ระเบียงรถใหม่
แคดิลแลค ซีทีเอส-วี
แคดิลแลค ซีทีเอส-วี
รถแรงของผู้ผลิตรถหรูเมืองมะกัน
ในปีโมเดล 2004 ที่กำลังจะผ่านพ้นไปนี้ แคดิลแลค ผลิตรถยนต์ให้ลูกค้าในเมืองมะริกัน เลือกใช้เลือกหาตามรสนิยมและตัวเลขในบัญชีเงินฝากรวม 7 อนุกรม คือ
แคดิลแลค ซีทีเอส (CTS)
แคดิลแลค เซวิลล์ (SEVILLE)
แคดิลแลค เดอ วิลล์ (DE VILLE)
แคดิลแลค เอกซ์แอลอาร์ (XLR)
แคดิลแลค เอสอาร์เอกซ์ (SRX)
แคดิลแลค เอสกาเลด (ESCALADE)
แคดิลแลค เอสกาเลด อีเอกซ์ที (EXT)
โดยที่สี่อนุกรมแรก เป็นรถยนต์นั่ง สองอนุกรมถัดมา เป็น SUV (SPORT UTILITY VEHICLE) หรือ รถกิจกรรมกลางแจ้ง และอนุกรมสุดท้าย เป็นรถพิคอัพระดับสุดหรู
เฉพาะรถยนต์นั่งสี่อนุกรม ซึ่งสองอนุกรมเป็นรถสี่ประตูซีดาน หนึ่งอนุกรมเป็นรถสองประตูคูเป และอีกหนึ่งอนุกรมเป็นรถสองประตูเปิดประทุน รถที่มีสนนราคาค่าตัวย่อมเยาที่สุด คือ แคดิลแลค ซีทีเอส
แคดิลแลค ซีทีเอส นับเป็นรถอนุกรมใหม่ ที่ค่าย แคดิลแลค เพิ่งนำออกจำหน่ายเมื่อปีโมเดล 2002 แทนที่รถอนุกรมเดิมคือ แคดิลแลค คาเทรา (CADILLAC CATERA) ซึ่งผลิตตามแบบรถ โอเพล โอเมกา (OPEL OMEGA) ของเยอรมนี และเป็นที่ทราบกันดีในวงการรถยนต์ของเมืองมะกันว่า แคดิลแลค ซีทีเอส เป็นรถที่ค่ายยักษ์ใหญ่ออกแบบและพัฒนาเพื่อสู้กับรถ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-5 (BMW 5-SERIES) และ เมร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาสส์ (MERCEDES-BENZ E-CLASS) ของค่ายเยอรมนี
สำหรับ แคดิลแลค ซีทีเอส-วี (CADILLAC CTS-V) ที่เห็นอยู่นี้ เป็นรถโมเดลใหม่ และเป็นโมเดลพิเศษ เพิ่งออกจำหน่ายในปีโมเดล 2004 นี่เอง ตัวถังสี่ประตูซีดานยาว 4.940 ม. กว้าง 1.793 ม. และสูง 1.476 ม. มีรายละเอียดในหลายๆ จุดที่แตกต่างจากรถรุ่นสามัญ และจุดที่เห็นได้ชัดโดยไม่จำเป็นต้องใช้ความสังเกตสังกาสักเท่าไร คือ แผงกระจังหน้าและกันชนหน้า ที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด
ชิ้นส่วนสำคัญ ที่ทำให้ แคดิลแลค ซีทีเอส-วี กลายเป็นรถแรงพันธุ์มะกัน ที่พอจะเทียบได้กับรถแรงพันธุ์เยอรมันอย่าง บีเอมดับเบิลยู เอม 5 (BMW M5) เมร์เซเดส-เบนซ์ อี 55 เอเอมจี (MERCEDES-BENZ E55 AMG) และ เอาดี อาร์เอส 6 (AUDI RS6) คือ เครื่องยนต์ OHV วี 8 สูบ 16 วาล์ว ความจุ 5,665 ซีซี และระบบเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ที่ขอหยิบขอยืมมาจากยอดรถสปอร์ท เชฟโรเลต์ คอร์เวทท์ เซด 06 (CHEVROLET CORVETTE Z06) เครื่องยนต์ที่ว่านี้ ให้กำลังสูงสุด 400 แรงม้าที่ 6,000 รตน. และให้แรงบิดสูงสุด 53.9 กก.-ม.ที่ 4,800 รตน.
