ประกันภัย
ระวังกลโกงอู่ซ่อมรถ
ขึ้นหัวเรื่องฉบับนี้ท่านผู้อ่านหลายท่านอาจจะดูว่าผู้เขียนเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย ขอเรียนว่ามิใช่เป็นเช่นนั้นครับ แต่กำลังจะพูดถึงโลกของความเป็นจริงในสังคมบ้านเรามันเป็นอย่างนั้นจริงๆจึงอยากที่จะมาพูดคุยเล่าสู่กันฟัง เตือนกันให้ระมัดระวัง "โจร" มันไม่ได้อยู่ไกลที่ไหนเลย มันอยู่ใกล้ๆรอบๆ ตัวเรา นี่เอง หลายครั้งหลายหนพบว่าเป็นคนที่เรารู้จักใกล้ชิดสนิทสนมและให้ความไว้วางใจอย่างมาก หรือบางทีก็อาจเป็นคนที่นอนเตียงเดียวกับเรานี่เอง
ก่อนอื่นคิดว่าพวกเราทุกคนคงจะไม่มีใครปฏิเสธนะครับว่าสังคมไทย และสังคมโลกยุคปัจจุบันเป็นสังคมวัตถุนิยมที่วัดคนด้วยกัน จากฐานะความเป็นอยู่ โดยดูจากสิ่งปัจจัยภายนอกที่มองเห็นอันได้แก่ เงินทอง รถยนต์ บ้าน ที่ทำงาน และทรัพย์สิน เป็นหลัก โดยไม่ค่อยคำนึงถึงนักว่าการได้มาซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวนั้นจะได้มาอย่างไร ถูกต้อง ชอบธรรมหรือไม่
ถ้าใครมีฐานะดี มีทรัพย์สินเงินทองมาก หรือที่เราเรียกขานกันว่า "รวย" ก็จะได้รับการยกย่องเชิดชูให้เกียรติ ได้รับการยอมรับอย่างออกหน้าออกตา น่าคบหาสมาคม พร้อมกับได้รับคำชมเชยว่า "เก่ง" ว่า "ดี" ว่า "มีชาติตระกูล " เข้าหลักภาษิตคำพังเพยไทยที่ว่า "มีเงินก็เป็นน้อง มีทองก็นับเป็นพี่" ซึ่งแท้ที่จริงแล้วบุคคลคนนั้นจะดีจริงหรือเปล่ายังไม่รู้ แต่ฐานะที่เห็นจากภายนอกบ่งบอกอย่างนั้นและสังคมโดยรวมก็จะเหมาไปเลยว่าเป็นคน " ดี "
การที่จะให้มีใครไปซักไซ้ไล่เลียงกันมาก่อน หรือตรวจสอบเบื้องหลังก่อนว่า ที่ "รวย" รวยมาได้อย่างไรเงินทองทรัพย์สินที่ได้มานั้นทำมาหากินโดยวิธีไหน สุจริตหรือโกงเขามา หรือเปล่า ? ในสังคมไทยบ้านเมืองเราก็ไม่มีใครคิดจะทำกัน เพราะถือเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา แม้นว่าจะมีใครคิดทำก็คงจะถูกปฏิเสธถูกต่อต้านจากเจ้าตัวและสังคมเป็นแน่แท้ และก็จะถูกเหมาไปว่าคนๆ นั้นเป็น "คนไม่ดี " "ไม่มีมารยาท" มองโลกในแง่ร้ายไม่น่าคบหาสมาคมด้วย
ทั้งที่ทุกวันนี้ คนขี้โกง คนทุจริต คนร่ำรวยผิดปกติ แทบทุกวงการก็ถูกเปิดโปงเป็นข่าวกันทั้งทางหน้าหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ อยู่เป็นประจำ ดังนั้นในโลกแห่งความเป็นจริง จึงสามารถสรุปแบบฟันธงไปได้เลยว่าคนโกงในทุกสังคมมีจริง และมีมากด้วย ที่จับได้ไล่ทันถูกเปิดโปงเป็นข่าวอาจมีเพียงไม่ถึง 5 % ส่วนที่ไม่เป็นข่าวหรือถูกปิดข่าวก็มีอีกจำนวนไม่น้อย และที่ยังจับไม่ได้ไล่ไม่ทันก็ไม่รู้อีกเท่าไร ?
