บันทึกธุรกิจ(formula)
เชฟโรเลต์
เชฟโรเลต์
เปิดโครงการ "ASEP THAILAND"
วิลเลียม บอทวิค ประธานกรรมการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศไทย บริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ส เอเชีย แปซิฟิก จำกัด เปิดเผยว่า โครงการ "ASEP THAILAND" เป็นโครงการพัฒนาการศึกษา "เชฟโรเลต์ พัฒนาการศึกษาไทย" ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง จีเอม และเชฟโรเลต์ ประเทศไทย กับสถาบันการศึกษาระดับอาชีวะชั้นนำ 11 สถาบัน จากภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศ ได้แก่ อุบลราชธานี อุดรธานี มหาสารคาม นครราชสีมา พิษณุโลก นครสวรรค์ ชลบุรีสุพรรณบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และสงขลา โดยใช้งบประมาณรวมทั้งสิ้น 55 ล้านบาท ในการเปิดสอนหลักสูตรทางด้านยานยนต์ชั้นสูง โดยผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคของบริษัท ฯ ทั้งภาค
ทฤษฎี และภาคปฏิบัติแก่คณาจารย์จากสถาบันที่เข้าร่วมโครงการ และนำไปถ่ายทอดแก่นักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ ทั้งในสถาบัน และศูนย์บริการของ เชฟโรเลต์ เป็นระยะเวลา 2 ปี โดยจะติดตามผลต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 5 ปี
นอกจากนี้ยังได้มอบรถยนต์ เชฟโรเลต์ โคโลราโด และ ออพทรา ทั้งซีดาน และ เอสเตท พร้อมอุปกรณ์ และเครื่องมือที่ทันสมัย สำหรับศูนย์ปฏิบัติการของ เชฟโรเลต์ เพื่อใช้ในการฝึกอบรมซึ่งจะทำให้นักศึกษาได้มีโอกาสเรียนรู้ และฝึกปฏิบัติจากประสบการณ์จริงทั้งในห้องเรียน และศูนย์บริการของ เชฟโรเลต์ ทั่วประเทศที่มีอยู่กว่า 100 แห่ง ทั้งนี้เพื่อเป็นการเพิ่มทักษะด้านงานช่างยนต์ให้แก่นักเรียนระดับอาชีวะ โดยเมื่อจบหลักสูตรแล้ว คาดว่าจะมีนักศึกษาที่ผ่านการฝึกอบรมสามารถเข้าทำงานในธุรกิจ และอุตสาหกรรมยานยนต์มากกว่าร้อยละ 50 และจะสามารถผลิตบุคลากรคุณภาพด้านช่างยนต์ให้กับภูมิภาค และประเทศไทยได้ประมาณปีละกว่า 1,000 คน
บี-ควิก ฯ
เผยแผนปี 2550
เฮงก์ เจ คิกส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี-ควิก จำกัด ผู้ดำเนินงานศูนย์บริการรถยนต์ บี-ควิกเปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทวางแผนที่จะมีรายได้ประมาณ 1,300 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 30 % จากปีที่แล้ว โดยแบ่งรายได้ออกเป็นการจำหน่ายยางรถยนต์ 50 % น้ำมันเครื่อง 15 % ระบบช่วงล่างและชอคอับ 15 % ผ้าเบรค 5 % แบทเตอรี 5 % ที่เหลือเป็นอื่นๆ อีก 10%
ทั้งนี้ปี 2549 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ทั้งสิ้น 1,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสวนกระแสกับยอดขายยางรถยนต์โดยรวมที่ลดลง 4 % เนื่องจากพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป โดยมีการยืดระยะเวลาการเปลี่ยนยางออกไป ซึ่งแต่เดิมจะเปลี่ยนยางทุกๆ 2 ปี แต่ได้มีการยืดออกไปเป็น 3 ปี ทำให้ปริมาณความต้องการในตลาดลดลง
ส่วนสาเหตุที่ บี-ควิก ฯ เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีปัจจัยหลายประการ ได้แก่ การที่บริษัทไม่ได้ปรับราคาจำหน่ายในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งยังมีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นแต่ในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะปรับราคาขึ้นอีก 2-3 % ซึ่งน่าจะทำให้บริษัทมีการเติบโตได้ตามเป้าที่ตั้งไว้
นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมขยายสาขาไปสู่ตลาดต่างจังหวัด โดยจะเปิดสาขาแรกที่พัทยาในเดือนมิถุนายนนี้ หลังจากนั้นจะขยายไปยังหัวเมืองใหญ่เพิ่มมากขึ้น ส่วนกรุงเทพ ฯ จะขยายสาขาเพิ่ม 5 แห่ง
