เล่นเป็นทีม(formula)
อะริกาโตะ คือ การบริการของ มาซดา
ทีมงาน "มาซดา" เจ้าของโครงการนี้ล้วนเป็นผู้มีประสบการณ์สูง และตั้งใจที่จะสร้างชื่อ "มาซดา" อีกครั้ง หลังจากที่ประสบความสำเร็จมาแล้วจากกิจกรรมอื่นๆ
"อะริกาโตะ" เป็นแคมเปญโฆษณา ที่ยิ่งใหญ่ในวงการรถยนต์ก็ว่าได้ เพราะครั้งนี้ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว "อะริกาโตะ" หรือ "ขอบคุณ...ที่ไว้วางใจ" ชูภาพลักษณ์การบริการเป็นเลิศ โดยดึงผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ 77 แห่ง ร่วมเป็นพรีเซนเตอร์เลยทีเดียว
ทีมงาน "อะริกาโตะ" ประกอบด้วย ปพนธ์ รัตนชัยกานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด/สุรีทิพย์ละอองทอง ผู้จัดการสื่อสารการตลาด/ศุภศิริ ลีลาพรพินิจ ผู้ช่วยสื่อสารการตลาด/เฉลิมขวัญ ขุนทอง ประสานงานฝ่ายขายและการตลาด/พินิจ งามพริ้ง ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ และ อุทัย เรืองศักดิ์ ประชาสัมพันธ์
ปพนธ์ รัตนชัยกานนท์
เริ่มทำงานในปี 2532 แผนกลูกค้าสัมพันธ์ บริษัท วิว คอร์ปอเรชั่น จำกัด ปี 2534 ผู้จัดการโครงการ ด้านสื่อสารการตลาด บริษัท อมริ พูริ ลินตาส (ประเทศไทย) จำกัด ปี 2536 กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปรินท์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ปี 2541 ที่ปรึกษาด้านการบริหารการสื่อสารการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท เกรย์ ไทยแลนด์ จำกัด ปี 2542 ผู้อำนวยการกลุ่มลูกค้าสัมพันธ์ บริษัท เกรย์ ไทยแลนด์ จำกัด และผู้จัดการทั่วไป บริษัท วิซแบงค์อาร์ท จำกัด ปี 2542 ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เบเกอรีมิวสิค กรุ๊ป จำกัด และเบอร์ทซมัน เอนเตอร์เทนเมนท์ กรุ๊ป และปี 2543 เริ่มงานเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
"บริษัท มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จำกัด จะดูแลเรื่องการขายรถ มาซดา โดยมีบริษัทแม่เข้ามาลงทุนเอง ทำให้การขายสำคัญขึ้นเรื่อยๆ จากยอดขายปีละกว่าพันคัน เพิ่มขึ้นเป็นปีละกว่า 14,000 คันในปี 2546 ดังนั้นจึงต้องมุ่งเน้นในเรื่องการบริการหลังการขายมากขึ้น การดูแลลูกค้าเพื่อให้เกิดความมั่นใจในการซื้อรถยี่ห้อหนึ่ง ตรงนี้จึงเป็นที่มาของ "อะริกาโตะ"
"แคมเปญ อะริกาโตะ เกิดขึ้นตามจังหวะที่เป็นแผนงานที่วางไว้เมื่อ 4 ปีก่อน คือต้องการแสดงความขอบคุณจากใจจริงที่ลูกค้ากลับมามั่นใจเรา ซึ่งถ้า มาซดา ขอบคุณอย่างเดียวอาจไม่ประทับใจ ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจของผู้จำหน่ายที่อยู่กับ มาซดา มาตั้งแต่ต้น หรือแม้แต่ผู้จำหน่ายที่เพิ่งจะร่วมธุรกิจ แต่มีความรักในแบรนด์ มีคนพูดว่าคนที่จะขายรถ มาซดา ต้องมีใจเต็มร้อย และ 70-80 % นี่เป็นไม่ได้ เพราะความที่เป็นแบรนด์ มาซดา มันมีความหมายดีมาก คำว่า มาซดา เป็นยี่ห้อค่อนข้างผูกพันกับดีเลอร์ เพราะจริงๆ แล้วเขาอยู่กับเรามามากกว่าทีมงานของเราเสียอีก เขารักในแบรนด์นี้มากกว่าเรา เพราะฉะนั้นถึงวันหนึ่งเราต้องขอบคุณ"