แม้แต่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันยังกำหนดให้มีการจัดตั้งองค์การอิสระขึ้นมาตรวจสอบการทุจริตคอร์รัพชันทุกขั้นตอนทั้งในภาครัฐบาล ข้าราชการ รัฐสภา เช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในราชการ (ปปช.)/คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ( สตง.)/คณะกรรมการตรวจการรัฐสภา/คณะกรรมการกลางการเลือกตั้ง (กกต.)/คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคฯ (สคบ.)/คณะกรรมการอาหาร และยา ฯ (อย.) เป็นต้น
ส่วนในภาคเอกชนก็จะมีองค์กรภาคประชาชนที่ตั้งกันขึ้นมาตรวจสอบ เช่น เครือข่ายประชาธิปไตย/ชมรมแพทย์ชนบท และกลุ่มเอนจีโอด้านต่างๆ องค์การทั้งหลายต่างก็มีผลงานเปิดโปงทุจริตเป็นข่าวอยู่เป็นระยะๆ เช่น นักการเมืองหลายคนก็ต้องพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ถูกเว้นวรรคทางการเมืองบางคนก็ถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุก รัฐมนตรีและนักการเมืองบางคนก็ไม่มีแผ่นดินจะอยู่หนีออกนอกประเทศไป นอกจากนี้ก็มีทั้งนักการเมือง ข้าราชการ นักธุรกิจ อีกมากมายต้องถูกศาลสั่งลงโทษ ถูก ปปง. ยึดทรัพย์สิน อันเนื่องมาการฉ้อโกง ทุจริตคอร์รัพชัน
ที่เกริ่นมาแต่ข้างต้นทั้งหมด ก็เพื่อที่จะนำเสนอให้เห็นและยอมรับความจริงว่า "คนโกง" มีอยู่ทั่วไปในสังคมไทย เราต้องเปลี่ยนค่านิยมใหม่ที่จะไม่ยกย่องคน "รวย" "คนมีฐานะดี" ที่มีแต่วัตถุแต่จิตใจเลวทรามต่ำช้า ทำมาหากินโดยไม่สุจริต ขาดคุณธรรมและจริยธรรม ใช้กลโกง และเล่ห์เหลี่ยมจนทำให้ตนมีทรัพย์สินเงินทองร่ำรวย คนเหล่านี้ควรจะถูกขจัดออกไปจากสังคมให้สิ้นซาก เพื่อสังคมจะได้เหลือไว้แต่คนดีๆ มีจิตใจที่งดงามเปี่ยมล้นไปด้วยคุณธรรม จริยธรรม และมิตรไมตรี ที่น่าไว้วางใจ เราควรยกย่องคนดีที่ "ดีทั้งตัวและหัวใจ"
ที่นี้เรามาเข้าเรื่องของเราในหัวข้อว่า "ระวังกลโกงอู่ซ่อมรถ" อู่ซ่อมรถที่กล่าวถึงนี้หมายรวมถึงอู่ซ่อมรถโดยทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นอู่ซ่อมรถประกัน หรืออู่ซ่อมรถไม่มีประกัน รวมทั้งอู่กลางกรมการประกันภัยด้วย แม้แต่อู่ห้างก็ไม่ได้ยกเว้นนะครับ เพราะอันที่จริง "อู่ซ่อมรถ" ก็คือสถานที่ซ่อมรถที่เสียหายจากการเฉี่ยวชน คว่ำ หรืออุบัติเหตุใดๆ ให้กลับคืนสู่สภาพเดิม หรือ ซ่อมแซมเปลี่ยนอะไหล่ที่เสื่อมสภาพจากการให้งานให้สามารถใช้งานต่อไปได้โดยปกติ สภาพโดยทั่วไป อู่ก็ไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากโรงพยาบาล หรือคลีนิครักษาคน หรือสัตว์โดยทั่วไปเท่าใดนัก