สำหรับการขยายสาขาไปยังประเทศมาเลเซีย ขณะนี้อยู่ระหว่างกำลังศึกษาตลาดอย่างจริงจังและคงต้องขออนุมัติจากคณะกรรมการบริหารของบริษัท ซึ่งคาดว่าจะมีการประชุมในเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งถ้าทางคณะกรรมการพิจารณาอนุมัติคาดว่าจะเริ่มเปิดตลาดในมาเลเซียปีหน้า
มิตซูบิชิ
แต่งตั้งกรรมการรองผู้จัดการใหญ่
ฮิซาโยชิ คุมาอิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท ฯ ได้แต่งตั้ง คาซูฮิโร วาตาชิเกะ เป็นกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ด้านการขาย แทนคาซูยูกิ คัมบายาชิ ซึ่งได้รับมอบหมายให้ไปดูแลตลาดภาคพื้นเอเชีย และอาเซียน มิตซูบิชิ มอเตอร์สคอร์พอเรชัน ประเทศญี่ปุ่น โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2550 ที่ผ่านมา สำหรับการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารในครั้งนี้ เป็นไปตามระเบียบวาระการปรับเปลี่ยนบุคลากรระดับบริหารประจำปีของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์พอเรชัน ประเทศญี่ปุ่น และเพื่อสร้างความแข็งแกร่งด้านงาน 3S ซึ่งประกอบด้วย การขาย (SALES) การบริการ (SERVICE) รวมทั้งงานด้านอะไหล่ และอุปกรณ์ตกแต่ง (SPARE PARTS) ให้กับ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย
คาซูฮิโร วาตาชิเกะ ร่วมงานกับ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์พอเรชัน ประเทศญี่ปุ่น มานานกว่า 35 ปี และเป็นผู้มีประสบการณ์โดยตรงด้านการขาย และการบริการ เคยปฏิบัติงานในสหรัฐอเมริกาและประเทศในยุโรปมากว่า 15 ปี และล่าสุดทำหน้าที่กำกับดูแลงานด้านคุณภาพ และบริการหลังการขาย ณ สำนักงานใหญ่ ประเทศญี่ปุ่นบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ผลิต และจำหน่ายรถยนต์ มิตซูบิชิ ในประเทศไทย มากว่า 45 ปี ปัจจุบันมีพนักงานทั้งสิ้นกว่า 4,000 คน พร้อมโชว์รูม และศูนย์บริการมาตรฐานทั่วประเทศถึง 143 แห่ง ด้วยมาตรฐานการผลิตยอดเยี่ยมระดับโลก บริษัท ฯ ได้ส่งออกรถยนต์ไปแล้วกว่า 900,000 คัน ไปยังกว่า 140 ประเทศทั่วโลก บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด มีปณิธานแน่วแน่ที่จะดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อร่วมเติบโตเป็นส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย
โรเบิร์ต บ๊อช ฯ
แถลงนโยบายปี 2550
ปาอูโล แฟร์ไรรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรเบิร์ต บ๊อช จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2550 บริษัทเน้นนโนบายเชิงรุก โดยยังคงเน้นนวัตกรรมความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์ ทั้งการผลิต การขาย และบริการ ด้านเครื่องมือไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ระบบรักษาความปลอดภัย รวมถึงเครื่องเสียงรถยนต์ BLAUPUNKT ตั้งเป้าเติบโตไม่น้อยกว่าตัวเลข 2 หลักส่วนผลประกอบการในปีที่แล้วมีอยู่ 4,800 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 72 % โดย 40 % เป็นยอดขายมาจาก บริษัท โรเบิร์ต บ๊อช จำกัด ซึ่งรับผิดชอบด้านการขาย และจัดจำหน่าย อะไหล่รถยนต์ เครื่องมือไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัย และเครื่องเสียง BLAUPUNKT และอีกประมาณ 60 % มาจาก บริษัท บ๊อช ออโตโมทีฟ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งรับผิดชอบงานด้านการผลิต และประกอบชิ้นส่วนยานยนต์ในระบบเบรค และระบบดีเซลคอมมอนเรล สำหรับโรงงานประกอบรถยนต์ รวมถึงการส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ในเขตอาเซียนอีกด้วย