"การนำตัวแทน 77 แห่งทั่วประเทศมาขอบคุณพร้อมๆ กัน จึงเป็นพลังที่ยาก ผมเชื่อว่าไม่มียี่ห้อไหนทำได้ เราเห็นเวลาเขายิ้ม เวลาขอบคุณด้วยตัวเขาเอง เป็นอะไรที่เราไปกำกับหรือสั่งเขาไม่ได้ เป็นความประทับใจของแต่ละเมืองแต่ละจังหวัด เป็นการผูกติดกับยี่ห้อ ลูกค้าจะไม่ไปไหน เพราะบางแห่งไม่ได้ขาย มาซดา เพียงอย่างเดียว"
"คอนเซพท์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่เปิดตัว มาซดา เอมเอกซ์-5 ในปี 2543 เป็นเรื่องของกลยุทธ์ แต่ อะริกาโตะ คิดได้ตอนทานข้าวที่ฟูจิ นั่งเขียนคำว่า อะริกาโตะ อยู่ หลังจากนั้นก็เริ่มคิดกับทีมงาน ซึ่งจะค่อนข้างเร็วมากในเรื่องอย่างนี้ ครั้งนี้สตอรีบอร์ดก็คิดเอง และงานหนังสือ "CUSTOMER OF LIFE" เพราะเอเจนซีไม่กล้าคิดที่จะนำคน 70 คนมาขาย เขาทำให้เกิดภาพดูสอดคล้องกัน หน้าที่ของเราคือ แก้ไขในสิ่งที่เป็นจุดบอด เพราะฉะนั้นการทำงานของทีมการตลาด และทีม พีอาร์ ซึ่งอันนี้ พีอาร์ สำคัญมาก มันเป็นเรื่องของการทำให้คนเข้าใจ ไม่ใช่ส่งข่าว เราทำตรงนี้ ดีเลอร์ตื่นเต้น การตลาดเองก็คิดว่าจะทำอย่างไร สิ่งที่พลาดไม่ได้คือการขอบคุณให้ชัดเจนของ อะริกาโตะ ทั้งลูกค้าเก่า/ใหม่ ลูกค้าใหม่คือให้ผ่อน 0 % 48 เดือน ลูกค้าเก่า นำรถเข้ามาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องลด 50 % องค์กรของเราจะได้เติบโตอย่างแข็งแรง เป็นสมาชิกในครอบครัวที่ดี ถัดจากนี้ไปเราคงมุ่งเรื่องของบริการหลังการขายไปเรื่อยๆ "
"ผมประทับใจกับความร่วมมือร่วมใจของคน เทียบกับวันแรกที่เข้ามา มันต่างกันเยอะมาก ทั้งทีมมาวันแรกที่ประชุมแล้วเจอดีเลอร์ และประกาศคำมั่นสัญญาว่าเราจะสู้ ให้เห็นความสำเร็จ เขาสนุกสนานกับการขายรถ มาซดา เมื่อวันที่เขาไม่มีสินค้า เราให้สัญญา เขามาด้วยใจ ดีเลอร์มีมากขึ้น ในอนาคตเขามองมาซดา จะเข้มแข็ง มั่นใจมากขึ้น เวลา 4 ปี ที่เราอยู่กับเขามา เรารู้ว่าเราเดินมาถูกทางแล้วและเดินอย่างรัดกุม ที่ดีที่สุดคือ ความสำเร็จของธุรกิจ ให้มีผลประกอบการที่ดี และการสร้างแบรนด์ และทำให้ดีเลอร์ประสบความสำเร็จได้ ไม่ใช่เฉพาะ มาซดา อย่าง เดียว"
พินิจ งามพริ้ง
จบการศึกษาด้านสื่อสารมวลชน หนังสือพิมพ์ คณะนิเทศศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ทำงานที่หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ 7 ปี โดยทำข่าวเกี่ยวกับธุรกิจ นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี คือได้ความรู้กว้าง ขึ้นทั้งในเรื่องของคอนซูเมอร์โพรดัคท์ ข่าวรถยนต์ ข่าวกระทรวงอุตสาหกรรม และเรื่องของข่าวการเงิน
หลังจากนั้นก็ไปทำงานด้านการตลาดกับ บริษัท สหวิริยาซิตี จำกัด เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ประมาณ 2 ปี ไปหาประสบการณ์ต่อที่สหรัฐอเมริกาอีก 1 ปี กลับมาทำงานที่ธนาคารกรุงเทพ ด้านสื่อสารภายในองค์กร (INTERNAL COMMUNICATION) ดูแลปรับเปลี่ยนวิธีคิดของพนักงานกว่า 2 หมื่นคนและอยู่ที่ธนาคารกรุงเทพประมาณ 2 ปี มีโอกาสเรียนรู้งานด้านประชาสัมพันธ์ ที่บริษัท