สิ่งที่จะทำให้โรงพยาบาล หรือคลีนิค แตกต่างจากอู่ซ่อมรถก็ตรงที่ ผู้ทำการตรวจรักษาในโรงพยาบาลจะมีแพทย์ พยาบาลที่ร่ำเรียนมาโดยตรง มีใบประกาศณียบัตรปริญญารับรอง น่าเชื่อถือกว่าอู่ซ่อมรถ เพราะอู่ที่ใครๆ ก็สามารถมาเปิดทำเป็นธุรกิจได้จะมีใบประกาศรับรองหรือไม่ไม่สำคัญเพราะยังไม่มีสถาบันใดเปิดสอนอย่างเป็นจริงเป็นจัง ที่มีอยู่บ้างก็จะเป็นด้านเทคโนโลยีเครื่องยนต์ และส่วนซ่อมตัวถังรถจะเป็นเพียงความรู้เบื้องต้นจากสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานช่างทีซ่อมกันในอู่ส่วนใหญ่มักเรียนรู้ทางปฏิบัติจากประสบการณ์โดยเป็นลูกมือช่างมาก่อนต่อมามีความชำนาญก็ก้าวขึ้นมาเป็นช่าง ต่อมาอายุมากขึ้นพอมีเงินทุน หรือนายทุนก็แยกตัวมาเปิดอู่ซึ่งจะเป็นสายวิชาชีพเชิงช่างฝีมือ
ลักษณะของอู่ซ่อมรถโดยทั่วไป จะเป็นการรับจ้างซ่อม หรือจ้างเหมาซ่อม โดยได้รับค่าแรงเป็นสำคัญซึ่งในส่วนนี้หลักสากลรายได้เฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 15-20 % ของมูลค่างาน ดูจะเป็นที่ยอมรับได้ตามฝีมือทั้งฝ่ายตัวช่างและผู้ว่าจ้าง หรือเจ้าของรถ แต่ที่เป็นปัญหาคือ ค่าอะไหล่ ค่าอุปกรณ์ ค่าสี ค่าแรงงานผีที่ถูกบวกเพิ่มเข้าไปโดยไม่สุจริต หรือที่เราเรียกว่าถูกโกง ถือเป็นประสบการณ์ของคนใช้รถแทบทุกคนที่เคยได้พบเคยเจอปัญหานี้มาแล้วทั้งนั้น
กลโกงของบรรดาอู่ซ่อมรถนั้นมีวิธีการมากมายแล้วแต่สถานการณ์เป็นกรณีๆ ไป ที่พบบ่อย เช่น
1. เปลี่ยนอะไหล่เทียมให้ลูกค้า แต่คิดราคาอะไหล่แท้ โดยอ้างว่าเป็นอะไหล่แท้ ทำให้ลูกค้าถูกหลอกและจ่ายแพง
2. เปลี่ยนอะไหล่เทียม หรืออะไหล่เก่า (มือสอง)ให้ลูกค้า โดยอ้างว่าอะไหล่ตัวเดิมเสีย ทั้งที่ตัวเดิมที่เป็นของแท้ไม่ได้ เสียจากสภาพการใช้งาน หรืออาจจะเสียจากการถอดประกอบของช่างเอง แต่ลูกค้าต้องเป็นคนจ่ายเงิน
3. เอาอะไหล่จากรถคันอื่นที่เคยเข้าซ่อมในอู่ หรือ กำลังเข้าซ่อมอยู่มาสลับใส่ให้กลับรถอีกคันแล้วคิดราคาลูกค้าทั้ง 2 คัน ว่ามีการเปลี่ยนอะไหล่ให้เนื่องจากของเดิมเสีย ซึ่งความจริงอาจไม่ได้เสียเลยทั้ง 2 คัน หรือ เสียเพียงคันเดียว เป็นการขายอะไหล่โดยไม่ต้องลงทุนเลย อู่พวกนี้จะเก็บอะไหล่รถต่างๆ ไว้ในห้องสโตร์หรือด้านหลังอู่มากมาย มีทั้งอะไหล่ดี อะไหล่เสีย อะไหล่เก่า อะไหล่ใหม่ ทั้งแท้ทั้งเทียม มีหมด วันดีคืนดีก็เอาอะไหล่ที่มีอยู่นั้นมาหลอกขายใส่ให้ลูกค้า หรือนำตัวที่เสียมาแสดงให้ลูกค้าดูว่าของเดิมเสียต้องเปลี่ยนตัวใหม่ใส่แทน