สยามเอ็นจีเคสปาร์คปลั๊ก ฯ
ฉลองครบรอบ 30 ปี
คิโยชิ คาซาฮารา ประธาน บริษัท สยามเอ็นจีเคสปาร์คปลั๊ก จำกัด ผู้ผลิตหัวเทียนชั้นนำของโลก เปิดเผยว่า เพื่อฉลองครบรอบ 30 ปี แห่งความสำเร็จของหัวเทียน เอนจีเค ภายใต้แนวคิด "THE BEST QUALITY FOR 30 YEARS" บริษัทจึงได้จัดแคมเปญ "NGK SPARKING CAMPAIGN" มหกรรมแจกทองคำครั้งยิ่งใหญ่แห่งปี จำนวน 30 บาท เพื่อคืนกำไรให้แก่ลูกค้าที่ให้การสนับสนุนหัวเทียน NGK
สำหรับการร่วมแคมเปญครั้งนี้เพียงลูกค้าซื้อหัวเทียน NGK ครบ 100 หัว รับคูปอง SPARK GOLD 1 ใบ แล้วส่งมาชิงโชคที่บริษัท หรือตัวแทนจำหน่าย หมดเขต 30 มิถุนายน 2550 และจับรางวัลวันที่ 25 กรกฎาคม 2550
สยามแบตเตอร์รี่ ฯ
นำ โบลีเดน บุกตลอดไทย
อดิศร โรจตระการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแบตเตอรี่ อินดัสทรี่ จำกัด ผู้ผลิต และจำหน่ายแบทเตอรี "โบลิเดน" (BOLIDEN) และ "เทรน" (TRANE) เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทจะเน้นการทำตลาดแบทเตอรีในประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบ สำหรับตลาดทดแทน หรือ อาร์อีเอม โดยที่ผ่านมาเน้นตลาดส่งออกภายใต้ชื่อ เทรนและได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดยุโรและสแกนดิเนเวีย จึงต้องการที่จะสร้างชื่อสินค้าให้เป็นที่รู้จักแก่ผู้บริโภคชาวไทยที่เป็นคนรุ่นใหม่มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้ามีรายได้รวม 1,200 ล้านบาท แบ่งเป็นส่งออก 800 ล้านบาท และในประเทศ 400 ล้านบาท ในปี 2549 มียอดขายรวมประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยปีนี้บริษัทมุ่งเน้นทำการตลาดเชิงรุกมากขึ้น ซึ่งบริษัทได้เตรียมงบประมาณการตลาดไว้ 20 ล้านบาท อีกทั้งมุ่งให้ความสำคัญการนำเสนอผลิตภัณฑ์แบทเตอรีรุ่นใหม่ๆ ซึ่งมีนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เหมาะสำหรับวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่พร้อมกับขยายเครือข่ายพันธมิตรธุรกิจและช่องทางการจัดจำหน่ายให้มากขึ้น
นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะลงทุนอีกประมาณ 500 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีก 50 % จากเดิมที่มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1 ล้านลูก/ปี ภายในปี 2553 ปัจจุบันแบทเตอรี โบลิเดน และแบทเตอรี เทรน ผลิตโดย สยามแบตเตอรี่ อินดัสทรี่ ฯ และบริษัท สยามภัณฑ์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ดูแลการขายและทำการตลาด
ออโตเมติค บิสซิเนส กรุ๊ปฯ
เปิดโมเดลธุรกิจใหม่
วิบูลย์ ว่องศิลป์วัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออโตเมติค บิสซิเนส กรุ๊ป จำกัด หรือ เอบีจี ผู้ผลิตและจำหน่ายสัญญาณกันขโมย เปิดเผยว่า ในปี 2550 บริษัทวางแผนขยายกลุ่มธุรกิจหลักออกเป็น 3 กลุ่ม คือกลุ่มธุรกิจสัญญาณกันขโมยรถยนต์ ซึ่ง เอบีจี เป็นผู้นำในตลาดมากว่า 16 ปี ภายใต้แบรนด์ชั้นนำอย่าง ABT/OEM DEALER OF ABG/RAKON/MAGIC CAR กลุ่มธุรกิจฟีล์มกรองแสง KEEP COOL และ MADICO และ กลุ่มผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดรถยนต์ ซึ่ง เอบีจี เป็นตัวแทนจำหน่ายน้ำยาชั้นนำหลายยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็น AUTO MAGIC/CROCODILE/CLAY MAGIC/BODY MAGIC และ TRIPPLE KANGKAROO
ทั้งนี้กลุ่มธุรกิจของ เอบีจี ทั้ง 3 กลุ่ม จะถูกจำหน่ายผ่านช่องทางเดิมของ เอบีจี ทั้งในกรุงเทพ ฯ และต่างจังหวัด ขณะเดียวกัน เอบีจี ยังแตกธุรกิจขายปลีกเพิ่มอีก 4 ช่องทาง ทั้งนี้เพื่อให้การบริการให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น คือ