โอกิลวี่พับบลิว รีเรชั่น จำกัด ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นโรงเรียนทางด้านการทำงานประชาสัมพันธ์ เพราะที่ผ่านมาการทำงาน พีอาร์ แบบในมุมมองของนักข่าว แต่ที่นี่พยายามใช้ประสบการณ์การเป็นนักข่าวมาทำ แต่พอมาอยู่ที่นี่จะได้ 2 อย่าง ได้ประสานกันระหว่างมุมมองของนักข่าว มุมมองของลูกค้า และมุมมองของเอเจนซี ที่ต้องทำให้ลูกค้ากับนักข่าวไปด้วยกันได้ เราดูธุรกิจทุกประเภท อยู่ที่นี่ 2 ปี จากนั้นก็มาร่วมงานกับ มาซดา เป็นที่ปรึกษาอาวุโส บริษัท ACA จำกัด หลังจากนั้นก็มาร่วมงานกับ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
ผลงานที่ทำกับ มาซดา คือ ร่วมกันทำให้คำว่า "ซูม...ซูม" หรือแบรนด์ มาซดา รู้จักกันมากขึ้น ซึ่งไม่ใช่แค่รู้จักคำว่า มาซดา แต่สามารถอธิบายได้ว่าเป็นแบรนด์รถยนต์ที่ทำออกมาสนุกสนาน ใครๆก็มาร่วมสนุกได้ เป็นแบรนด์รถยนต์ที่ไม่เหมือนใคร มีกลุ่มเป้าหมายชัดเจน เป็นกลุ่มวัยรุ่น คนหนุ่ม/สาว
"หน้าที่รับผิดชอบสำหรับแคมเปญ อะริกาโตะ คือ การทำประชาสัมพันธ์ คือ ทำอย่างไรให้ข่าวออกมาในช่วงที่เหมาะสม ซึ่งแคมเปญนี้ตั้งใจจะทำตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ก็มาสรุปทำกันในต้นปีนี้ โดยแคมเปญนี้เกิดจากทุกคนมองว่า มาซดา เป็นรถที่ดี แต่ไม่มั่นใจในเรื่องการบริการ ยังต้องมีการทดลองใช้ ถ้าได้ทดลองแล้วอาจจะเปลี่ยนความคิด อะริกาโตะ เป็นการเสริมความมั่นใจแก่ลูกค้า นอกเหนือจากเป็นสินค้าที่ดีมีชื่อเสียง"
"นอกเหนือจากเรื่องผลิตภัณฑ์ จะเป็นเรื่องของการสนับสนุนในเรื่องของการจัดกิจกรรม ที่ทำให้ดีเลอร์สามารถทำการตลาดได้ด้วยตัวเอง เพราะกิจกรรมจะใช้งบประมาณไม่มากถ้าเทียบกับการทำโฆษณา ทำให้ผลตอบรับวัดผลได้ในเรื่องของยอดขาย"
สุรีทิพย์ ละอองทอง
จบปริญญาตรี ภาษาอังกฤษ จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และปริญญาโททางด้านบริหารจากประเทศอังกฤษ หลังจากนั้นทำงานด้านความสวยงามอยู่ 2 ปี กลับมาก็ไปร่วมงานกับบริษัท เอเจนซี อีก 2 ปี และไปหาประสบการณ์ด้านการขาย และถูกทาบทามไปทำงานที่ ฮอนดา เกือบ 4 ปี หลังจากนั้นก็เริ่มงานกับ มาซดา จนถึงปัจจุบันนี้
"ผลงานที่ผ่านมาจะเป็นช่วงเริ่มทำงานที่ มาซดา ได้ทำการตลาดของ พิคอัพ ไฟเตอร์ ที่มียอดขายเริ่มแรก 300 คันพอเริ่มทำไปเรื่อยๆ มีการปัดฝุ่นสินค้า ทำการตลาด กลยุทธ์ ราคา เสริมภาพลักษณ์ใหม่ ยอดขายกลับมาสูงสุด 1,300-1,500 คัน/เดือน"
"ส่วนหน้าที่ในทีมคือ สื่อสารการตลาด ช่วยคิดแคมเปญ เนื่องจากภาพลักษณ์ในเรื่องการบริการเป็นสิ่งจำเป็นต้องมีการพัฒนา จึงคิดกันว่าใครพูดแล้วลูกค้าเชื่อมั่นมากที่สุด และเมื่อมองแล้วไม่มีใครทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นได้มากที่สุดเท่ากับเจ้าของกิจการ จึงสรุปออกมาเป็นผู้จำหน่ายแต่ละเขต และดูแลเพิ่มเติมว่าจะใช้งบประมาณเท่าไร ดูกลยุทธ์การใช้สื่อ และโฆษณาเพิ่มเติม เพื่อให้ลูกค้ารับรู้ได้มากที่สุด"
และนี่คือผลงานชิ้นสุดท้ายของ ปพนธ์ รัตนชัยกานนท์ ในการร่วมงานกับ มาซดา ต้อนรับปีใหม่ของวงการรถยนต์ เพราะหลังจากนั้นเขาก็ออกไปร่วมงานกับ "ทรู" ซึ่งกลายเป็นข่าวใหญ่
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : จินดา ลัยนันท์ ,เอกลักษณ์ จุลสุคนธ์
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2548
คอลัมน์ Online : เล่นเป็นทีม(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52431