ถ้าเป็นของแท้เบิกห้างราคาแพงมาก ถ้าเป็นของเก่ามือสองราคาหรือของเทียมก็จะถูกกว่ามาก แล้วก็โน้มน้าวให้ลูกค้ายอมรับอะไหล่ (ซึ่งทางอู่มีอยู่) ที่อู่เสนอบอกคุณภาพพอกันแต่ราคาถูกกว่ามาก อู่ก็ได้ค่าอะไหล่โดยไม่ต้องลงทุน แถมยังคิดค่าแรงผีได้ด้วย ลูกค้าไม่รู้อะไร (ความจริง) ก็ยังชื่นชมบอกว่าอู่นี้ดีจังเลยทั้งช่วยแนะนำ ช่วยให้ประหยัด มีบุญคุณกันไปอีก
4. บวกค่าอะไหล่จากราคาจริง อันนี้ทำกันมากเพราะง่าย ไปวิ่งหาซื้ออะไหล่เก่ามาราคาถูกหรือให้ทางร้านประจำส่งมาให้แต่บวกราคาลูกค้าไปอีกเท่าตัว โดยลูกค้าไม่รู้ว่าถูกบวกก็ยอมจ่ายไปตามที่เขาหลอก
5. สลับอะไหล่ที่ใส่จริงกับอะไหล่ที่นำมาแสดงให้ดู เช่น นำอะไหล่ใหม่มาดู แต่ตอนใส่จริงเป็นของมือสองลูกค้าไม่รู้เพราะมันอยู่ด้านในใส่แล้วก็ใช้ได้เหมือนกัน แต่ราคาไม่เหมือนกัน
6. ใช้อุปกรณ์คุณภาพต่ำ แต่โกหกว่าคุณภาพสูงแล้วคิดราคาสูง เช่น สีแห้งเร็วธรรมดา หรือสีกึ่งแห้งช้า แต่กลับอ้างว่าเป็นสีแห้งช้า ทินเนอร์ธรรมดาหรือเกรดต่ำ แต่นำไปเติมใส่ในแกลลอนที่มียี่ห้อดีเกรดสูง แล้วหรอกลูกค้าว่าอู่ใช้ของดีเกรดสูง ซ่อมให้แล้วเรียกเก็บราคาค่าซ่อมสูงกว่าที่ควรจะเป็น
7. รื้อรถลูกค้าเกินกว่าส่วนที่เสียจริงโดยเจตนาหรือไม่เจตนา (ไม่มีความรู้) ทำให้ดูว่าเสียหายมากหลายจุด ทั้งที่จริงไม่ได้เสียหายอะไรในส่วนที่รื้อ แต่แจ้งว่าได้ซ่อมจุดนั้น จุดนี้ แล้วคิดค่าแรงผี เกินจริง
ที่ยกตัวอย่างมานี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ยกมาเพียงอุทธาหรณ์บางส่วนเท่านั้น อันที่จริงแล้วยังมีกรณีที่ลูกค้าถูกหลอกถูกอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการทำโดยเจ้าของอู่เอง หรือช่างของอู่โดยเจ้าของอู่จะรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ก็ตาม หรือบางทีเจ้าของอู่เองก็ถูกช่างของตนหลอกเสียเองเพราะเจ้าของอู่เป็นเพียงนายทุนไม่มีความรู้ปล่อยให้ช่างจัดการเองทั้งหมด ทั้งซ่อมทั้งซื้ออะไหล่ ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับการเปิดร้านอาหารแล้วให้แม่ครัวปรุงอาหารและจ่ายตลาดเองด้วย อย่างนี้ร้านหารก็เจ้งอย่างเดียวเพราะแม่ครัวโกงหมด
คราวหน้าเรามาคุยกันต่อถึง "กลโกงอู่ประกัน" และข้อแนะที่จะป้องกันแก้ไข อย่าลืมติดตามนะครับ
เรื่องโดย : กฤชกมล นิติธรรมโกศล
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2547
คอลัมน์ Online : ประกันภัย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52291