1. ABG AUTO SHOP ศูนย์บริการภายใต้แนวคิด "ความปลอดภัย ความบันเทิง ดูแลรถ ปัจจุบันมี 6 สาขา โดยทุกแห่งจะจำหน่ายสินค้าในเครือของ เอบีจี ทั้งหมด และสินค้านอกเครือ เอบีจี ไม่ว่าจะเป็น ชุดเครื่องเสียงชั้นนำอย่าง ALPINE/SONY/PIONEER/JVC ฯลฯ รวมทั้งอุปกรณ์ประดับยนต์ อาทิ กันสาดกันแมลงครอบกระจกมองข้าง เป็นต้น
2. ABG AUTO WASH ธุรกิจคาร์แคร์ โดยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดชั้นนำจากสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย โดยการลงทุนในรูปแบบนี้จะใช้เงินลงทุนน้อยกว่า ABG AUTO SHOP คือ ไม่เกิน 1 ล้านบาท ภายใต้แนวคิด "ศูนย์ดูแล ฟื้นฟูสภาพรถมาตรฐานอันดับหนึ่ง" ตั้งเป้าขยายสาขา 10 แห่งในปีนี้
3. ABG AUTO SALE เป็นการให้บริการทางเทเลเซลล์ เพื่อนำเสนอสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมให้แก่ลูกค้าหลังจากสิทธิพิเศษที่ได้รับฟรี 1 ปีสิ้นสุดลง ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้จะมีสินค้าที่หลากหลายในเครือและนอกเครือของ เอบีจี ให้ลูกค้าได้เลือก และจะพัฒนาไปสู่การให้บริการในระบบ E-COMMERCE อย่างเต็มรูปแบบ
4. ABG SERVICE การให้บริการที่ช่วยเติมเต็มความครบวงจรในการบริการ และช่วยสนับสนุนการขายให้แก่ช่องทางอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น หน่วยเซอร์วิศ 24 ชม. ที่พร้อมให้บริการแก้ไขปัญหาการใช้งานให้แก่ลูกค้าทางโทรศัพท์ และมีหน่วยเคลื่อนที่เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกค้าตลอด 24 ชม. รวมทั้งให้บริการติดตั้ง/ตรวจเชคถึงบ้าน สำหรับลูกค้าที่มีคูปอง GOLD SERVICE หน่วย CALL CENTER
สำหรับเป้าหมายของ เอบีจี ในปีนี้ คาดว่าจะมียอดขายอยู่ที่ 200 ล้านบาท หรือเติบโต 20 % เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยยอดขายของสัญญาณกันขโมยจะอยู่ที่ 150 ล้านบาท ฟีล์มกรองแสง 30 ล้านบาท และคาร์แคร์ 20 ล้านบาท
ไฮไฟ อินเตอร์เนชั่นแนล ฯ
จัดแข่งขันเครื่องเสียงติดรถยนต์ MAX 2007
นงลักษณ์ พรพิทักษ์ชัยกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ไฮไฟ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และกลุ่มบริษัทในเครือ เปิดเผยว่า การแข่งขันเครื่องเสียงรถยนต์ MAX 2007 (MOBILE AUDIO EXCELLENCE) ปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 โดยจะจัดขึ้นระหว่างเดือน พฤษภาคม-ธันวาคม 2550 เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมความสามารถทางด้านเทคนิค การติดตั้งเครื่องเสียงรถยนต์ของไทยให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น ซึ่งรูปแบบการแข่งขันจะกำหนดออกเป็น 2 ลักษณะ คือ 1. รอบการแข่งขัน และ 2. กลุ่มการแข่งขัน โดยรอบการแข่งขันจะแบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 รอบ คือ รอบคัดเลือก และรอบชิงแชพม์ประเทศไทย และกลุ่มการแข่งขันจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก คือการแข่งขันประเภทคุณภาพเสียง ( SQ CHALLENGE ) และการแข่งขันประเภทพลังเสียง ( SPL CHALLENGE) ซึ่งรอบชิงแชมพ์ประเทศไทย จะตัดสินในเดือนธันวาคม 2550
สำหรับการแข่งขันจะแบ่งออกเป็น 3 สนาม คือ เดือน พฤษภาคม สิงหาคม และตุลาคม และรอบชิงแชมพ์ประเทศไทย เดือนธันวาคม ซึ่งการตัดสินครั้งนี้มีคณะกรรมการที่มีชื่อเสียงในวงการเครื่องเสียง
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : ฝ่ายภาพ และบริษัทผู้ผลิต
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2550
คอลัมน์ Online : บันทึกธุรกิจ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/53189