ฟ้ากว้าง ทางไกล (4wheels)
ลำขาแข้ง
บนหน่วยพิทักษ์ป่าเขาบันได สายตาหลายคู่กำลังจับจ้องลงไปยังลำน้ำที่โค้งลับไปเบื้องหน้า ผมและอีกหลายคนจ้องฝูงลิงที่ลงกินน้ำในหน้าแล้งโดยไม่ตระหนกกับมนุษย์อย่างเราๆ ฉากภาพยนตร์ที่ไม่ได้จัดนี้มักจะมีดาราหมุนเปลี่ยนไปไม่ซ้ำหน้าให้เราได้มองดูอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นเก้ง กวาง นาก หรือนกยูงไทย สัตว์ที่ครั้งหนึ่งพบได้ตามลำน้ำทั่วแผ่นดินไทย แต่อาจกล่าวได้ว่าปัจจุบันมันเหลือเพียงในลำห้วยขาแข้ง และน้ำสาขาเท่านั้น บางครั้งแม้กระทั่งฝูงหมาไนที่ไล่ต้อนกวางป่ามาก็ยังมี แล้วถ้าลึกเข้าไปในลำห้วยที่ไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่ล่ะ
โป่งนายสอ กลางฤดูร้อน เช่นเคยที่การนั่งซุ่มนานๆ อาจจะไม่พบอะไรเลย แม้ว่าจะเป็นโป่งที่ใหญ่ที่สุดในห้วยขาแข้ง ตั้งอยู่ใจกลางพื้นที่ และติดลำห้วย ทั้งที่มีรอยเท้าสัตว์ชุกชุม แต่ไม่ได้รับประกันว่าจะได้พบ แต่อย่างน้อยกระทิงโทนที่เราเจอโดยบังเอิญในวันแรกที่เรากำลังหาทำเลทำซุ้มอยู่ก็นับว่าเป็นรางวัลอย่างดี ระหว่างทางกลับหน่วยยางแดงตอนเหนือ ฝูงนากที่มาหากินปลาอยู่โดยไม่สนใจผม ทำให้ผมคลานเข้าไปได้รูปใกล้ๆ อย่างไม่คาดคิดก็นับว่าไม่เสียเที่ยว
มุ่งหน้าขึ้นเหนือไปอีกสู่หน่วยน้ำตื้น ชื่อก็บอกอยู่ว่าน้ำตื้น จริงๆ แล้วมันเป็นหน่วยที่อยู่เหนือสุดของเขต และติดต่อกับป่าแม่วงก์ ป่าที่เป็นป่าดิบแล้งที่มีความหลากหลายที่สุดแห่งหนึ่ง บางครั้งก็มีคนพบสมเสร็จใกล้ลำธารขาแข้งที่แห้งขอด และแคบของที่นี่เป็นประจำ เช้าๆ นกกางเขนน้ำหลังเทา มักจะมาไซร้ขนอยู่บนโขดหินกลางห้วยเป็นนิจจนชินตา
ต่างกับทางใต้สุดที่กรึงไกร ป่าที่นี่เป็นป่าผลัดใบ มีป่าไผ่ขึ้นอยู่มาก ลำห้วยก็เต็มไปด้วย หญ้า กก อ้อ ดินในหน้าแล้งจะแตกระแหงเพราะเป็นเขตน้ำท่วมถึงของเขื่อนเจ้าเณร เรามาที่นี่เพราะมีภารกิจในการตามหาควายป่าฝูงสุดท้ายในเมืองไทย การเดินที่ต้องคอยระวังไม่ให้ผลุบลงไปในร่องดิน และแดดกล้าทำให้เราหงุดหงิด ควายที่หาก็ไม่พบ แต่สิ่งที่เราสลดใจก็คือ รังนกยูงหลายรังถูกไฟป่าคลอกจนเสียหาย อย่างน้อยเราก็พบรูของนากบนฝั่งแม่น้ำตรงข้าม
ทั้งครอบครัวราว 7 ตัว กำลังวิ่งเข้าออกรัง และโดดเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน บ่ายคล้อยหลังข้าวห่อของเราถูกจัดการจนหมด เราตัดใจเดินกลับ "ควาย ควาย" "ไหน ไหน" ไม่ขาดคำควายตัวเขื่องก็พุ่งมาทางผม ผมโยนกล้องและเลนส์ 600 ลงกับพื้น ใช้กล้องที่ติดเลนส์นอร์มอล ถ่ายไปราวสามรูป อีกไม่ถึง 5 เมตรที่มันจะถึงตัว ผมฉีกตัวหลบออกข้าง แฟนผมหลบตาม มันโดดข้ามเจ้าหน้าที่ที่ล้มลง แล้วหันมามองก่อนที่จะจากไป ต้องบอกว่าเราผิดเองที่ไปรบกวนความเป็นอยู่ของเขา ในที่ที่ไม่ใช่ของเรา สำหรับควายป่านั้นยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าจริงๆ แล้วเป็นควายป่าจริงๆ หรือควายปละของคนกะเหรี่ยง ที่เคยตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณนี้