สมรรถนะความเร็วตามตัวเลขของผู้ผลิต รถซีดานค่าตัว 50,000 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 2.1 ล้านบาทไทย คันนี้ สามารถทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม.ใน 4.7 วินาที และทำควอร์เตอร์ไมล์หรือประมาณ 400 ม. ใน 13.1 วินาที
พอนทิแอค จี 6
ไพ่ตัวเก็งใบใหม่สำหรับปีโมเดลใหม่
ถ้าคุณอยู่ในเมืองมะกัน และหยิบแคตาลอครายการสินค้าของผู้ผลิตรถยี่ห้อ พอนทิแอค (PONTIAC) ขึ้นมาดู คุณจะพบว่า ในปีโมเดล 2004 ที่กำลังจะสิ้นสุดในเดือนตุลาคมนี้ พอนทิแอค มีรถยนต์นั่งให้ลูกค้าในสหรัฐอเมริกาเลือกใช้รวม 6 อนุกรม ได้แก่
พอนทิแอค ซันไฟร์ (SUNFIRE)
พอนทิแอค แกรนด์ แอม (GRAND AM)
พอนทิแอค กรองด์ ปรีซ์ (GRAND PRIX)
พอนทิแอค บอนเนวิลล์ (BONNEVILLE)
พอนทิแอค จีทีโอ (GTO)
พอนทิแอค ไวบ์ (VIBE)
ในบรรดารถยนต์นั่งติดยี่ห้อ พอนทิแอค รวม 6 อนุกรมนี้ ถ้าคุณอยู่ในสหรัฐอเมริกาและเป็น "คนรักรถ" คุณก็คงจะทราบว่า รถที่ได้รับความนิยมสูงสุดและขายดีที่สุดตลอดช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา คือ พอนทิแอค แกรนด์ แอม (PONTIAC GRAND AM) ซึ่งเป็นรถเพียงอนุกรมเดียว ที่มีให้เลือกใช้ทั้งตัวถังสี่ประตูซีดานและตัวถังสองประตูคูเป
เอาใหม่ โยนแคตาลอครายการสินค้าปี 2004 ทิ้งไป แล้วหยิบหนังสือประเภท CAR BUYER'GUIDE หรือ CONSUMER REVIEW ซึ่งตีพิมพ์รายละเอียดของสินค้ารถยนต์ที่จะออกจำหน่ายในปีโมเดล 2005 ขึ้นมาดู คุณจะพบว่า ชื่อ พอนทิแอค แกรนด์ แอมหายไปเสียแล้ว และชื่อใหม่ที่มาแทนที่คือ พอนทิแอค จี 6 (PONTIAC G6)
พอนทิแอค จี 6 รถที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดตั้งแต่หัวจรดหาง โดยใช้แพลทฟอร์มที่มีชื่อว่า เอพซีลอน (EPSILON) ซึ่งมีช่วงฐานล้อยาว 120 นิ้ว ร่วมกับรถร่วมเครือคือเชฟโรเลต์ มาลิบู แมกซ์ซ์ (CHEVROLET MALIBU MAXX) และ ซาบ 9-3 (SAAB 9-3) ปรากฏตัวต่อสายตาผู้คนเป็นครั้งแรกที่งานมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์เมื่อต้นปี 2003 ในฐานะ CONCEPT CAR หรือ "รถแนวคิด" และปรากฏตัวให้เห็นอีกครั้งหนึ่งที่งานเดียวกันเมื่อเดือนมกราคมปีนี้ ในลักษณะ PRODUCTION CAR หรือ "รถตลาด" พร้อมกับคำประกาศยืนยันว่า จะออกจำหน่ายแน่นอนปลายปี 2004 นี้ ในฐานะรถรุ่นปีโมเดล 2005
