันคุณภาพ 7 ปี
บริษัทตั้งเป้าการจำหน่ายในปี 2547 คาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 15 %
ตลาดรวมจะมีมูลค่าประมาณ 1,000-1,500 ล้านบาท ในปีแรกบริษัทจะสร้างพันธมิตรจากลูกค้ากลุ่มโชว์รูม และตัวแทนร้านค้าประดับรถยนต์และในอนาคตจะขยายช่องทางการจำหน่ายด้วยระบบแฟรนไชส์โดยบริษัทจะเสนอสิทธิประโยชน์และสนับสนุนด้านกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่องพร้อมกันนี้ยังให้การสนับสนุนในส่วนของทีมติดตั้งที่มีความเชี่ยวชาญ ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าว่าภายใน 2ปีจะสามารถเป็นแบรนด์ชั้นนำในตลาดเมืองไทย
ยามาฮา
เปิดตัว โฮมเธียเตอร์ใหม่
บริษัท สยามดนตรียามาฮ่า จำกัด แนะนำชุดโฮมเธียเตอร์รุ่นใหม่ล่าสุด CINEMA STATION DVX-S120 ที่มีรูปโฉมการออกแบบ และคุณภาพ แตกต่างจากชุดโฮมเธียเตอร์ทั่วๆ ไปถือว่าเป็นเครื่องเล่นดีวีดีพร้อมแอมฟลิฟลายเออร์ในตัว เหมาะสำหรับคนรักดูหนังฟังเพลงด้วยคุณภาพเสียงที่มีพลังสมจริง และระบบความคมชัดที่มีรายละเอียดของภาพสูงรวมถึงการดีไซจ์นรูปลักษณ์ของตัวเครื่องได้สวยงาม บ่งบอกถึงความหรูหรามีสไตล์แตกต่างจากผลิตภัณฑ์ประเภทเดียวกัน ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย คุณภาพสูง
YAMAHA CINEMA STATION DVX-S120 เป็นชุดรีซีเวอร์โฮมเธียเตอร์ 5.1 แชนแนลพร้อมเครื่องเล่นดีวีดีในตัว มีคุณสมบัติมากมาย เช่น ภาคถอดรหัส DOLBY DIGITAL/ DTS/ DOLBY PRO LOGIC II, QUAD-FIEID CINEMA DSP (DOLBY DIGITAL EX/ DTS-ES MATRIX 6.1)ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะทางของ ยามาฮา ที่จะทำให้รับเสียงได้รอบทิศทางในระบบ 6.1 แชนแนลระบบเสียงรอบทิศทาง 19 โพรแกรม/สามารถเล่นแผ่นดีวีดี-วีดีโอ เอมพี 3 วีซีดี ออดิโอ ซีดีและคุณสมบัติพิเศษอีกมากมาย ด้วยราคาสุดประหยัดเพียง 19,900 บาท
ABOUT THE AUTHOR
น
นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : -นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2547
คอลัมน์ Online : บันทึกธุรกิจ(formula)