ณ โป่งตาเต่าติดลำขาแข้ง จุดหมายในการตามฝูงควายป่าของผมยังไม่เสร็จสิ้น ผมกับวิทย์เดินขึ้นไปทางเหนือ คาดว่าจะใช้เวลาราว 3 วัน เพื่อย้อนกลับสู่หน่วยเขาบันได ที่ป่าไม้รกเตี้ยๆ ริมฝั่งตะวันตกของลำน้ำในวันแรก ผมเห็นอะไรตะคุ่มๆ ผ่านหน้าเราไปราว 30 เมตร เดินไปสักพัก วิทย์กับผมมองไปที่ตลิ่งด้านล่าง เจ้าพาดกลอนน้อยยืนปะหน้าดูเราราวกับว่าไม่เคยเห็นตัวประหลาดเช่นมนุษย์มาก่อน ไม่ทันไรแม่เสือลายพลาดกลอนก็ปรากฏกายขึ้นพร้อมเดินวนรอบเราห่างๆ บัดนี้ทั้งวิทย์ และผมเริ่มขาสั่นเทาด้วยเกรงว่าจะเป็นมื้อกลางวันของมัน ตั้งสติอยู่นานก่อนที่วิทย์จะตัดสินใจยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อขับไล่แขก ไม่เกิดปฏิกิริยาใดๆ ชะรอยลูกมันไม่ไปแม่มันก็คงไม่ไป หนทางสุดท้ายที่พอจะนึกได้ตอนนี้ ทั้งสองก็พร้อมใจตะโกนโหวกเหวกอย่างไม่ได้นัดหมาย ได้ผลเจ้าตัวน้อยเผ่นแนบพาให้แม่ของมันเลิกสนใจเราไปด้วย เช้าต่อมาบนหาดทรายลำขาแข้งเมื่อเราผ่านเข้าใกล้กอหญ้ากกที่หนาทึบ "โฮ๊ก" ใบหน้าและเขี้ยวทะมึนออกมาและผลุบเข้าไปในทันใด มนุษย์ทั้งสองอย่างเราตะลึงหงายหลังทำอะไรไม่ถูก ปล่อยให้เจ้าพาดกลอนน้อย เหยาะออกด้านข้างกอหญ้าออกไปราว 30 เมตร
หลังหมอกจางหายไปในช่วงสาย ผมผลุดออกจากซุ้มกลางลำห้วยทางใต้เขาบันได ผมเดินมาพบหัวที่เทนท์ เขาชวนผมไปดูอะไรบางอย่าง มันเป็นตัวเงินตัวทองขนาดยักษ์ที่ผมไม่เคยเห็นใหญ่เท่านี้มาก่อน มันนอนอาบแดดไม่ยอมขยับไปไหน น่าสงสัยว่ายังไม่มีแรงในตอนเช้า เราเฝ้าดูอย่างใกล้ชิดกว่าชั่วโมง
เมื่อมันเริ่มมีกำลังวังชา มันก็หันหน้ามาพร้อมกับอ้าปากขู่เราก่อนที่จะว่ายน้ำจากไป ตกเย็นผมและหัวได้ยินเสียงช้างร้อง ห่างไปทางคุ้งน้ำด้านล่าง เราค่อยๆ ย่องไปตามลำน้ำเพื่อดูช้าง ใกล้เข้าไปฝุ่นเริ่มคุ้งอบอวลไปทั่วคุ้งน้ำ พร้อมกับเสียงกิ่งไม้กอหญ้าหักสนั่นหวั่นไหว มันคงได้กลิ่นเราแล้ว เราพยายามเร่งฝีเท้า หญ้ากกและอ้อถูกโขลงช้างพังเป็นร่องนับสิบเส้นทาง ยิ่งเร่งตามเราก็เห็นแต่ก้นช้างอยู่ไวไว สักพักบนเนินริมตลิ่ง ช้างพังตัวเมียหยุดนิ่งให้ผมถ่ายรูปอย่างไม่ตระหนกเป็นที่ผิดสังเกต ไม่ทันไรงวงเล็กๆ ใต้ท้องก็โผเข้ามาหาเรา ไม่รอช้าที่แม่จะเข้าปกป้องลูกน้อย เล่นเอาเราแทบโดดลงจากตลิ่งสูงไม่ทัน