ตามโครงการที่กำหนดไว้แน่นอนแล้ว รถใหม่อนุกรมนี้จะมีตัวถังให้เลือกใช้ถึงสามแบบคือ ตัวถังสี่ประตูซีดาน ตัวถังสองประตูคูเป และตัวถังสองประตูเปิดประทุน
ที่จะออกตลาดก่อนเพื่อนปลายปี 2004 นี้ เป็นตัวถังสี่ประตูซีดาน ซึ่งรูปทรงองค์เอวโดยรวม เห็นแล้วชวนให้นึกถึงรถบางรุ่นของค่ายสี่ห่วง ตามติดมาตอนต้นปี 2005 จะเป็นตัวถังสองประตูคูเป และปิดท้ายในฤดูร้อนปีเดียวกันด้วยตัวถังเปิดประทุน
ในระยะแรก พอนทิแอค จี 6 ซีดาน ที่กำลังจะออกจำหน่ายในฐานะรถรุ่นปีโมเดล 2005 ในตัวถังทรงลิ่ม ยาว 4.802 ม. กว้าง 1.749 ม. และสูง 1.450 ม. จะแยกโมเดลให้ลูกค้าเลือกใช้เพียงสองโมเดล คือ พอนทิแอค จี 6 (PONTIAC G6) กับ พอนทิแอค จี 6 จีที (PONTIAC G6 GT) ทั้งสองโมเดล ติดตั้งเครื่องยนต์แบบเดียวกัน เป็นเครื่อง OHV วี 6 สูบ 12 วาล์ว ความจุ 3,498 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. และแรงบิดสูงสุด 23.5 กก.-ม.ที่ 4,400 รตน.
ที่แตกต่างกันคือระบบเกียร์เพื่อส่งทอดกำลังสู่ล้อคู่หน้า กล่าวคือ ในโมเดลแรก เป็นเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ HYDRA-MATIC ส่วนในโมเดลหลัง เป็นเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ เช่นกัน แต่มีกลไกให้สามารถเปลี่ยนจังหวะเกียร์ด้วยมือได้ด้วย
นอกเหนือจากรถสองโมเดลที่กล่าวแล้ว ที่จะตามมาในปี 2005 เป็นรถซีดานโมเดลที่สาม คือ พอนทิแอค จี 6 จีทีพี (PONTIAC G6 GTP) รถโมเดลนี้ซึ่งเป็นโมเดลหัวกะทิ จะติดตั้งเครื่องยนต์ขนาดโตกว่าและแรงกว่า คือเครื่อง OHV วี 6 สูบ 3.9 ลิตร ที่ให้กำลังสูงถึง 240 แรงม้า และจะมีระบบเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ที่ออกแบบขึ้นใหม่ให้เลือกใช้ด้วย นอกเหนือจากเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ที่มีอยู่แล้ว
ด้านสนนราคาค่าตัว ขณะที่รายงานข่าวนี้ ยังหาตัวเลขที่แน่นอนไม่ได้ แต่คาดหมายกันว่า น่าจะอยู่ระหว่าง 18,000-26,000 เหรียญสหรัฐ หรือเท่ากับประมาณ 0.76-1.09 ล้านบาทไทย โดยมีข้อแม้ว่า เมื่อถึงตอนนี้ เงิน 1 เหรียญสหรัฐ ยังแลกได้ด้วยเงินไทย 42 บาท
ABOUT THE AUTHOR
ช
ชูศักดิ์ ชมจินดา
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2547
คอลัมน์ Online : ระเบียงรถใหม่