ล่องขึ้นเหนืออีกครั้งกับเตี้ยไปตามน้ำ แม้จะไม่พบอะไรมากนักแต่ธรรมชาติอันเงียบสงัดกลางลำห้วยทำให้เราลืมสิ่งวุ่นวายไปได้มาก "ตูมๆ ๆ" เบื้องหน้าที่ฝูงหมูป่าวัยรุ่นนับสิบๆ ตัวกำลังเดินวิ่งอยู่ในห้วยอย่างไม่แยแสต่อการปรากฏกายของเรา พวกมันเดินบ้าง วิ่งบ้างพลางหากินต่อไปโดยทิ้งเราไว้เบื้องหลัง กลางกองไฟคืนนั้นผมและเตี้ยช่วยกันปิ้งปลาที่จับได้จากอวนในวันนี้ สมทบด้วยกระบอกข้าวหลามที่เราเผาอุ่นๆ ท่ามกลางดวงดาวที่ระยิบระยับพราวบนฟ้า ผมคิดเลยไปถึงวันแรกๆ ที่เข้ามาถ่ายสัตว์ที่นี่ เสียง "โต้งโฮ้ง โต้งโฮ้ง" ในเช้าวันนั้น ยังเป็นนกยูงตัวเดิมที่มันจะส่งเสียงเรียกร้องตัวเมียทุกเช้า หลังจากที่ร่อนลงจากคอนไม้ที่นอน แม้ว่าตัวเมียไม่ได้แวะเข้ามาในอาณาเขตของมันหลายเพลาแล้ว มันก็ยังอุตส่าห์รำแพนหางอวดผม จริงๆ แล้วมันคงจะฝึกซ้อมไว้ก่อนเพื่อเกี้ยวตัวเมีย ภาพที่หาดูได้ยากเช่นนี้อาจจะเป็นภาพสุดท้ายของฝูงนกยูงบนผืนแผ่นดินไทย
บันทึกจากห้วยขาแข้งฉบับนี้ บันทึกไว้เมื่อหลายปีก่อน เมื่อผมเริ่มสนใจป่าและการถ่ายรูปพร้อมๆ กัน มันเป็นสัจธรรมสอนให้ผมรู้ว่า เราเป็นเพียงผู้นำสารธรรมชาติสู่ผู้อื่น การกระทำใดๆก็ตามต้องให้มีผลกระทบน้อยที่สุด และถึงแม้จะเต็มไปด้วยความระวังอย่างไรก็ตาม กิจกรรมของมนุษย์ในป่าปัจจุบันก็ยังเป็นการคุกคามต่อถิ่นอาศัยของเพื่อนร่วมโลกเหล่านี้อยู่ดี
บรรยายภาพ
1. ฝูงลิงแสมหน้าหน่วยเขาบันได
2. ป่าริมห้วยยังเขียวขจีขณะที่ป่าโดยรอบแล้ง
3. กวางป่าลงกินน้ำหลังไฟป่า
4. ควายป่าชอบอยู่ตามลำห้วย
5. กวางแม่ลูกข้ามลำน้ำ
6. นากหากินปลาในแอ่งน้ำขังกลางห้วย
7. นกยูงตัวผู้กับอาณาเขตของมัน
8. ฝูงผีเสื้อลงกินเกลือแร่ที่อาจเกิดจากปัสสวะของสัตว์
9. ตะพาบน้ำ
10. งูจงอาง
11. ตัวเงินตัวทอง
12. ปาดขณะผสมพันธุ์
ข้างหลังภาพ
ก่อนอื่นต้องบอกว่า การถ่ายภาพสัตว์ป่า สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่อยู่ที่ความสามารถถ่ายภาพแต่อย่างใด หากแต่ความเข้าใจในธรรมชาติของสัตว์และสิ่งแวดล้อมนั้นสำคัญยิ่งกว่า ความอดทนก็นับว่าจำเป็นไม่แพ้กัน และอาจจะต้องเตรียมความผิดหวังล่วงหน้าไว้ก่อน การถ่ายรูปสัตว์ที่ดี ควรเน้นถึงอารมณ์เช่นเดียวกับการถ่ายรูปคน สัตว์บางชนิดโดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มักจะมีการแสดงสีหน้าแปรเปลี่ยนไปตามอารมณ์ กิจกรรมต่างๆ ที่สัตว์ทำก็เป็นส่วนทำให้ได้ภาพที่ดีด้านเทคนิคนั้น บางครั้งอาจไม่จำเป็นต้องใช้เลนส์เทเลยาวๆ เสมอไป เพราะการใช้เลนส์มุมกว้าง จะทำให้ได้ภาพแสดงถึงถิ่นที่อยู่อาศัยด้วย ซึ่งผมมักจะใช้เมื่อสัตว์ชนิดนั้นสามารถเข้าใกล้ได้ อย่างภาพนี้ผมถ่ายกบภูเขาในเช้าวันหนึ่งที่ลำห้วยแม่ดี ผมรอจนได้จังหวะที่มันกระโดดโดยใช้เลนส์ 24 มม. ใช้ความเร็วชัทเตอร์ที่ 1/2000 วินาที ซึ่งเร็วพอที่จะหยุดความเคลื่อนไหว
เรื่องโดย : สุเทพ กฤษณาวารินทร์
ภาพโดย : สุเทพ กฤษณาวารินทร์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2546
คอลัมน์ Online : ฟ้ากว้าง ทางไกล (4wheels)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/55925